เป็นไปตามปรากฏการณ์สร้าง “ดุลอำนาจใหม่”...สะท้อนผ่านเกมปรับใหญ่คณะรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ 1/3” ที่มีการปรับโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม 23 ตำแหน่ง ทั้งสลับเก้าอี้ และ “เสียบ” เข้ามาใหม่อีก 14 คน ด้วยเส้นทางอำนาจที่ล้วน “แปลกแยก” ได้ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อม ครั้งใหญ่ขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย
เริ่มจากความ “ไม่ลงรอยกัน” ระหว่างเครือญาติในตระกูล “ชินวัตร” ซึ่งถือเป็น “ชนวนขัดแย้ง” ระหว่างคนเพื่อไทยด้วยกันเอง และได้สร้างความเคลือบแคลงใจซึ่งกันระหว่าง “ขั้วเก่า-ขั้วใหม่” เอาแค่ “ขาใหญ่บ้าน 111” กับสายตรง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ก็ประหนึ่งว่า “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” กันไปแล้ว
ภาพความร้าวฉานเหล่านี้ ได้ปรากฏ ชัดผ่านโผ “ครม.ปู 1/3”...!!! การปรับแผงรัฐมนตรีรอบใหม่นี้ จึง สะท้อน “ดุลอำนาจ” ภายในพรรคเพื่อไทยได้ค่อนข้างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏให้เห็นถึง “แกนอำนาจ” อันแข็งแกร่ง หลังจาก “โผรัฐมนตรี” ที่เป็นคำตอบสุดท้ายนั้น เป็นการจัดวางตำแหน่ง ไว้อย่างเบ็ดเสร็จ...โดยกลุ่มสตรีแห่งอาณาจักรชินฯ แทบทั้งสิ้น ทำให้ชื่อของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร... เยาวภา วงศ์สวัสดิ์....พจมาน ณ ป้อมเพชร” จึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า “เจ้าของอำนาจตัวจริง”
แม้อำนาจ “แกนหลีก” จะยังคงอยู่ที่ “ทักษิณ” แต่ทว่า “ยิ่งลักษณ์” ยังคง “ดึงเกม” ให้กลับมาอยู่ในทางของตัวเอง ด้วยการจัดวาง “คนใกล้ชิด” และ “ไว้วางใจได้” เข้ามาอยู่ข้างกาย ผสานเข้าจังหวะไปกับ “เบื้องหลัง” การถ่ายทำรายการ “ก๋วยจั๊บมื้อค่ำ... เยาวราช” ก่อนหน้าการปรับทัพใหญ่ ครม. ไม่นาน ซึ่งได้สะท้อนสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “นายกฯ ปู-ยิ่งลักษณ์” กับ “เจ๊แดง-เยาวภา” ที่หันมาเล่นบท “เลิฟซีน” ตามประสาพี่น้อง ที่ว่ากันว่า...“เลือด” ย่อมข้นกว่าน้ำ!
ตามรหัสการเมืองที่ออกมา ได้ตอกย้ำ ยุทธศาสตร์ลึกๆ ที่ “ยิ่งลักษณ์” เปิดทอล์กโชว์หลังข่าวร่วมกับ “เจ๊แดง” ซึ่งเท่ากับได้...ขยายขุมข่ายกำลังในมือ เพื่อเป้าหมาย แห่งการ “คานอำนาจ” ระหว่างกลุ่มอำนาจ ในพรรคเพื่อไทย
ซึ่งนอกเหนือไปจากทีม “ปู-แดง” แล้ว...ยังปรากฏเรื่องการ “จัดคิวรัฐมนตรี” ที่มีรายการ “ถึงลูกถึงคน” โดยเจ้าแม่จันทร์ส่องหล้า “คุณหญิงอ้อ-พจมาน” ที่แม้ไม่ได้ตั้งก๊กการเมืองขึ้นมาใหม่ แต่ก็เป็น “สัญญาณ” ที่ทุกฝ่ายในพรรคย่อมรู้กันดีว่า...เป็นการส่งตัวจริง และ “สายตรง” บ้านจันทร์ส่องหล้า เข้าประจำการในพรรค เพื่อเสริมบารมี บีบให้ “ประชากรบ้าน 111” ตกอยู่ในอาการขวัญผวาไปตามๆ กัน เช่นที่ว่านี้ เมื่อทุกองคาพยพแห่งเพื่อไทย ได้ถูก “...แยกส่วนอำนาจ” ออกจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นทีมยุทธศาสตร์ พรรค ทีมงานตึกไทยคู่ฟ้า หรือทีมงานหลังฉากใต้อาณัติของ “นายใหญ่” ซึ่งล้วนแล้วแต่ “แยกกันทำ...แยกกันเดิน” มีความขัดแย้งกันเองเรื่อยมา จนถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า...จัดวางกำลังคนที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจมีตัวอย่างปรากฏชัดในหลายกรณี ทั้งการส่งสัญญาณบีบให้ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ไขก๊อก! หรือกระทั่งการเลือกรักษาการหัวหน้าพรรค ที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองจากทีมยุทธศาสตร์พรรค หรือทีมงานข้างกาย “นายกฯ ปู” แต่ถูกสั่งการ “ข้ามฟ้า” มาจาก “คนแดนไกล”
