--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

ครม.ปู 4 จตุพร มา ชัจจ์ ไป เพื่อไทยต้องชัดเจน !!?


หากเพื่อไทยมองเมินคุณค่านักรบ อนาคตจะมีใครมาช่วยร่วมรบอีก นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. เปรียบไว้ว่าคนเสื้อแดงเป็นเสมือนเรือที่นำรัฐบาลเพื่อไทยไปถึงฝั่งฝัน หวังว่าทั้งเพื่อไทย... นายกฯปู... และบรรดาบิ๊กๆ ที่กุมอำนาจในเวลานี้ คงเข้าใจและคงไม่ลืม

ฉะนั้นหากยังขืนปล่อยให้มีการกระทบกระทั่ง มีการกระทืบเรืออยู่เรื่อยๆ วันที่ท้องเรือทะลุขึ้นมามันจะยุ่ง

ขึ้นต้นวันนี้ด้วยคำพูด ประธาน นปช. ที่ถือเป็น”เกราะแดง-กำแพงเหล็ก” ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์พิง เพราะเหตุผลที่ว่า อย่าปฏิเสธเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐบาลกับคนเสื้อแดง คือ “ความจริงล้านเซ็นต์”

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เองก็พูดออกมาชัดเจนว่า ต้องให้คนเสื้อแดงเข้ามาส่วนในการบริหารร่วมกับเพื่อไทย (อดิศร เพียงเกษ นำมาพูดในรายการ ตรงไปตรงมา ในทีวี เอเซียอ๊พเดท หรือทีวีช่องเสื้อแดง)

การเมืองวันนี้ น่าจะเปรียบเปรยได้ว่า......

“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน” เป็นทั้งบทเพลงดังเพลงอมตะในอดีต และเป็นเหมือนข้อเตือนใจ
โดยเฉพาะท่ามกลางกระแสลมแรงของข่าวเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จาก “ปู3” ไปเป็น “ปู4” ที่สร้างความสยองขวัญสั่นประสาทเป็นยิ่งนัก

เพราะเป็นที่รับรู้กันว่าการปรับครม.จะต้องมีแน่ๆ หนีไม่พ้น เนื่องจากอย่างน้อยต้องมี 1 ตำแหน่งแทนนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว

ปัญหาก็คือ ไม่มีใครเชื่อว่า ปรับ ครม.ทั้งทีจะมีการปรับแค่เก้าอี้เดียว ทำให้มีการจับตามมองกันเขม็งไปที่พรรคเพื่อไทย ว่ารอบนี้จะมีการเล่นเก้าอี้ดนตรีให้แย่งชิงกันกี่เก้าอี้ และเป็นการจัดสรรในลักษณะสมบัติผลัดกันชม หรือว่าเป็นไปในโทน “เด็กข้าใครอย่าแตะ”

ทำให้มีการมองกันว่าในพรรคเพื่อไทยเที่ยวนี้ มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่อาจจะมีประมาณ 3-4 เก้าอี้ที่ต้องสลับสับเปลี่ยนตัวเล่น แต่หากเฮี้ยนหรือเพี้ยนถึงสุดๆ อาจจะได้เห็นกันถึง 6-7 เก้าอี้โน่นเลย???

แค่คิดว่าถ้าเป็นสูตรปรับเล็ก 4-5 เก้าอี้ ก็หมายถึงว่าจะต้องมีรัฐมนตรีระดับว่าการของพรรคเพื่อไทยอย่างน้อย 2 คนที่กลายเป็นอดีตรัฐมนตรี และน่าจะมีระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการที่ต้องพ่วงขบวนอำลาไปด้วยอีกสองคน เท่านี้ก็เล็งเห็นความวุ่นวายแล้ว

หลักการสมบัติผลัดกันชมนั้น อาจจะถูกต้อง... แต่ปัญหาคือทุกคนอยากที่จะเป็นคนที่ได้ชม ไม่อยากจะเป็นคนที่ต้องผลัดนี่สิ... ที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมาทั้งภายในพรรคและภายนอกพรรค

ทำให้เวลานี้มีการอ้างสายตรงกันอุตลุดไปหมด ทั้งสายตรงดูไบ สายตรงนายกฯปู สายตรงเจ๊แดง สายตรงนายใหญ่ สายตรงนายหญิง และอีกสารพัดสายชนิดที่ไม่รู้ว่าถ้าเปรียบเป็นสายบะหมี่สำเร็จรูป นี่จะพันกันอีรุงตุงนังขนาดไหน

