ถอดรหัสการเมืองไทย ที่ขยับเข้าสู่ “จุดสัมพัทธ์” ในเชิงอำนาจจากที่ “ฝ่ายการเมือง” และ “ชนชั้นนำ” เคยเป็น “คู่ขัดแย้ง” กันมาโดยตลอด แต่หลังปรากฏภาพแห่งความชื่นมื่นของ “3 ผู้ทรงอิทธิพล” ในงานเลี้ยงกองทัพบก เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ก็ทำให้บรรยากาศที่เคยเขม็งเกลียว เริ่มสลายหายไป ภาพการเดินเคียงคู่กันของ “พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองค์มนตรี และ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก อาจถือได้ว่าเป็น “รหัส” ที่สะท้อนสัมพันธภาพครั้งใหม่ ระหว่างฝ่ายการเมือง กองทัพ และ “ชน ชั้นนำ” ยิ่งทำให้เชื่อว่า “รัฐบาล” มีความพยายามที่จะเปิดประตูไปสู่ “ปรองดอง” และสลายความขัดแย้งกับ “ชนชั้นนำ” ที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายปีมานี้
การพบปะของ “แกนอำนาจ” ทั้ง 3 คนพร้อมกันนี้ เกิดขึ้นหลังจาก “ป๋าเปรม” ได้ให้โอวาท “ผู้นำเหล่าทัพ” ที่ตบเท้าเข้าอวยพรปีใหม่ โดยมีใจความที่ว่า...“ขณะนี้บ้านเมืองของเรามีการแบ่ง ฝ่ายกันเห็นได้อย่างชัดเจน มูลเหตุคืออะไร ก็รู้ๆ กันอยู่ ทำให้มีผลข้างเคียงไปถึงความ รัก ความสามัคคีของคนในชาติเรา เป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จ โดยมีความเห็นส่วนตัวว่าการที่มีความคิดเห็น ความเชื่อที่แตกต่างกัน ไม่เป็นอุปสรรคของการดำรงความรัก ความสามัคคีของคนไทยแม้ แต่น้อย ถ้าคนในชาติมุ่งประสงค์ในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเราคือ ความสงบ สุข ความร่มเย็น ความสันติ และความมั่นคง โดยแท้แน่นอน ความเห็นและความ เชื่อที่แตกต่าง จะไม่เป็นสิ่งกีดกันให้คนไทย รู้รักสามัคคีกัน...”
ด้วยวาทกรรม “สามัคคี..ไม่แตกแยก” ที่ฝากถึง “ลูกป๋า” ในครั้งนั้น ได้ถือเป็นมิติใหม่ และเป็นสัญญาณที่เปิดกว้างให้ แก่ “ทุกฝ่าย” ได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะผู้นำรัฐบาล แม้จะเป็น “น้องสาว” ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ที่เคยเป็น “คู่ขัดแย้ง” กับ “ป๋า” ชนิดที่ว่า “ผีไม่เผา..เงาไม่เหยียบ” แต่เมื่อโอกาสเปิดกว้าง ก็ย่อมเล็งเห็นและหา ช่องทาง “ตอบสนอง” เพื่อคลายเกลียว “ในใจ..ป๋า” และสร้างสัมพันธภาพอันดีให้เกิดขึ้นภาพความชื่นมื่นของ “3ป.” ที่กอปรไปด้วย “ปู-ประยุทธ์” และ “ป๋าเปรม” ในค่ำคืนดังกล่าว จึงทรงความหมายยิ่งนัก!!!
แม้จะไม่ได้ส่งผลให้ความขัดแย้งหลักๆ ทางการเมือง จบสิ้นลงไปได้ แต่ก็ถือเป็นการนับหนึ่งที่ปูทางไปสู่ “สมานฉันท์” โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม หรือแนวทางปรองดอง ที่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อ “รัฐบาล” กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ก็ต้องแก้ปัญหาทั้งหมดอย่างมีเอกภาพ ฉะนั้นความสัมพันธ์ที่ดีกับ “กองทัพ” และผู้ใหญ่อย่าง “ป๋าเปรม” ทั้งในแง่ “ภาพลักษณ์” และทั้งใน “แง่เนื้อหา” ก็ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยกลบร่องรอยแตกร้าวได้เป็น อย่างดี...!!!
