โดย.ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ในห้วงเวลาที่บ้านเมืองตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งจนภาครัฐยากที่จะขับเคลื่อนได้อย่างเต็มพลัง และในยามที่ภาคประชาชนส่วนใหญ่ยังอ่อนแอและยากจน ภาคเอกชนคือความหวังอันสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศสามารถพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้ เพราะเพียบพร้อมทั้งทรัพยากรและความสามารถ
ในด้านหนึ่ง ภาคเอกชนสามารถเชื่อมโยงและร่วมมือกับภาครัฐในการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่ถูกต้อง ประสานร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนาความสามารถของภาคเอกชนทั้งเล็กและใหญ่ให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ไม่ว่าในด้านเศรษฐกิจและการเมืองของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ความเข้าใจและความร่วมมือที่ใกล้ชิดจะทำให้ภาครัฐอาศัยพลังที่แข็งแกร่งของภาคเอกชนไทยเข้าจัดการกับปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญ ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนก็สามารถอาศัยภาครัฐในการริเริ่มและให้การสนับสนุนในกิจกรรมที่มีความสำคัญซึ่งภาคเอกชนไม่อาจจะกระทำได้โดยลำพัง
ในอีกด้านหนึ่ง ภาคเอกชนที่แข็งแรงก็สามารถก้าวเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาภาคชนบทและภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งลำพังแล้วภาครัฐไม่สามารถเข้าไปช่วยดูแลได้อย่างทั่วถึง บทบาทเชิงสร้างสรรค์ของภาคเอกชนต่อภาคประชาชนและภาคชนบท ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน การปฏิรูปการเกษตร การยกระดับการพัฒนาสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม การดูแลสังคมเยาวชนและผู้ชราในชนบทที่ยากไร้ บทบาทเหล่านี้ภาคเอกชนสามารถทำได้อย่างมีพลังหากร่วมมือกันระหว่างเอกชนด้วยกัน และระหว่างเอกชนกับภาคประชาชนและสถาบันอื่น อาทิ สถาบันการศึกษา ทั้งในเรื่องของการพัฒนายุทธศาสตร์ การสนับสนุนทางการเงิน และความช่วยเหลือในการบริหารจัดการ
ความใกล้ชิดของภาคเอกชนกับภาคประชาชนจะเป็นโอกาสให้สามารถถ่ายเทความรอบรู้ ประสบการณ์ และปลูกฝังแนวคิดที่ดีมีประโยชน์แก่ภาคประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือปลูกฝังการต่อต้านคอร์รัปชั่นแก่สังคมหมู่มาก อาจกล่าวได้ว่า ไม่มียามใดอีกแล้วที่ประเทศกำลังต้องการบทบาทเชิงรุกของภาคเอกชนเพื่อสะสางปัญหาที่สั่งสมในประเทศ และร่วมบุกเบิกโอกาสในต่างประเทศเพื่อสร้างอนาคตแก่ประเทศไทย
แต่ภาคเอกชนในปัจจุบันยังขาดการรวมตัวอย่างมีพลังที่แท้จริงในการผลักดันเชิงนโยบาย และการรวมตัวของทรัพยากรเพื่อให้นโยบายเป็นผลในเชิงปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ก็ยังขาดการเชื่อมโยงที่ดีและลึกซื้งพอกับภาครัฐ บทบาทการนำของภาคเอกชนในการกำหนดทิศทางของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองจึงยังขาดพลัง ในขณะที่บทบาทในการก้าวเข้าไปช่วยเหลือภาคประชาชนยังมีจำกัดยิ่ง
หากเป็นไปได้
…. อยากจะได้เห็นการรวมตัวที่เข้มแข็งของภาคเอกชนในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้นำธุรกิจที่มีความพร้อมและมั่นคงน่าจะก้าวออกมาเป็นแกนนำเพื่อพัฒนาภาคเอกชนด้วยกันเองและสามารถเชื่อมโยงประสานงานกับภาครัฐอย่างสร้างสรรค์ และก้าวเข้าไปพัฒนาภาคประชาชนได้อย่างมีพลัง
…. อยากจะได้เห็นภาครัฐที่รู้จักใช้ความเป็นผู้นำสร้างความยอมรับและศรัทธา ใช้อำนาจการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ชี้นำและโน้มน้าวพลังของภาคเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมืองในยามที่สำคัญเช่นนี้
ที่มา..thailandfuturefoundation
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น