เลขาธิการอาเซียนเตือนความขัดแย้งในทะเลจีนใต้เสี่ยงทำให้ภูมิภาคกลายสภาพเป็น 'ปาเลสไตน์แห่งเอเชีย'
ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ยังคงเป็นประเด็นร้อน ซึ่งเสี่ยงที่จะบานปลายกลายเป็น "ปาเลสไตน์แห่งเอเชีย" โดยหากสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงจะส่งผลให้เกิดความแตกแยกระหว่างประเทศต่างๆ ในเอเชีย และส่งผลให้ไม่มีเสถียรภาพในภูมิภาคนี้
เลขาธิการอาเซียน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเชียล ไทม์ส ระบุว่า เอเชียกำลังเข้าสู่ยุคที่มีความขัดแย้งสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากจีนกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์พื้นที่แทบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับหลายประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ
เลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า เราต้องใส่ใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า ทะเลจีนใต้อาจจะพัฒนาไปเป็นปาเลสไตน์อีกแห่งหนึ่งได้ หากประเทศต่างๆ ไม่พยายามอย่างหนักที่จะปลดชนวนระเบิด แทนที่จะเติมเชื้อไฟแห่งความตึงเครียด
หลังจากคู่กรณีในเอเชียต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำพิพาท ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และไต้หวัน ล่าสุด จีนโหมประเด็นนี้ให้ร้อนแรงขึ้น ด้วยการออกพาสปอร์ตใหม่ที่ตีพิมพ์แผนที่ประเทศจีนที่รวมถึงพื้นที่พิพาทลงไปด้วย ทำให้คู่กรณีหลายรายออกมาแสดงความไม่พอใจ และตอบโต้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเวียดนาม ที่ประจำท่าอากาศยานนอยไบในกรุงฮานอย และเจ้าหน้าที่จังหวัดหลั่งเซิง ปฏิเสธที่จะประทับตราวีซ่าเข้าเมืองลงบนหนังสือเดินทางแบบใหม่แก่ชาวจีน แต่ได้ประทับการตรวจลงตราในกระดาษแยกต่างหากจากหนังสือเดินทางแบบใหม่ของจีน ซึ่งชาวจีนยังสามารถเดินทางในเวียดนามผ่านด่านต่างๆ ได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน มีกำหนดการจะหารือกันในวันที่ 12 ธันวาคม กรณีหนังสือเดินทางใหม่ของจีนมีอายุการใช้งาน 10 ปี และออกให้กับประชาชนชาวจีนไปแล้วกว่า 1 ล้านเล่ม
ไม่เพียงเหตุพิพาทบริเวณทะเลจีนใต้ แต่จีนยังขัดแย้งกับอินเดียเนื่องจากพาสปอร์ตใหม่ โดยก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีกิจการต่างประเทศอินเดีย นายซาลมาน เคอร์ชิด ออกมาตำหนิการปรับแผนที่บนหนังสือเดินทางของจีนที่นับรวมรัฐอรุณาจัลประเทศและดินแดนอัคสัย จิน แถบเทือกเขาหิมาลัยเป็นส่วนหนึ่งของจีน และอินเดียตอบโต้ด้วยการออกวีซ่าใหม่แก่ชาวจีน โดยใช้แผนที่ของอินเดีย ซึ่งครอบคลุมดินแดนทั้งหมดตามที่ทางการนิวเดลีอ้างสิทธิ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ นางวิคตอเรีย นูแลนด์ กล่าวว่า สหรัฐรู้สึกวิตกต่อเหตุการณ์นี้ว่าอาจทำให้สถานการณ์ขัดแย้งหมู่เกาะทะเลจีนใต้บานปลาย แต่ขึ้นอยู่กับประเทศคู่กรณีจีนว่าตัดสินพาสปอร์ตดังกล่าวอย่าไร สำหรับสหรัฐยังคงถือว่าพาสปอร์ตใหม่ของจีนเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ที่มา.กรุงเทพธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น