ทุกวินาที ทุกอีเวนต์ ทั้งวาระหลัก-วาระจรของ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" จะหมุนเวียนวนรอบ "ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ" ที่จะเกิดขึ้นในสมัยประชุมสามัญทั่วไปจะสิ้นสุดลง
อีเวนต์แรกเกิด ขึ้นภายหลัง ครม.มีมติเห็นชอบ จัดงานสารพัดกองทุน อาทิ กองทุนหมู่บ้าน SML กองทุนตั้งตัวได้ กองทุนบทบาทสตรี กองทุนประกันสุขภาพ และกองทุนพลังงาน เพื่อชี้แจงและเชิญชวนให้ประชาชนเข้าถึงกองทุนของรัฐ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25-26 สิงหาคมนี้
เป็นอีเวนต์ที่รัฐบาลมอบให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ร่วมกันจัดงาน โดยใช้งบฯเหลือจ่ายของกระทรวงมหาดไทยเป็นทุนดำเนินการ
เป็นอีเวนต์ ที่ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ต้องการให้เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศ โดยในเมืองหลวงมีสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน และพื้นที่ฝั่งธนบุรี เป็นจุดเริ่มต้นงาน
เบื้องต้นทีมงานวางตัวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ขึ้นเวที-กดปุ่มเปิดงานเดินหน้าพร้อมกันทั่วประเทศ
ด้าน กระบอกเสียงฝ่ายรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า งานสารพัดกองทุนครั้งนี้ต้องการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ว่ามีโอกาสเข้าถึงกองทุนของภาครัฐได้มากน้อยเพียงใด
"งานนี้เป็นการ ติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชน พร้อมกันนั้นยังได้ระดมมวลชนที่เข้าร่วมกองทุนต่าง ๆ ไปแล้ว เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มพักชำระหนี้ เพื่อมาอธิบายข้อดีของกองทุนว่าสร้างประโยชน์อะไรให้กับพวกเขาบ้าง"
เป็น แผนเดินหน้านโยบาย "กองทุน" ในรูปแบบที่พรรคภายใต้กำกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชื่นชอบและถนัดมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนถึงพรรคเพื่อไทย
วาระเดียวกัน รัฐบาลเตรียมแทรก "วาระจร" สอดแผนใช้พื้นที่ ในงานสารพัดกองทุน จัดนิทรรศการโชว์
ผลงานรัฐบาล 1 ปี ภายใต้ชื่อ "รัฐบาลพบประชาชน"
เป็น แนวคิดที่ออกมาจากห้องทำงาน "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับ-จัดการทั้งหมด เพื่อฉายภาพความสำเร็จของนโยบายภายใต้การบริหารตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
โดยเร่งให้รัฐมนตรีขึ้นคัตเอาต์
แผ่นป้าย-โชว์ผลงานรายกระทรวง อาทิ จำนำข้าว แท็บเลต ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือน ป.ตรี 15,000 บาท
เพื่อรับมือ-สร้างภาพบวก ก่อนที่รัฐบาลจะเกิดภาพลบในเวทีอภิปรายไม่ไว้
วางใจ
ด้าน พรรคเพื่อไทย จัดชุด ส.ส.ลงพื้นที่ประกบรายจังหวัด เป็นกองหนุนรายงานความคืบหน้านโยบายปลีกย่อยที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยอ้างถึงมติ "ครม.สัญจร" ที่รัฐบาลลงพื้นที่ไปแล้ว 6 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่ 19 โซน ตามแผนยุทธศาสตร์พรรค
ทั้งจังหวัด เชียงใหม่-ภาคเหนือตอนบน จังหวัดอุดรธานี-อีสานเหนือ จังหวัดภูเก็ต-ภาคใต้ จังหวัดกาญจนบุรี-ภาคกลาง จังหวัดชลบุรี-ภาคตะวันออก และจังหวัดสุรินทร์-อีสานใต้
ทุกพื้นที่จะถูกเล่าเรื่อง-แถลงนโยบาย ปลีกย่อย รายงานให้ท้องถิ่นซึมซับ อาทิ ความคืบหน้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงเส้นทางจราจร สร้างโรงพยาบาล พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ฯลฯ
ทั้งหมดเป็นการตีปี๊บ ก่อนเปิดเวทีให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แถลงผลงาน 1 ปีในรัฐสภา ในช่วงระหว่างสิ้นเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายน
วง ในพรรคเพื่อไทยประเมินเหตุล่วงหน้าว่า "ยิ่งลักษณ์และคณะ" จะถูกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลุกขึ้นซักซ้อมซักฟอก ทั้งความล้มเหลวรายโครงการและการกู้เงินก้อนโต ซึ่งจะถูกขุดขึ้นมาชำแหละอีกหนึ่งยก
"ทีมงานนิวัฒน์ธำรง" จึงผุดอีเวนต์เสริม ภายหลังการแถลงนโยบายในรัฐสภาเสร็จสิ้นไว้อีก 2 วาระ เพื่อโหนให้ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ยังอยู่ในกระแสชื่นชอบ
วาระแรก จับมือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำรูปเล่มสรุป
ผล งานรัฐบาล 1 ปี ตามรัฐธรรมนูญกำหนดในมาตรา 75 ระบุว่า "ให้คณะรัฐมนตรีจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงาน รวมถึงปัญหา และอุปสรรคต่อรัฐสภาปีละ 1 ครั้ง"
ซึ่งการดำเนินงานล่าสุดมีความคืบ หน้าไปแล้ว 90% เหลือเพียงการอัพเดตผลงานรายกระทรวง ก่อนที่จะนำร่างสุดท้ายให้ ครม.เห็นชอบในวันที่ 18 กันยายน เพื่อจัดพิมพ์ ส่งต่อให้รัฐสภาในเดือนตุลาคม
ควบคู่ไปกับแผนประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ แผ่นพับ และรูปเล่ม
นำเสนอนโยบายเชิง "เปรียบเทียบ"
ชี้ความแตกต่างระหว่างรัฐบาลในยุค "เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์"
วาระสอง รัฐบาลจะจัดทำ "ละคร-เรื่องสั้น" เพื่อร่ายมนตร์นโยบายเพื่อไทย ส่งตรงถึงจอทีวีทั่วประเทศ
อาศัยชุดความคิด "ดร.ป๋วย
อึ๊งภา กรณ์" ผูกเรื่องจากหลักการ "คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" ปรับมาใช้กับอีเวนต์การเมือง เพื่อบอกเล่าชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ประชาชนได้รับอะไรจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทั้งหมดเป็นแผนอีเวนต์ที่ถูกจัดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล ท่ามกลางกระแส "อภิปราย
ไม่ไว้วางใจ" ที่จะเกิดขึ้นในรัฐสภา
ทั้งหมดเป็นแผนรุกผ่านสื่อ ที่ผุดออกจากห้อง "นิวัฒน์ธำรง" ผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางบทบาทให้เข้ามากู้ภาพ-สู้รบ
เคียงข้าง "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ในวันที่ต้องพบศึกหนักจากฝ่ายค้าน
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น