--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

ความฝัน ของรัฐบาล !!?


คอลัมน์ สามัญสำนึก

ขณะนี้รัฐบาลกำลังผลักดันร่าง พ.ร.บ. กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้

โดย รัฐบาลวาดฝันว่า แผนกู้เงินดังกล่าวเพื่อการลงทุนในระยะ 7 ปีข้างหน้า จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทย ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้จีดีพีโตปีละ 1% และเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสฟัง "พันศักดิ์ วิญญรัตน์"

ประธาน ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" บรรยายเรื่องแนวเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน เป็นการลงทุนระบบโลจิสติกส์ทั้งหมด แบ่งเป็นระบบราง 78% ถนน 19% ทางทะเล 1.5% ระบบศุลกากร 0.6% และทางอากาศ 0.04%ที่เป็นไฮไลต์ก็คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรน ประธานที่ปรึกษาของนายกฯระบุว่า การลงทุนไฮสปีดเทรนไม่ใช่แค่ลงทุนระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ

แต่เป็นโครงกระดูกหลักในการขนส่งสินค้า ที่จะส่งให้ประเทศไทยเป็น "ฮับ" ด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค และส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย

นอก จากขนคน เป้าหมายของไฮสปีดเทรนคือ การขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ดอกไม้ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยรถไฟความเร็วสูง (250 กิโลเมตร/ชั่วโมง) 1 ขบวน ขนสินค้าได้ 100 เมตริกตัน เทียบเท่ากับการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกถึง 200 คัน

"ไฮสปีดเทรนไม่ใช่แค่รถไฟ แต่หมายถึงอนาคตของประเทศที่จะวิ่งไปพร้อมกับไฮสปีดเทรน" นายพันศักดิ์กล่าวและว่าเมื่อรถไฟความเร็วสูงเปิดให้บริการ จะทำให้การขนส่งด้วยรถไฟเพิ่มขึ้นเป็น 80% ช่วยประหยัดการบริโภคน้ำมันได้ถึง 35% ต่อปี หมายถึงลดการนำเข้าน้ำมันกว่า 4 แสนล้านบาท/ปี ทั้งลดค่าใช้จ่ายในการเก็บสินค้าคงคลัง 7.2 แสนล้านบาท/ปี ไปจนถึงลดอัตราการเน่าเสียของผัก ผลไม้ สินค้าเกษตรในการขนส่ง

ขณะ ที่เส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงตัดผ่านก็กลายเป็นเขตเศรษฐกิจและเขตอุตสาหกรรม เกิดขึ้นได้ทุก ๆ ที่ ทำให้คนไทยฝันถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บ้านหลังใหญ่ติดขอบธรรมชาติ ที่สามารถตื่นขึ้นมาแล้วขึ้นรถไฟความเร็วสูงมาทำงานในเมืองได้อย่างสบาย

ทั้งหมดนี้คือ การขายฝันของรัฐบาล !

เชื่อว่าใครได้ฟังแนวคิดนี้เป็นต้อง "เคลิ้ม" นอนฝันถึงวันที่จะเป็นจริง

ขณะ ที่หลายฝ่ายก็กังวลกับปัญหา "คอร์รัปชั่น" เพราะหลายคนส่งสัญญาณว่าให้เร่งลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ เกรงว่าจะเสียโอกาส

เช่น ที่นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กล่าวว่า "ขณะนี้ภาครัฐและเอกชน กลัวว่าการลงทุนจะไม่เกิดขึ้น มากกว่ากลัวเรื่องคอร์รัปชั่น เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเสียโอกาสลงทุนไปมากแล้ว หากประเทศไทยไม่ลงทุนครั้งนี้ จะทำให้ไม่สามารถแข่งกับเพื่อนบ้านได้"

จึงหวังว่าโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน ที่สร้างภาระหนี้สาธารณะเพิ่มอีก 7% จะไม่กลายเป็นขุมทรัพย์หาประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอำนาจบางกลุ่ม

เรื่องแบบนี้ทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง หรือข้าราชการรู้ดีเพราะ ทุกครั้งที่เกิดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ แม้ว่าประเทศชาติได้ประโยชน์ แต่ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลทำให้เงินที่ตกหล่นตลอดทางก็มหาศาลเช่นกัน

และ เพียงแค่โหมโรงผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ด้วยการจัดงาน "Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชน...เพื่อประชาชน" ที่ศูนย์ราชการ (แจ้งวัฒนะ) เมื่อ 9-12 มี.ค.ที่ผ่านมา

วงในแจ้งว่า รัฐบาลใช้เงินไม่ต่ำกว่า 45 ล้านบาท และหลังจากนี้ยังมีแผนงานประชาสัมพันธ์และอีเวนต์อีกเพียบ

รัฐบาลจะทำอย่างไรให้เงินกู้ 2 ล้านล้านก่อประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
/////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น