--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

นายกฯแจง.. ยันเคารพ ระบบรัฐสภา !!?

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกชี้แจงประกอบนำชาร์จภาพมาอธิบายในประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยใช้เวลาชี้แจงรวม 45 นาที ว่า ช่วงเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมาประเทศไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มีบรรยากาศของการลงทุน มีแต่ภาพความแตกแยก และความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นเมื่อตนเข้ามาบริหารประเทศ มีเจตนารมย์ที่อยากเห็นประเทศก้าวไปข้างหน้า มีความรัก และความสามัคคี และเข้ามาช่วยแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ได้รับความเป็นธรรม อย่างเสมอภาพ ไม่มีแบ่งแยกพื้นที่ และสีเสื้อ ตามที่ได้ปวารณาตัวกับประชาชนแล้วว่าต้องการมาแก้ไข ไม่แก้แค้น โดยการทำงานนั้นได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และยึดความเป็นมืออาชีพ รวมถึงมีความซื่อสัตย์ ยุติธรรม ซึ่งการทำงานได้เน้นความเป็นทีม และให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังความเห็น ข้อเรียกร้องของ ส.ส. และประชาชน รวมถึงหน่วยราชการต่างๆ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงต่อว่า หลักการทำงานที่ยึดหลักทำงานเป็นทีม คือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยวิธีการทำงานของ ครม. คือ มีนายกฯ ทำหน้าที่ กำกับตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มีการมอบนโยบายต่างๆ ส่วนรองนายกฯ มีหน้าที่กำกับบริหารราชการในกระทรวงต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ด้านรัฐมนตรีมีหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาในกระทรวง กำหนดนโยบาย กำหนดผลสัมฤทธิ์ในกระทรวง ทั้งนี้ตนไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ยังทำงานติดตามความสำเร็จของงาน ทุกระยะ แต่การทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ต้องแบ่งชั้นความรับผิดชอบ ไม่ใช่ก้าวก่ายงาน รวมถึงต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำงาน

"กรณีที่บอกว่า ดิฉันเลือกปฏิบัติ เช่น ตำรวจต้องไม่เลือกข้าง ต้องเลือกประชาชน ต้องเลือกความถูกต้อง และไม่เลือกปฏิบัติ ในการทำงานดิฉัน ยึดมั่นหลักประชาธิปไตย และเคารพสามเสาหลัก คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่งพยายามทำงานอย่างสมดุลและมีเสถียรภาพ โดยงานนิติบัญญัติ ดิฉันพร้อมผลักดันกฎหมายที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ ดิฉันเคารพและให้เกียรติรัฐสภา แต่ลักษณะการทำงานที่มีการมอบหมาย ดังนั้นการตั้งกระทู้ จึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบกับ ส.ส.โดยตรง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชี้แจง

นายกฯ ชี้แจงต่อว่า งานด้านบริหารราชการแผ่นดิน ตนทำงาน 7 วันไม่ได้หยุด เพราะต้องเร่งแก้ปัญหาและเตรียมวางแผนอนาคตประเทศให้เข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 55 โดยปัญหาที่สำคัญ นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ คือ ปัญหาอุทกภัย ที่ไม่เคยเจอพายุเข้าติดต่อกัน 5 ลูก อีกทั้งประเทศไม่มีการเตรียมพร้อมรองรับ ดังนั้นจึงเป็นที่มา คือการกำหนดงบกลาง จำนวน 1.2 แสนล้านบาท ผลที่ออกมาทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ฟื้นขึ้นมาภายใน 6 เดือน คือ ไตรมาสแรก จีดีพี อยู่ที่ 0.4 กลับฟื้นมาอยู่มาอยู่ที่ 4.4 ในไตรมาสสอง ซึ่งการดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ยืนย้นว่าได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และได้มอบหมายรัฐมนตรีกำกับดูแล

ที่มา.เนชั่น
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น