และยิ่งปรากฏชัดขึ้นไปอีก เมื่อถึงคราววางตัว “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” ขึ้น เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งหมดได้ถูกกำหนดสเปก! มาจากผู้มากบารมี.. เหนือรัฐบาล อีกทั้งได้มีการจัดแถว “คณะเสื้อแดง” รวมถึงการดึงกลุ่ม “ทหารแก่” ที่เกษียณจากกองทัพ มารวมอยู่ในค่ายเพื่อไทย หรือแม้แต่ “บิ๊กอ๊อบ” พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ก็ถูก “วางตัว” ให้เข้ามาเดินในเกมอำนาจ...!!! เหล่านี้คือ...แรงสั่นสะเทือนจากภายใน ที่บ่งชี้ถึง “สัญญาณอันตราย” ที่เริ่มก่อตัวขึ้น
ถ้าหากว่ากันตามยุทธศาสตร์ทาง การเมืองแล้ว “เหล่าผู้มากบารมี” ในเพื่อไทย ย่อมต้อง “ตระหนัก” ถึงความจำเป็นยิ่งยวด ที่ต้องประคองสถานการณ์ “ภายใน” มิให้ไหลไปรวมกับแรงกระแทกจาก “ภายนอก”
การปรับใหญ่หนนี้ จึงเสมือนหนึ่งเป็นการ “สกัดวง..สยบกระเพื่อม” ในคิวยกเครื่อง ครม. “ชุด 3” ให้นิ่งและเร็วที่สุดซึ่งในหลายจุดที่ส่อว่าจะป่วนหนัก ก็ดูนิ่งไป หลังการโปรดเกล้าฯ “ทีมเสนาบดีชุดใหม่” ไม่ว่าจะเป็นอาการผิดหวังของ “เดอะตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง ที่วืดเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแส “คลื่น ใต้น้ำ” ของกลุ่มก๊วน ส.ส.อีสาน ที่ไม่พอใจหลังถูกหั่นโควตารัฐมนตรี แถมยังมีอาการ หงุดหงิดจากการก้าวข้ามหัวของ “เด็กใหม่”
แต่ทั้งหมดก็ถูกกลบไปสิ้น เมื่อ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ออกมาสยบแรงกระเพื่อมจากคิวปรับ ครม.ในค่ายเพื่อไทย กระตุกกันแรงๆ ว่า...ในพรรคไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน ไม่มีสายอีสานหรือสายไหน มีแต่สาย “ทักษิณ” ถ้าใครขัดใจจะเหลือแต่ตัวเองเป็นเงา
ทั้งนี้ทั้งนั้น...ก็น่าวังเวงใจอยู่ว่า วิวาทะของ “เจ้าของบ้านริมคลอง” จะสกัดวงไม่ให้ปัญหาลุกลามออกไป...ได้หรือไม่?! บ้างก็ว่า...นี่เป็นการสงบแค่ชั่วคราว ก่อนมรสุมลูกใหญ่จะพัดถล่มรัฐนาวา และ พรรคเพื่อไทย และที่ยัง “นิ่งสงบ...สยบความเคลื่อนไหว” น่าจะเป็นอารมณ์ของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะรายของ “หลงจู๊” บรรหาร ศิลปอาชา นายใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ที่โดนสลับโควตาใหม่จนเหลือ แค่กระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เท่านั้น
ขณะที่ “บอสใหญ่” พรรคชาติพัฒนาฯ อย่าง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ก็เจอคิว “อุ้มบุญ” เมื่อผู้เฒ่าวังน้ำเย็น “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ได้ฝาก “ฐานิสร์ เทียนทอง” หลานชาย เอามาแปะไว้ในเก้าอี้ รมช.กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแก้ ปัญหาเกลี่ยโควตาในพรรคเพื่อไทย ซึ่งคิว ที่คาบลูกคาบดอกนี้ ก็ทำให้แกนนำพรรคร่วมฯ ต้องก้มหน้ารับ...อย่างหน้าชื่นอกตรม!
แต่กระนั้นแล้ว หากแทงคิวปรับ ครม. ไม่พลาด รอบหน้าคงไม่เกิน 6 เดือนนับจากนี้ ตามโมเดลทักษิณที่จับปรับกันทุก 6 เดือน เพื่อเวียนกันเข้ามาสู่เกมอำนาจ มิให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจซึ่งกัน เพราะนั่นอาจเป็น “มะเร็งร้าย” ที่ค่อยๆ ลุกลามอยู่ “ข้างใน” จนยากที่จะรักษาได้ ...!!! ที่เห็นและเป็นไป ก็ล้วนแต่เป็น “ภาพสะท้อน” แห่งเกมอำนาจในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จาก...“ปู 2” ต่อเนื่องมาถึง “ปู 3” ซึ่งเป็นการเดินไปข้างหน้าแบบ “เส้นขนาน” ระหว่างบุคคลสำคัญในค่ายเพื่อไทย พลันก่อกำเนิดวาทกรรมที่ว่า “สนิมเกิดแก่เนื้อในตน...”
แต่ยังมี “ข้อปุจฉา” ตามมาว่า... เงื่อนไขแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นความแตกแยกระหว่างศัตรูคู่อาฆาตที่ต้อง “แตกหัก” หรือไม่..หรือเป็นแค่ “รอยร้าว” ที่ยังพอจัดการซ่อม “ปะ-ผุ” ให้ลงตัวได้ ซึ่งก็พอคาดเดาคำตอบได้ไม่ยากนัก
การปรากฏขึ้นของ “ครม.ปู 1/3” แม้จะมีแรงเฉื่อย หรือมีปัญหาในการจัดตั้ง แต่หากว่าผู้นำหญิง...เอาอยู่! ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งในการรื้อฟื้น ศรัทธาทางการเมือง และก้าวเดินต่อไป ข้างหน้าอย่างสง่างามในวาระที่เหลืออีก 3 ขวบปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์?!!
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น