--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อากง ไปแล้ว มาตรา 112 ยังอยู่ ..!!?

เย็นวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา แม้ฟ้าฝนจะไม่เป็นใจแต่คนที่รัก “อากง” นายอำพล ตั้งนพกุล ชายวัย 61 ปี อดีตผู้ต้องขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และคนที่ไม่เห็นด้วยกับบทลงโทษที่หนักน่วงของกฎหมาย ต่างไปรวมตัวกันที่วัดลาดพร้าวเพื่อร่วมส่ง “อากง” เป็นครั้งสุดท้ายในพิธีฌาปนกิจศพ

การถูกจับดำเนินคดีของ “อากง” เป็นประเด็นฮือฮา

การถูกศาลสั่งจำคุก 20 ปี ก็เป็นประเด็นฮือฮา

การไม่ได้รับสิทธิประกันตัว ก็เป็นประเด็นฮือฮา

การเสียชีวิตหลังถูกจำคุกได้ไม่นานยิ่งเป็นประเด็นฮือฮา

คำถามคือ สังคมได้อะไรจากความ “ฮือฮา” ที่เกิดขึ้น

“อากง” ถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวที่บ้านพักย่านสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2553 ด้วยข้อกล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวพิมพ์ข้อความอันเป็นการจาบจ้วง ดูหมิ่นพระเกียรติยศ และหมิ่นประมาทใส่ความให้ร้ายสมเด็จพระราชินี ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น

เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2), (3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

คดีนี้ศาลตัดสินจำคุก “อากง” รวม 20 ปี จากความผิด 4 กระทง กระทงละ 5 ปี เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2554

ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้คดี แม้ทนายความจะยื่นขอประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต

หลัง “อากง” เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2555 จากโรคมะเร็งตับ มีคำอธิบายจากนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ว่า

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 108 ที่ว่าด้วยการปล่อยตัวผู้ต้องหาเป็นการชั่วคราว จำเป็นต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน และเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้ ส่วนจะอนุญาตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล และกว่าร้อยละ 93 ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัว แต่ในกรณีของ “อากง” เป็นการเจ็บป่วยที่ไม่มีความชัดเจนในตอนที่แจ้งขอรับการประกันตัว จึงเป็นเหตุผลให้ศาลไม่อนุญาต

“ศาลเองก็รู้สึกไม่สบายใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเป็นห่วงและไม่อยากให้ใครมาใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายฝ่ายตรงข้าม”

กรณีของ “อากง” ไม่ได้เป็นที่ฮือฮาเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต่างประเทศก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่าสื่อต่างประเทศ เอ็นจีโอ องค์กรสิทธิมนุษยชน และสหภาพยุโรปหรืออียู ต่างให้ความสนใจในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง

โดยเฉพาะเรื่องของการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนหรือไม่ ซึ่งทีมทนายความของกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่า กรณีของอากงนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อากงเดินทางไปศาลด้วยตนเองทุกครั้ง โดยไม่คิดหลบหนี แต่กับกรณีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มีความผิดในกรณีเดียวกันกลับได้รับการประกันตัวออกมา (ผู้จัดการออนไลน์ 16 พ.ค. 2555)

ประเด็นเรื่องมาตรา 112 เคยเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อคณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ออกมาชี้ให้เห็นว่า กฎหมายนี้เกิดจากคณะรัฐประหารเมื่อปี 2519 จากนั้นมีการปรับปรุงเพิ่มโทษให้หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่สมเหตุสมผล และไม่สอดคล้องหลักการของกฎหมาย

ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์คือ ปรับปรุงกฎหมายให้มีความสมเหตุสมผล ทั้งเรื่องการคุ้มครองที่ต้องแยกสถานะราชวงศ์ไม่ใช่เหมารวม

ให้ลดอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ส่วนการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระราชินี รัชทายาท โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ไม่กำหนดอัตราโทษขั้นต่ำ เพื่อเปิดโอกาสให้ศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษตามสมควรแก่เหตุ

นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเหตุยกเว้นความผิดและเหตุยกเว้นโทษ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการติชมโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

หรือหากพิสูจน์ได้ว่าข้อความนั้นเป็นความจริงก็ไม่ต้องรับโทษ

แต่ประเด็นการเสนอก้ไขมาตรา 112 ก็เหมือนกับไฟไหม้ฟาง ที่จุดติดพึ่บเดียวก็เหลือแต่เถ้าถ่าน

หลังคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ยื่นรายชื่อประชาชนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอแก้ไขกฎหมาย 26, 968 รายชื่อ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2555 เรื่องก็เงียบหายไปตั้งแต่บัดนั้น

ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินการต่อทั้งจากผู้ยื่นเสนอแก้ไข ผู้รับเรื่อง นักการเมือง พรรคการเมือง หรือแม้แต่กระแสของสังคมที่ต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายก็หยุดลง

แม้วันที่เปลวไฟเผาไหม้ร่างไร้วิญญาณของ “อากง” ที่เมรุวัดลาดพร้าว ก็ไม่เป็นประเด็นให้ฮือฮาเหมือนแต่ก่อน

มีคนบอกว่ามาตรา 112 มีไว้กลั่นแกล้งกันทางการเมือง

หรือการเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องทางการเมืองที่ไม่ได้ต้องการให้มีการปรับแก้เกิดขึ้นจริง

วันนี้ “อากง” ไปสูสุคติแล้ว

แต่มาตรา 112 ยังดำรงอยู่ และคงจะอยู่ต่อไปอย่างอมตะนิรันดร์กาล

ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น