ศาลไม่ถอนประกันแกนนำเสื้อแดงเกือบทั้งหมด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เว้นนาย ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ที่รับกรรมแต่ผู้เดียว ต้องถูกจำขังเพราะสาเหตุ ขึ้นเวทีช่วงวิพากษ์ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วดันไปเอาชื่อ-สถานที่-เบอร์โทรศัพท์ของคณะ ตุลาการรัฐธรรมนูญเปิดเผยบนเวทีปราศรัย
เท่ากับเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามและสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายวิถีชีวิตปกติของ ครอบครัวตุลาการคงเป็นที่สะใจของมวลชนเสื้อเหลือง และเสื้อสีฟ้าประชาธิปัตย์ ซึ่งถนัด “สงครามปาก” ที่ไม่ว่าจะพูดทั้งในสภาและนอกสภาอย่างแสบคัน เจ็บกระดองใจ ใครแค่ไหน ก็มักรอดตัวจากการถูกกล่าวหาทุกที
เว้นแต่แกนนำเสื้อเหลืองอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ดูมีลีลาเก่งกาจและยกเมฆพลิกมุมได้คมคายไม่น้อย แต่บนเวทีตุลาการ สนธิ ก็ถูกลงโทษให้แพ้คดีขั้นจำคุก เป็นระยะๆ
นอกจากต้องระวังภัยอย่างหนัก เพราะเคยถูก “ใบสั่งฆ่า” และรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว สนธิยังมีชนักในศาลอีกมากที่ไม่เพียงน่ากลัวอย่างคดีก่อการร้าย...แต่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ดันไปขยายความของ “ดา ตอร์ปิโด” พูดเรื่องเดียวกัน จนดา ตอร์ปิโด ถูกตัดสินจำคุกไปนานแล้ว
แต่สนธิกลับ “ลอยชาย” ไม่ถูกจำคุกตามเวลาและกรรมเดียวกัน อันทำให้ประชาชนทั่วไปกังขาถึงระบบยุติธรรม 2 มาตรฐาน แน่นอนประชาชนย่อมสงสัยอย่างบริสุทธิ์ใจต่อไปว่า “อำนาจนอกระบบ” มีจริง?
พรรคประชาธิปัตย์นั้นอ่านเกมการเมืองได้ถูกเป้า แต่ดันเป็นเป้า “นอกสภา” ที่พรรคการเมืองไม่ควรเป็นตัวอย่าง “ตามก้น” ม็อบเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นทีนิ่งเฉยไม่ได้อีก จึงตัดสินใจเปิดเวทีปราศรัยใช้วาจาคารมอันคมกริบที่ตัวเองถนัด ควบคู่ไปกับใช้สื่อโทรทัศน์ “บลูสกาย” ขยายผล เดินตามเกมมวลชนคนเสื้อแดงหน้าตาเฉย
ประชาธิปัตย์อาจไม่ยี่หระกับกลยุทธ์ “ลุยนอกสภา” เพราะแม้แต่ในสภา ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ “พาเก้าอี้ประธานหนี กระชากประธานบนบัลลังก์ คลั่ง ปาแฟ้มกลางสภา” ประจานตัวเอง โดยคิดว่า “คุ้ม” กับคุณธรรมจริยธรรมที่บัณฑิตทางการเมืองไม่พึงเป็นแบบอย่าง ก็กล้าแสดงบทถ่อยเถื่อนมาแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของประชาชนว่า จะไม่ไว้วางใจพฤติกรรมพรรคการเมือง เช่นนี้อีกนานเท่าใด
แต่ภาพม็อบเสื้อแดง ซึ่งยกระดับต่อสู้จน “ก้าวข้าม” พรรคการเมืองไปอย่างมีพลังเข้มแข็งมากยิ่งกว่าพรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ กลับอ่อนหัดจนกลายเป็น “จุดตาย” ที่แกนนำเสื้อแดงหลายคน “สอบตก” ด้านวาทกรรมที่ใส่สีแสนทื่อ ก้าวร้าว กร้าวกร่าง และหยาบคายในหลายโอกาส
เนื่องเพราะการก่อตัวของมวลชนเกิดขึ้นโดยขาดกระบวนการคัดกรอง ด้านการพูดในที่สาธารณะในที่สุดการพูด “ร้ายเดียงสา” อย่าง “เจ๋ง ดอกจิก” และอีกหลายคน ก็ถูก “นักการเมืองหัวหมอ” อย่างประชาธิปัตย์หยิบเอาไปเล่นงานทางกฎหมาย กลายเป็น “เหยื่ออันโอชะ” เมื่อผสมกับ “ตุลาการภิวัตน์” ที่บรรเลงเพลงเดียวกับพรรคเก่า...มีหรือที่ “มวลชนอ่อนหัด” จะไม่ถูก “กุดหัว” เข้าคุกทีละหัวสองหัวเพราะการรวมกลุ่มอย่างมีพลังที่สุดของมวลชนคนเสื้อแดง แต่แกนนำก็ยัง “ไม่พัฒนา” บุคลากรหรือคัดคนเป็น “นักพูด” มีฝีปากคมได้ ทั้งๆ ที่มีคนเก่งอยู่ไม่น้อย เรียกว่า “คนเก่งไม่ได้พูด คนพูดดันเก่งพูดเรียกแขก” ไปเสียทุกคราฝ่ายเปลี่ยนเร็วคือประชาธิปัตย์ที่ล้อเกมเสื้อแดง
รวมทั้งแอบตั้งโรงเรียนการเมืองได้ผลทีละคืบทีละพื้นที่โดยฝีมือ สุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังปลื้มกับ ผลงานอย่างเงียบๆ
แต่ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำกลายเป็นมวลชนเสื้อแดง ที่แม้แต่สื่อโทรทัศน์อย่าง “เอเชีย อัพเดท” ก็ชักไม่อัพเดต แถมสื่อ “ความจริงวันนี้” ก็ล้มหายตายไปจากมือผู้อ่านระดับ “พ่อยกแม่ยก” นับหมื่นนานแล้วมวลชนเสื้อแดงจะรู้จักประเมินตัวเองมั่งหรือไม่.. “เจ๋ง ดอกจิก” จะเป็น บทเรียนตัวอย่างแค่ไหน ย่อมแล้วแต่ “สำนึกแห่งพลังมวลชน” ว่าควรจะรักษา ความเข้มแข็งอย่างไร เพื่อประชาธิปไตย หรือเพื่ออะไรกันแน่?
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น