ในอีกด้านหนึ่ง ท่าทียิ้มระรื่นเป็น “คนแก่ใจดี” ของ “ป๋า” ในงานเลี้ยงดังกล่าว ย่อมบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางอำนาจที่สามารถลดทอน “ความแตกแยก” จนแทบจะหมดสิ้นจะว่าไปแล้วก็พอมองเห็น “สูตร” ที่สัมพันธ์เข้าด้วยกัน จนทำให้เกิด “ปฏิกิริยา” แบบลุกลี้ลุกลนของเหล่า “นักเคลื่อนไหวทางการเมือง” ทั้ง “มวลชน” ในซีกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือแม้แต่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตลอดทั้งกองเชียร์คนเสื้อแดง ที่ต่างช็อกไปกับ “ภาพ” สุดแสนชื่นมื่นที่ปรากฏ และยัง “ตีความ” ไกลถึงขั้นว่าเกิดอีเวนต์ “ปรองดอง” ในระดับนำเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะมี “เงื่อนไข” ที่สอดประสานเอาไว้อย่างลงตัว
กระทั่งมีการคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็น “หนทาง” ที่ระดับบนของแกนอำนาจ มีความพยายาม “สลัด เสี้ยนหนามทิ้ง” เพื่อนำไปสู่มิติใหม่ที่ว่า ... “คนไทยไร้เฉดสี” ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่ “ฝ่ายอำนาจ” จะเดินเกม “แยกสลายมวลชน” เพื่อแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งบางอย่าง...
ขณะเดียวกัน อารมณ์ชื่นมื่นของ “ป๋าเปรม” กับ “หลานปู” ก็ยังบ่งบอกได้อีกว่า ทั้งพันธมิตรฯ และคนเสื้อแดง เริ่มจะหมดความหมายลงไปทุกที ท่าม กลาง “ความเจ็บปวด..ร้าวลึก” ที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องตกเป็น “เหยื่อสถานการณ์” บน กระดานหมากของ “ชนชั้นนำ” ?!! ทั้งนี้ หากทบทวนถึงบทบาททางการ เมืองของ “รัฐบาล” ในช่วงเกือบ 2 ปีมานี้ ย่อมจะเห็นภาพเดิมๆ ที่รัฐบาลพยายาม “รักษาระยะ” กับมวลชนเสื้อแดง อาการขบเกลียวที่เกิดขึ้นระหว่าง “คนเสื้อแดง” กับ “คนในพรรคเพื่อไทย” เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลังมานี้ แม้ว่าขวัญใจ แม่ยกอย่าง “เดอะเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะพยายามไกล่เกลี่ย มุ่งสร้างภาพสมานฉันท์ ระหว่าง 2 ฝ่ายมาโดยตลอด พร้อมกับชี้ว่า “...แม้จะเดินกันคนละทิศทาง แต่เป้าหมายนั้นล้วนมีจุดหมายเดียวกัน คือสร้างสรรค์ประชาธิปไตย แล้วจะขัดแย้งกันทำไม”
ทว่าด้วยเป้าหมายของ “คนเสื้อแดง” อยู่ที่การ “เอาเพื่อนออกจากคุก..” เพราะเกือบ 3 ปีแล้วที่คนเหล่านี้ถูกคุมขังด้วยข้อหาทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้รับอิสรภาพ เสียที ทั้งที่ “อำนาจ” ก็ได้เปลี่ยนมือจาก “รัฐบาลประชาธิปัตย์” มาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนานแล้วก็ตาม กอปรกับ “คนเสื้อแดง” เริ่มคิดต่างและเห็นต่างไปจากรัฐบาลมากขึ้น ทำให้เกิด “ศรัทธาถดถอย” อย่างไม่เคยปรากฏ จนเข้าสู่ห้วงอารมณ์ “เหินห่าง” เข้าไปทุกที โดยข้อเรียกร้องของ “คนเสื้อแดง” หลักๆ แล้ว ก็คือ เร่งทำคลอดร่างนิรโทษกรรม!! เพื่อให้นักโทษการเมืองทุกกลุ่มทุกสี ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำให้ได้รับการปล่อย ตัวเป็นอิสรภาพ ยกเว้นเพียง “แกนนำสีเสื้อ” และ “ผู้นำ” ที่มีอำนาจตัดสินใจกระทำการจะไม่ได้รับอานิสงส์จากกฎหมาย ร้อนฉบับนี้ เช่นที่ว่านี้ การเลือกห้วงเวลาในการ ผลักดัน “โมเดลนิรโทษกรรม” เพื่อหวังช่วยเหลือ “แกนนำ” และ “ผู้ชุมนุม” ในเหตุการณ์นองเลือดเมื่อปี 2553 รอบนี้นั้น ด้านหนึ่งเพราะเชื่อมั่นว่าฝ่ายตนเองมี “ขุมกำลัง” มากพอที่จะ “ขยับ” เพื่อต่อรอง
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า “เดอะตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในหัวขบวน “เสื้อแดง” ก็พลาดหวังกับ “บำเหน็จ” ในการเคลื่อนไหว ทางการเมืองครั้งเก่า ซึ่งก็คาดเดาได้ยากว่า “ครม.ปู 4” จะมีแกนนำเสื้อแดงอยู่ในโผด้วยหรือไม่... แต่เหนืออื่นใด “อารมณ์เจ็บปวด” ของ “จตุพร” ก็สะท้อนด้วยปฏิกิริยา “แผ่น เสียงตกร่อง” หลังออกมาเตือนสติ “รัฐบาล” และ “พรรคเพื่อไทย” โดยเอามวลชนเสื้อแดงมาต่อรอง ให้ปลดปล่อยนักโทษการ เมืองออกจากคุก เพราะทุกคนคือ “เหยื่อสถานการณ์” ของฝ่ายการเมือง ที่ไม่ได้มี ส่วนได้-เสียกับความขัดแย้งของคนในระดับบน
“อีกไม่กี่เดือนจะครบรอบ 3 ปีของแนวร่วมที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งจะเป็นการคุม ขังนักโทษการเมืองที่ยาวนานที่สุดของ ประเทศ การเสนอ พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ไม่ใช่ทำเพื่อ นปช.เท่านั้น แต่ทำเพื่อประชาชน...”
สำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว การตกอยู่ท่ามกลาง “วงล้อม” จากทั้ง “ฝ่ายปฏิปักษ์” และพวกเดียวกันเองอย่าง “คนเสื้อแดง” ก็ย่อมแตกตื่นอยู่มิใช่น้อย แม้จะมีอำนาจบริหารเต็มมือ หรือคุมสภาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเพียงพอที่จะ “ต่ออายุรัฐบาล” ให้อยู่จนครบเทอมได้อย่างราบรื่น
เมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิด “บ่อนทำลาย” จากทั้งภายใน-ภายนอก “ยิ่งลักษณ์” และ “ผู้มากบารมีในรัฐบาล” ย่อมคิดหาหนทาง ใหม่เพื่อจัดการ “ปัญหา” ไม่ให้บานปลาย หรือส่งผลกระทบต่อรัฐบาล พลันให้รีบ ต่อท่อร้อยสาย...เชื่อมสัมพันธภาพกับ “กองทัพ” และ “ผู้นำชนชั้นสูง” อย่าง “ป๋า”
ทั้งหมดทั้งปวง เป็นหนังเรื่องยาว ที่ต้องลุ้นเหนื่อยในฉากจบ ว่าที่สุดจะเป็น ละครการเมืองที่มาแบบ “เหนือเมฆ” ที่ นำไปสู่ “เกมกระชับอำนาจ” หรืออาจเป็น ได้แค่ “นิรโทษกรรม..หูทวนลม” ที่ กลายเป็นมวยล้ม “ตุ๋น” คนเสื้อแดงจนเปื่อย?!!
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น