ก็เลยเกิดการปล่อยข่าวกันสนุก ไล่ดะฉะมั่วกันมาตั้งแต่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีพลังงาน บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลากเล็งไปถึง ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปด้วยเลย
ในขณะที่ระดับรัฐมนตรีช่วย ปล่อยข่าวสนุกว่าจะหลุดแบบยกพวง คือไปทั้ง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และ ประชา ประสพดี

เก็งว่าปรับไม่เกิน 3-4 เก้าอี้ดันมีรายชื่อออกมาเป็นขโยง แต่แน่นอนว่าใครที่เป็นสายตรง ใครที่เป็นเด็กดัน ฟังแล้วก็อาจจะหัวเราะแบบไม่ใส่ใจ เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ไม่หลุด ส่วนคนที่มีระยะห่างก็ได้แต่อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน

ปัญหาก็คือ แนวทางสมบัติผลัดกันชมเที่ยวนี้ ถูกจับตามองไปที่คนที่จะเข้ามามากเป็นพิเศษ และหนีไม่พ้นที่ทุกส่ายตาจะจับจ้องมองไปที่คนชื่อ “จตุพร พรหมพันธุ์” ตู่...อีกแล้ว!!!

รอบที่แล้ว ปู 3 ตู่ก็ถูกมองว่าจะได้โควตารัฐมนตรีของแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพราะครั้งนั้นว่ากันว่ามีการเอ่ยปากดิบดีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด

แต่สุดท้ายก็ผิดพาด ตู่วืดมาตลอด จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลัก ปู3 คลอดหมาดๆ ว่า พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะทอดทิ้ง “นักรบแผลเหวอะ” เพราะคิดว่าเป็นการประคองภาพลักษณ์ของรัฐบาลเอาไว้เช่นนั้นหรือ???

ต้องจูน ต้องอาศัยไหว้วานพี่ใหญ่ของบรรดาคนเสื้อแดง เป็นกาวใจสมานรอยร้าวไปตั้งหลายหลอด ไม่รู้ว่าบรรดาบิ๊กๆในพรรคเพื่อไทยยังจำได้หรือไม่

ถ้าจำได้ คำถามก็คือ แล้วจะให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเช่นนั้นหรือ???

หากมองว่า ตู่ จตุพร ต้องคดีเป็นนักรบเสื้อแดงที่มีบาดแผล จะทำให้พรรคมีปัญหา ทำไมไม่ลองมองไปที่พรรคคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ดูบ้างว่า ขนาดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดนแต่ละคดีหนักๆทั้งนั้น โดยเฉพาะคดีการสลายการชุมนุมกระทั่งมีคนตาย 99 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คน

ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร??? แต่พลพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนใจสักนิด ยังชูยังอุ้มคนทั้งคู่เอาไว้อย่างเต็มที่

แต่พรรคเพื่อไทยกลับไม่ใช่ ขนาดพ่ายคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก็ยังดันมีคนทะลึ่งออกมาบอกว่า แพ้เพราะมีชื่อว่า ตู่ จตุพร จะเข้าไปเป็น รองผู้ว่าฯ หาก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้เป็นผู้ว่าฯ

เรียกว่าโยนกันมาแบบหน้าด้านๆ ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่า ลึกๆแล้วขนาดได้มา 1.07 ล้านเสียงก็ยังแพ้นั้น เป็นเพราะสู้อยู่กับใคร??? และพ่ายแพ้เพราะอะไร???

ขยันป้ายสีกันเองแบบนี้แหละที่ทำให้พรรคเกิดรอยร้าวทั้งจากภายในพรรค และจากแนวร่วมสำคัญอย่างกลุ่มคนเสื้อแดง

จริงๆแล้วนายกฯปูจะตั้งใคร หรือไม่ตั้งใคร หลังจากที่เคลียร์กันเองแล้ว ก็ทำให้มันชัดเจนไปเลยจะดีกว่าหรือไม่?

ถ้าหากเห็นว่า บาดแผลจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของ ตู่ จตุพร ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ไม่กล้าตั้ง ก้บอกให้ชัดเจนไปเลยว่า จะไม่ตั้ง คนจะได้เลิกลือ ตู่จะได้ไม่ต้องลุ้นไม่ต้องคาดหวัง และสังคมจะได้ไม่ต้องมาลือมาวิเคราะห์กันให้มั่วซั่ว

แต่หากเห็นว่า ตู่ มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นรัฐมนตรีเที่ยวนี้ ก็พูดให้ชัดไปเลยว่าจะตั้ง... ใครจะทำไม… แบบนี้น่าจะเป็นการดีกับทุกฝ่าย

