--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สัญญาณเสื่อม คนไทยเมินศาสนา !!?


ทั้งที่ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่จากผลสำรวจความเห็นความเข้าใจของคนไทยต่อวันมาฆบูชาอันเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาโดยสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญกลับสะท้อนให้เห็นสัญญาณแห่งความเสื่อมและน่าวิตกเพราะคนส่วนใหญ่ถึง 81.6% ที่ไม่ทราบถึงหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงในวันมาฆบูชา มีเพียง 18.4% เท่านั้นที่ทราบว่าหลักธรรมสำคัญในวันมาฆบูชาก็คือโอวาทปาติโมกข์

วันมาฆบูชานั้นเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา โดยเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ 4 ประการคือเป็นวันเพ็ญเดือน 3 ที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในนครราชคฤห์โดยมิได้นัดหมาย และทุกองค์ที่มาประชุมล้วนเป็นผู้ได้
รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น อีกทั้งล้วนเป็นผู้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุกองค์ และที่สำคัญพระพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทปาติโมกข์แก่เหล่าพระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก

ยิ่งไปกว่านั้นในกลุ่มคนที่ทราบว่าหลักธรรมสำคัญในวันมาฆบูชาคือโอวาทปาติโมกข์แต่มีเพียง 38.9% เท่านั้นที่รู้ความหมายสาระของโอวาทปาติโมกข์ที่หมายถึงการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ขณะที่ส่วนใหญ่ 61.1% ไม่เข้าใจความหมายคำว่าโอวาทปาติโมกข์

ด้านผลสำรวจของนิด้าโพลล์ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์(นิด้า)สะท้อนแนวโน้มสถานกรณ์ที่น่าวิตกยิ่งกว่า โดยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.64 ไม่ทราบว่าวันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร

ปรากฏการณ์ที่สะท้อนจากผลสำรวจของโพลล์ ทั้งสองสำนักชี้ให้เห็นถึงความเสื่อมของคนไทยที่นอกจากนับวันจะเหินห่างจากศาสนาและวัดแล้ว ในกลุ่มที่ยังสนใจศาสนาอยู่บ้างกลับยึดถือแต่เพียงพิธีกรรมนั่นคือเข้าวัดเวียนเทียน โดยหาเข้าใจถึงแก่นแท้หัวใจในปรัชญาหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่

การที่นับวันคนไทยจะห่างเหินและไม่เข้าใจหัวใจแห่งหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาก็เนื่องจากค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นและยึดถือวัตถุ และถูกสิ่งเย้ายวนมอมเมาต่างๆ ดึงดูดความสนใจจนไม่สนใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนา จึงไม่แปลกที่ผลสำรวจของโพลล์แทบจะทุกสำนักในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่ยอมรับนักการเมืองที่เก่งแต่โกง หรือยอมรับแม้แต่การที่นักการเมืองโกงบ้านกินเมืองแล้วนำเงินทุจริตมาแบ่งปันคืนให้สังคมบ้าง

นอกจากการที่คนรุ่นใหม่ไม่สนใจหลักพุทธศาสนาหรือแม้แต่การเข้าวัดก็เพราะขาดการปลูกฝังรณรงค์อย่างจริงจังและการทำตัวเป็นแบบอย่างให้เยาวชนหันมาสนใจพุทธศาสนาทั้งจากภาครัฐ บุคคลสาธารณะที่เป็นผู้นำของสังคม รวมทั้งครอบครัว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นแม้แต่พระสงฆ์โดยเฉพาะพระเถระชั้นผู้ใหญ่บางรูปยังประพฤติตัวไม่เหมาะสมทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในหมู่เยาวชนยิ่งเสื่อมศรัทธาไม่สนใจพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ด้วยวิถีชีวิตของสังคมยุคใหม่ที่ทุกคนต่างต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาในการหาเลี้ยงชีพแบบปากกัดตีนถีบ มือใครยาวสาวได้สาวเอาโดยมุ่งเพื่อวัตถุนิยมเป็นสำคัญซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นับวันคนไทยจะเหินห่างจากพระพุทธศาสนาและวัดออกไปทุกที เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่ของแต่ละวันหมดไปกับการทำงานที่เผชิญปัญหาเคร่งเครียดมากมายในแต่ละวันทั้งการเร่งรีบ การจราจรที่ติดขัด และความเครียดจากการทำงาน และเมื่อกลับถึงบ้านก็หมดเรี่ยวแรงที่จะมานั่งตั้งสติทบทวนตัวเองหรือศึกษาเรื่องศาสนา

แนวโน้มสถานการณ์ที่คนไทยห่างเหินจากพระพุทธศาสนาจึงถือเป็นสัญญาณที่น่าวิตกเพราะการที่สังคมโลกหรือสังคมไทยตึงเครียด ปั่นป่วน วุ่นวายทั้งในอดีต ปัจจุบัน และยังจะเกิดขึ้นในอนาคตก็เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามปรัชญาของพระพุทธศาสนา ซึ่งในทางตรงกันข้ามหากมนุษยชาติหรือคนไทยปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วแน่นอนว่า โลกและประเทศไทยจะอยู่เย็นเป็นสุขสงบสันติและเจริญรุ่งเรือง ไม่ปั่นป่วนตึงเครียดขัดแย้งอย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้

ที่่มา.นสพ.แนวหน้า
//////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น