--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กลปะทะเกม : ยิ่งลักษณ์ นิ่ง -อภิสิทธิ์ ดิ้น !!?

วันที่ 1 สิงหาคม การประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปจะเปิดฉากขึ้น พรรคเพื่อไทยไปสัมมนาเพื่อเตรียมพร้อมรับศึกเกมการเมืองในห้องประชุมสภาจากพรรคประชาธิปัตย์คอการเมืองประเมินกันว่า สมัยประชุมนี้ รัฐบาลเสร็จแน่ พรรคประชาธิปัตย์ในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค คงทนไม่ได้และไม่ปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตัวเดินเฉิดฉายทางการเมืองอีกต่อไป ใครต่อใครล้วนเชื่อมือ “นักสังหาร” ของเหล่าขุนพลพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งนัก...เสร็จแน่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

แต่ไม่แน่เสียแล้ว เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในยุคของ “อภิสิทธิ์” กลับไม่เหลือ “ดีเอ็นเอ” มือสังหารทางการเมืองในอดีตเสียแล้ว เพราะตลอดหนึ่ง ปีที่เป็นฝ่ายค้านมา พรรคประชาธิปัตย์ ยังเล่นเกมด่ากราดทั่วแผ่นดิน หาแก่นสารแทบไม่เจอ นั่นสะท้อนถึงอาการถดถอยไปสู่ “ความตกต่ำ” เรื่อยๆ จนยากจะเยียว ยาดึงกลับมาให้เป็นสถาบันพรรคการ เมืองที่เต็มไปด้วยคุณภาพได้ดังเดิม

อาการเพี้ยนๆ ราวกับหมดมุกเกม การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ปรากฏขึ้นเป็นระยะๆ ยิ่งใกล้วันเปิดประชุมสภาอาการคลั่งที่เคยโยนกองเอกสารและตะโกนชี้หน้าด่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา พร้อมๆ กับบุกยึด ลากเก้าอี้ประธานสภาไปเก็บ ราวกับเป็นเด็กทะเลาะกัน เอาแต่ใจและต้องการชนะอย่างไม่มีเหตุผล

อาการมุกการเมือง “ขาดสติ” ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว มีสัญญาณว่ากำลัง จะเกิดขึ้นอีกในการประชุมสภาครั้งนี้ ล่าสุด บนเวที “ผ่าความจริง” จัดขึ้นที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กทม. เมื่อ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา “อภิสิทธิ์” เป็นเอาหนัก ถึงขั้นใส่เสื้อยึด “สีแดง” เขียนข้อความว่า “หยุด ปรองดองจอมปลอม ล้างผิดให้ทักษิณ” ขึ้นปราศรัยการเมืองกับผู้สนับสนุนด้วยอารมณ์ดุดัน ราวโกรธแค้น กับข้อกล่าวหา “หนีทหาร” ที่ พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว. กระทรวงกลาโหม ยืนยันการสอบสวนด้วยเอกสารเป็นปึกๆ

“อภิสิทธิ์” จะใส่เสื้อสีอะไร หรือไม่ใส่เลยย่อมเป็นสิทธิ์ แต่การใส่เสื้อยืด สีแดง แล้วออกอาการเสี้ยมว่า สีแดงเป็นสีผูกขาดทางการเมืองของกลุ่ม การเมืองตรงกันข้าม แล้วลากโยงด่ากราดไปทั่วว่า คนใส่สีแดงเป็น “ขี้ข้า” พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกหลอกให้ออกมาสู้นั้น ยังเป็นความเชื่อฝังหัวเดิมๆ ยังไม่พอ...อภิสิทธิ์ ตะเบ่งเสียงปลุก มวลชนเสื้อแดงให้เลิกสนับสนุน “ทักษิณ” ด้วยการใส่เสื้อแดงของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาต่อต้านให้เต็มบ้านเต็มเมือง...กลยุทธ์การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคอภิสิทธิ์ ยังไร้มุก ไม่มีทีเด็ด มัวแต่ตามเล่นงาน “ทักษิณ” ไม่หยุดหย่อน

ตลอดปีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาล บริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้าน หลงติดหล่ม “ทักษิณ” อย่างหนัก ฝ่ายค้านที่โดดเด่นในเกมการเมืองตรวจสอบ จนพรรครัฐบาลได้ยินชื่อยังกลัวขาสั่น แต่วันนี้ กลับกลายเป็นตรงข้าม พรรคประชาธิปัตย์เอาแต่คิดและทำในสิ่งง่ายๆ แบบซ้ำๆ ราวกับขาดสติ โดยโยนทุกสิ่งที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล เป็นเรื่องการ “ทำเพื่อทักษิณคนเดียว”