การที่มัวแต่อิหลักอิเหลื่อ กล้าๆกลัวๆ ไม่มีความชัดเจน แบบนั้นน่าจะยิ่งทำให้เกิดรอยร้าวหนักยิ่งขึ้น เพราะบรรดาบิ๊กๆในเพื่อไทยทั้งหลายจะต้องรู้ว่า นี่ไม่ใช่รอบแรกที่มีชื่อของตู่เข้ามาเป็นแคนดิเดท
คนเรา มีชื่อโผล่ในโผทุกครั้ง ต่อให้ไม่คิดไม่หวัง แต่เมื่อยังเป็นปุถุชนคนเดินดินมันก็อดเคลิ้มคล้อยไม่ได้ แต่สุดท้ายกลับวืดทุกรอบ มันก็ย่อมแปล๊บเจ็บจี๊ดในใจได้เหมือนกัน เมื่อจี๊ดบ่อยๆ มันก็ไม่จอย มันก็ร้าวได้

ฉะนั้นเที่ยวนี้ ขอชัดๆไปเลยดีมั้ย

อย่างน้อยพวกที่เหน็บว่า ตู่ ไม่ได้เป็นเพราะหน้าไม่หล่อเหมือนนักการเมืองบางคนบางพรรค ที่หน้าหล่อแถมพูดเก่ง จะได้หุบปากกันเสียบ้าง เพราะสิ่งที่สังคมไทยต้องการ ไม่ใช่นักการเมืองที่หล่อแต่หน้า แต่ใจจะต้องหล่อด้วย หากเป็นประเภทหน้าหล่อแต่ใจดำ แบบนั้นจะเอามั้ย???

ส่วนตู่หน้าอาจจะไม่หล่อ แต่ขอโทษหากใครรู้จักดีแล้วจะอึ้ง ทึ่ง ตะลึงตึงตึง

ที่สำคัญตู่นั้นมีหัวใจที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชนิดเต็มร้อย... ฉะนั้นหากคุณสมบัติข้อนี้รัฐบาลเห้นว่าเป้นสิ่งที่ดี เป็นเพื่อนร่วมรบมาด้วยกัน ก็ควรจะทำให้ชัดเจนไปเลย จะตั้งไม่ตั้งพูดกันตรงๆ หัวใจมีเลือดมีเนื้อจะถูกกร่อนหลายๆรอบมันไม่ดีแน่

แล้วอย่าลืมว่า ไม่ว่าอย่างไรตู่ก็เป็นแกนนำที่โดดเด่นคนหนึ่งของคนเสื้อแดง

เช่นเดียวกับกรณีของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ที่ปรับ ครม.กี่รอบ ก็ติดโผคนที่ต้องเด้ง คนที่ต้องหลุดมันทุกเที่ยวทุกครั้ง... ใจเขาใจเรา เอาใจมาใส่ในอกตัวเองว่าเป็น พล.ต.ท.ชัจจ์ ดูบ้างแล้วจะรู้ว่ามันเจ็บลึกขนาดไหน

ในเวทีต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไปหลังเวทีเมื่อไหร่เป็นต้องเจอ พล.ต.ท.ชัจจ์ เมื่อนั้น แถมคนเดียวยังไม่พอ ยังมีลูกสาวสุดเลิฟมาเป็นกำลังหลักของกลุ่มคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่งด้วย การทุ่มเทต่อสู้ให้ขนาดนี้ จริงๆแล้วไม่ควรจะเป็นแค่ รัฐมนตรีช่วย แต่ควรเป็นรัฐมนตรีว่าการด้วยซ้ำไป

แต่กลายเป็นว่าได้แค่ รัฐมนตรีช่วย แถมมีข่าวหลุดโผทุกครั้งที่ปรับ ครม. จนแม้แต่ทีมงาน แม้แต่นักรบรอบข้างยังงุนงง แถมเซ็งอีกต่างหาก ว่าตกลงแล้ว ระดับผู้กุมอำนาจบริหารในพรรคเพื่อไทยมองอะไร
ในขณะที่บรรดาอีแอบทางการเมือง บรรดาโจรมุมตึกที่โผล่มาเสวยสุขหลังการต่อสู้ กลับได้รับการยกย่องเชิดชู แต่คนที่ต่อสู้มาอย่างหนักกลับไม่ได้รับการไยดี

เลยกลายเป็นประเด็น กลายเป็นคำถามว่า ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ไยดี และต้องการที่จะห่างจากกลุ่มคนเสื้อแดงใช่หรือไม่ คิดว่าคนเสื้อแดงเป็นตุ้มคอยถ่วง เป็นสนิมของรัฐบาลเช่นนั้นหรือ???

ที่มา.บางกอกทูเดย์
//////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น