--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เสื้อแดงไม่ใช่ควายวาทะแรงสะท้อนรอยร้าว !!?


การทำงานแบบติ๊ดชึ่งหวานเย็นซื้อเวลาไปเรื่อยของรัฐบาล กำลังสร้างรอยแตกแยกเล็กๆให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนเสื้อแดงที่เริ่มแสดงเฉดสีความแดงของตัวเองให้เด่นชัดออกมาเรื่อยๆ

ใครแดงเพื่อทักษิณ แดงเพื่อไทย แดงเพื่อประชาธิปไตย แดงก้าวหน้า แดงสยามแดงเสรี ฯลฯ เริ่มแบ่งแยกได้ชัดเจน

จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับมรดกเผด็จการรัฐประหารที่จนถึงวันนี้ไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขหรือไม่ แก้เมื่อไร แก้เรื่องใดบ้าง แก้ด้วยวิธีการใด

มาถึงความไม่ชัดเจนในการนิรโทษกรรมเพื่อปลดปล่อยนักโทษการเมืองที่อยู่ในคุกว่าจะดำเนินการหรือไม่ อย่างไร หากทำจะทำแนวทางไหน และทำเมื่อไร

บวกกับแรงเสี้ยมจากฝ่ายตรงข้ามที่พยายามตอกย้ำให้เกิดความแตกแยกขึ้นทุกวัน กับวาทกรรมสงสารคนเสื้อแดงที่ถูกหลอกใช้เพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ

ยิ่งนานวันวาทกรรมนี้ยิ่งเริ่มกินใจคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่เริ่มหงุดหงิดกับความล่าช้าของรัฐบาล จนคิดไปว่าไม่มีความจริงใจ

จนเกิดปรากฏการณ์คนกันเองนัดชุมนุมกดดันรัฐบาลเพื่อให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อไม่นานมานี้ และเริ่มมีวาทะที่แรงๆใส่กันของคนเสื้อแดงด้วยกันเอง

“ผมยังมองเขาเป็นเพื่อน แต่ต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ถูก มีความเห็นอะไรที่แตกต่าง อย่าเอากระสุนมายิงพวกเดียวกัน เอาปืนมายิงผมตาย แบบนี้เป็นมิตรหรือไม่ เอาหอกเอาดาบมาฟัน เป็นมิตรหรือเปล่า

บางคนอาจสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นแกนนำ แล้วถีบเสื้อแดงเฉยเลย อย่างนี้เป็นแกนนำหรือเปล่า มิตรทั้งหลายถ้าคุณไม่พอใจมิตรด้วยกัน อย่าเอาปืนยิงมิตร ไอ้พวกนี้เป็นเสื้อแดงด้วยกันจะมายิงกันเอง”

เป็นคำพูดจากปากของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดงในส่วนของ นปช. ที่ปล่อยของใส่แนวร่วม 29 มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง ที่เคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้เร่งนิรโทษกรรม

ขณะที่นางดารุณี กฤตบุญญาลัย หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่ปลีกตัวมาทำกิจกรรมร่วมกับแนวร่วม 29 มกราฯ ก็ออกมาตอบโต้รุนแรงว่า

“คนเสื้อแดงไม่ใช่ควาย ที่จะมาถีบหรือสนตะพายได้ และคนเสื้อแดงก็ไม่ใช่สมบัติของใคร การคิดว่าอีกกลุ่มจะมาแย่งเป็นแกนนำนั้น เห็นว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาจะพิสูจน์คน ซึ่งคนเสื้อแดงอาจคิดและต่อสู้เคลื่อนไหวแตกต่างกันได้ แต่อย่าประณามกันเองให้แตกแยก หรือมองว่าตัวเองถูกหมด คนอื่นผิดที่คิดต่าง แค่คิดแบบนี้ก็ผิดหลักประชาธิปไตย”

แม้ทั้ง 2 คนจะพยายามรักษาไมตรีว่าอย่าประณามกันเองให้แตกแยก แต่ความแตกแยกได้เกิดขึ้นแล้วในกลุ่มคนเสื้อแดง

และในไม่นานจากนี้ความสัมพันธ์ในหมู่คนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะยังเดินร่วมทางกันต่อไปได้หรือไม่

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับฝีมือในการบริหารความขัดแย้งของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรม 3 แนวทางที่ส่งให้พิจารณาเสร็จ คือออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และใช้วิธีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นรัฐบาลต้องมีคำตอบ

ส่วนจะให้คำตอบอย่างไรรัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบถี่ถ้วน เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็จะมีอาฟเตอร์ช็อกทางการเมืองตามมาแน่นอน

ยิ่งหากเลือกซื้อเวลาไม่ให้คำตอบเหมือนการแก้รัฐธรรมนูญจะยิ่งมีปัญหา

ความรู้สึกของคนเสื้อแดงบางส่วนที่มีต่อรัฐบาลอาจเตลิดไปไกลเกินกว่าจะเยียวยาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

คนเสื้อแดงจะแตกหรือไม่ขึ้นอยู่กับชั้นเชิงการบริหารความขัดแย้งของนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าจะให้คำตอบแบบไหนหลังการศึกษาข้อกฎหมายของกฤษฎีกา

ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
//////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น