--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หายนะอีกไม่นาน !!?


โดย:เสรี พงศ์พิศ

ปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยวันนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการคอร์รัปชั่น รัฐบาลพลเรือนในประวัติศาสตร์ไทยทั้งหมดที่ล้มไปด้วยรัฐประหาร เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือการคอร์รัปชัน

     ทุกรัฐบาลพลเรือนที่เข้ามา ต่างก็เตือนสติกันเองว่า อย่ามูมมาม แต่เข้าไปแล้ว โอกาสมีมาก สติหายเพราะอยากได้สตังค์ ความโลภเข้าครอบงำ กินกันไม่ยั้ง จนได้ชื่อติดหูติดปากกันมาอย่าง บุปเฟ่ต์คาบิเน็ต ฟาสฟู้ดคาบิเน็ต กินกันอย่างบ้าคลั่งจนสังคมทนไม่ได้

     เมื่อทหารออกมาทำรัฐประหาร ชาวบ้านจำนวนมากดีใจที่มีคนมาล้มงานเลี้ยงที่กินกันเอิกเกริก ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2534 หรือปี 2549 และคงไม่แปลกถ้าหากวันหน้ายังจะมีรัฐประหารอีก ด้วยเหตุผลสำคัญ คือ การโกงกินบ้านเมือง

     ความจริง คนทั่วไป (โพลล์บอกว่าร้อยละ 60-80) รับได้ถ้าโกงกินบ้าง แต่ไม่ใช่โกงกินกันพุงกางอย่างชูชก สร้างความเดือดร้อนให้สังคมที่แทนที่จะได้ส่วนแบ่งที่ “พอรับได้” กลับได้แต่เศษเนื้อข้างเขียง หรือไม่ก็ได้แต่กระดูก  ก่อนเลือกตั้งนักการเมืองนับถือว่าชาวบ้านเป็นเทวดา หลังเลือกตั้งเป็นหมาข้างถนน

     คงไม่ต้องหาใบเสร็จ เพราะพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องล้วนยืนยันว่า การโกงกินงบประมาณบ้านเมืองวันนี้รุนแรงและสูงขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยให้จอบ เสียม ร้องเท้าแตะ เมื่อ 50 ปีก่อน วันนี้ให้ทั้งก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง ให้ทั้งเงิน ทั้งโครงการประชานิยม ทำกันแนบเนียนด้วยการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ออกกฎหมายออกระเบียบให้กินอย่างถูกต้องและปลอดภัย

     ก่อนนี้ “เงินทอน” ขอแค่ร้อยละ 10 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหลายแห่งหลายกรณีไปถึงร้อยละ 50 แบบไม่อายฟ้าอายดิน อบจ.แห่งหนึ่งให้งบส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาเพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว บอกว่าให้ไป 1 ล้าน แต่ให้จริงเพียงห้าแสน ปีนี้ไปหาเสียงว่า ถ้าได้เป็นนายกอบจ.จะให้ล้านห้า และได้เป็นสมใจ ต้องคอยดูว่าจะเป็นวัดครึ่งอบจ.ครึ่งอีกหรือไม่

     ความจริง ปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่แสดงว่าสังคมเป็นประชาธิปไตย (อย่างแท้จริง) คือ กลไกการตรวจสอบ อำนาจการตรวจสอบ กระบวนการตรวจสอบ ที่เป็นอิสระ โปร่งใสและมีประสิทธิภาพจนไม่สามารถโกงกินได้ไม่ว่าเท่าไร

     สังคมประชาธิปไตยแบบเผด็จการทำลายกลไกนี้ด้วยการครอบงำ ทำให้อำนาจการตรวจสอบไม่มีจริง คนโกงกินลอยหน้าลอยตาในสังคม ผู้คนยังเคารพนับถือเพราะมีเงินมาก ไม่ได้ตั้งคำถามว่า เอาเงินมาจากไหนมากมายปานนั้น ทั้งๆ ที่อาชีพเป็นเพียงนักการเมือง ข้าราชการ ที่รายได้เดือนละไม่กี่หมื่น

     สังคมประชาธิปไตยไม่เกิด ถ้าหากคนส่วนใหญ่ยังลำบากยากจน เป็นหนี้เป็นสิน ยังต้องพึ่งรัฐ พึ่งนักการเมือง พึ่งคนมีเงิน คนมีอำนาจ จึงมีคนสงสัยกันว่า นักการเมือง ข้าราชการจำนวนมากไม่อยากเห็นคนฉลาดขึ้น ไม่อยากเห็นชาวบ้านแก้ปัญหาหนี้สินและความยากจนได้อย่างเด็ดขาด เพราะเห็นวงจรอุบาทว์ของหนี้สินและความยากจนของชาวบ้านเป็นเงื่อนไขเอื้ออำนาจของตนเอง

     วันนี้ อบต. เทศบาล อบจ. ต่างก็แย่งชิงอำนาจกันเป็นใหญ่ จะได้เข้าไปบริหารงบประมาณ บริหารอำนาจที่นำไปสู่ผลประโยชน์ต่างๆ ถึงได้ฆ่ากันตายเป็นข่าวแทบทุกวัน

     แค่เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านยังใช้เงินเป็นแสน กำนันเป็นล้าน นายกอบต. เทศบาล มากกว่าสิบล้าน ไม่ต้องพูดถึงนายกอบจ. ที่บางแห่งลงกันหลายร้อยล้าน ไม่ใช่ลงทุนประชาสัมพันธ์แบบที่อเมริกันเขาทำกัน แต่ไปลงทุนซื้อเสียง แล้วคนเหล่านี้ที่เข้าไปอยู่ในอำนาจจะไม่ถอนทุนทุกวิถีทางได้อย่างไร
     คงไม่ต้องพูดถึงผู้แทนราษฎร ซึ่งบางพรรคลงทุนลงขันกันเป็นหมื่นๆ ล้าน เพื่อจะได้ถอนทุนเป็นแสนล้าน หาทุนไว้เตรียมเลือกตั้งครั้งต่อไป

     ข้าราชการก็ไม่น้อยหน้า ซื้อขายตำแหน่งแพงขึ้นทุกวัน มากน้อยแล้วแต่ผลประโยชน์ที่จะได้จากอำนาจหน้าที่ เข้าไปแล้วก็ต้อง “เอาคืน”

     ปัจจัยพื้นฐานสำคัญของปัญหาระบบโครงสร้างสังคมที่เน่าเฟะเหล่านี้ คือ คุณภาพการศึกษาของประชาชน และคุณภาพทางศีลธรรมของประชากร ทั้งหมดนี้เป็นตัวเหนี่ยวรั้งความเจริญพัฒนาของสังคมไทยโดยรวม ที่มีความรู้น้อย เศรษฐกิจจึงวนเวียนอยู่ในอุ้งมือของนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจขี้ฉ้อที่สุมหัวกันโกงกิน

     ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์เขียนไว้ในหนังสือบูรพาภิวัตน์ว่า โกลแมนแซคส์คาดการณ์ว่า 11 ประเทศต่อไปที่จะผงาดขึ้นตามบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน (BRIC) มีบังคลาเทศ อิยิปต์ อินโดนิเซีย อิหร่าน เกาหลีใต้ ไนจีเรีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ตุรกี เวียดนามและแม็กซิโก ไม่มี “ไทย” ในจำนวนนี้

    หรือว่าประเทศนี้เป็นเหมือนบ้านที่ปลวกกำลังกินเสา ขื่อ แป และกำลังจะพังลงมา


ที่มา.สยามรัฐ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น