--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การรวมตัวอย่างเข้มแข็งของภาคเอกชน จะทำให้ประเทศสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีพลัง !!?




โดย.ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ในห้วงเวลาที่บ้านเมืองตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งจนภาครัฐยากที่จะขับเคลื่อนได้อย่างเต็มพลัง  และในยามที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ยังอ่อนแอและยากจน  ภาคเอกชนคือความหวังอันสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศสามารถพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้  เพราะเพียบพร้อมทั้งทรัพยากรและความสามารถ

ในด้านหนึ่ง ภาคเอกชนสามารถเชื่อมโยงและร่วมมือกับภาครัฐในการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่ถูกต้อง   ประสานร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนาความสามารถของภาคเอกชนทั้งเล็กและใหญ่ให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ไม่ว่าในด้านเศรษฐกิจและการเมืองของโลก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน  ความเข้าใจและความร่วมมือที่ใกล้ชิดจะทำให้ภาครัฐอาศัยพลังที่แข็งแกร่งของภาคเอกชนไทยเข้าจัดการกับปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ   ในขณะเดียวกัน  ภาคเอกชนก็สามารถอาศัยภาครัฐในการริเริ่มและให้การสนับสนุนในกิจกรรมที่มีความสำคัญซึ่งภาคเอกชนไม่อาจจะกระทำได้โดยลำพัง

ในอีกด้านหนึ่ง ภาคเอกชนที่แข็งแรงก็สามารถก้าวเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาภาคชนบทและภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็ง    ซึ่งลำพังแล้วภาครัฐไม่สามารถเข้าไปช่วยดูแลได้อย่างทั่วถึง บทบาทเชิงสร้างสรรค์ของภาคเอกชนต่อภาคประชาชนและภาคชนบท ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน  การปฏิรูปการเกษตร  การยกระดับการพัฒนาสังคม  ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม การดูแลสังคมเยาวชนและผู้ชราในชนบทที่ยากไร้   บทบาทเหล่านี้ภาคเอกชนสามารถทำได้อย่างมีพลังหากร่วมมือกันระหว่างเอกชนด้วยกัน และระหว่างเอกชนกับภาคประชาชนและสถาบันอื่น อาทิ สถาบันการศึกษา ทั้งในเรื่องของการพัฒนายุทธศาสตร์  การสนับสนุนทางการเงิน  และความช่วยเหลือในการบริหารจัดการ

ความใกล้ชิดของภาคเอกชนกับภาคประชาชนจะเป็นโอกาสให้สามารถถ่ายเทความรอบรู้ ประสบการณ์ และปลูกฝังแนวคิดที่ดีมีประโยชน์แก่ภาคประชาชน  ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  หรือปลูกฝังการต่อต้านคอร์รัปชั่นแก่สังคมหมู่มาก  อาจกล่าวได้ว่า  ไม่มียามใดอีกแล้วที่ประเทศกำลังต้องการบทบาทเชิงรุกของภาคเอกชนเพื่อสะสางปัญหาที่สั่งสมในประเทศ  และร่วมบุกเบิกโอกาสในต่างประเทศเพื่อสร้างอนาคตแก่ประเทศไทย

แต่ภาคเอกชนในปัจจุบันยังขาดการรวมตัวอย่างมีพลังที่แท้จริงในการผลักดันเชิงนโยบาย และการรวมตัวของทรัพยากรเพื่อให้นโยบายเป็นผลในเชิงปฏิบัติ    ในขณะเดียวกัน  ก็ยังขาดการเชื่อมโยงที่ดีและลึกซื้งพอกับภาครัฐ    บทบาทการนำของภาคเอกชนในการกำหนดทิศทางของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองจึงยังขาดพลัง   ในขณะที่บทบาทในการก้าวเข้าไปช่วยเหลือภาคประชาชนยังมีจำกัดยิ่ง

หากเป็นไปได้

….  อยากจะได้เห็นการรวมตัวที่เข้มแข็งของภาคเอกชนในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้นำธุรกิจที่มีความพร้อมและมั่นคงน่าจะก้าวออกมาเป็นแกนนำเพื่อพัฒนาภาคเอกชนด้วยกันเองและสามารถเชื่อมโยงประสานงานกับภาครัฐอย่างสร้างสรรค์  และก้าวเข้าไปพัฒนาภาคประชาชนได้อย่างมีพลัง          

….   อยากจะได้เห็นภาครัฐที่รู้จักใช้ความเป็นผู้นำสร้างความยอมรับและศรัทธา ใช้อำนาจการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ชี้นำและโน้มน้าวพลังของภาคเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมืองในยามที่สำคัญเช่นนี้

ที่มา..thailandfuturefoundation
///////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น