เมื่อนำ “ทักษิณ” มาอธิบาย “ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย” ต้องยอมรับว่าได้ผลอยู่ เพราะประชาชน (ส่วนหนึ่ง) เชื่อ และสิ่งสำคัญ “สื่อมวลชนเชื่อ” จึงลากโยงทุกอย่างของรัฐบาลและพรรคเป็น เรื่องทักษิณเช่นกันการปรับ ครม.ก็เพราะทักษิณสั่ง แก้รัฐธรรมนูญก็ทำเพื่อทักษิณ และเสนอกฎหมายปรองดอง ก็เพื่อทักษิณ สรุปพรรคประชาธิปัตย์ในยุคอภิสิทธิ์ ยังไม่ก้าวข้ามทักษิณ จึงทำให้ความโดดเด่นที่เคยมีในอดีตแทบหมดสิ้น

เมื่อทักษิณเป็นทุกอย่างของพรรคประชาธิปัตย์ นั่นเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้พัฒนาการเมืองและไม่ปรับความคิดให้สอดรับกับสถานการณ์ใหม่ความคิดทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ยังเล่นเกมราว กับอยู่ในปี 2544 ทั้งๆ นี่คือ ปี 2555 ผ่าน มาแล้ว 10 ปี และตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรค ประชาธิปัตย์แพ้เกมการเมืองมาตลอด แพ้เลือกตั้งมา 5 ครั้ง ประชาชนไม่ เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ที่แพ้หนักคือ แพ้ตัวเอง โดย ไม่รู้ว่าตัวเองแพ้

ตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทยที่พัฒนาแนวทางการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างลื่นไหลยุทธศาสตร์การเมืองพรรคเพื่อไทย กับแนวทางของกลุ่มในพรรค และความต้องการส่วนตัวของแกนนำกลุ่ม ถูกแยกออกจากกันเป็น “อิสระ” ปล่อยให้แสดงความเห็นเป็นส่วนตัว แม้มีการเกินเลยไปในบางครั้ง จนทำให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกระเพื่อม แต่ทั้งหมดยังยึดกุมยุทธศาสตร์หลักของพรรคและรัฐบาลเอาไว้ได้มั่น

ยุทธศาสตร์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประสานและสอดคล้องกับแนวทางของพรรคเพื่อไทย เป็นยุทธศาสตร์เพื่อประคองรัฐบาล และถอยในเกมยั่วยุ เฉย ไม่ ตอบโต้ ปิดช่องโหว่ไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายตรงข้ามรุมยำได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ปล่อยให้แกนนำและกลุ่มต่างๆ เดินแนวทางการ เมืองได้อิสระ ดังนั้น แกนนำกลุ่มต่างๆ จึงประกาศแนวทางการเมืองแบบก้าว หน้า “แสดงจุดยืน” เต็มไปด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยของประชาชน การเล่นบทบาทเช่นนี้ เป็นเพียง การระบายความอึดอัด เพื่อเปิดประเด็น ให้มวลชนฝ่ายเลือดร้อนกับการต่อสู้ มีลำหักลำโค่นรุกกระหน่ำโจมตี ได้แสดงความเห็น ปลดปล่อยอารมณ์เดือดปุดๆ ในทรวงออกมาจะได้ สบาย ตัวขึ้นบ้างถึงที่สุด รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังเล่นบทบาทถอย เพื่อเป็นไปตาม แนวทางปรองดอง สร้างสันตินั่นเป็นบทบาททางยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มุ่งแต่โจมตี “ทักษิณ” จึงเป็นโอกาสอันงามให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เน้นทำแต่งาน พยายามผลักดันอนุมัติงบประมาณ เพื่อนำไปสู่การบริหารงาน เปลี่ยนแปลงระบบ ข้าราชการในสอดรับกับการเมืองมากขึ้น นั่นเป็นทีเด็ดที่ทำให้รัฐบาลบริหารงานมาได้จนครบปี และตลอดทั้งปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรี ไม่ยุ่งกับงานการเมืองเลย พวกเขาเอาแต่ทำงานๆ ด้วยการเฉยเพื่อสร้างสมดุลในความขัดแย้ง แล้วผสมผสานความสมดุลให้นำพาประเทศไปสู่สันติ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้ “ความเห็นใจ” ผลสำรวจความเห็นประชาชน 17 จังหวัด ทั่วประเทศของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า ผล งานยอดเยี่ยมของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 63.3% ระบุเป็นภาพลักษณ์ความพยายามทุ่มเททำงานหนักของ “ยิ่งลักษณ์”

นี่เป็นผลจากกลยุทธ์การเมืองของรัฐบาลยิ่งลักษณ์...เฉยแต่สู้ จนเริ่มชนะใจกองเชียร์

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น