เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ตามความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านการเมืองการปกครอง โดยสำนักป้องกันการทุจริตภาคการเมือง ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมค้นหาคุณสมบัติผู้แทนที่ดี
โดยนำข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 มากำหนดเป็นหัวข้อให้ประชาชนทั่วไปเลือกและเสนอความเห็นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเลือกเขียนลงบนไปรษณียบัตรหรือโหวตผ่านทางเว็บไซต์ของสานักงาน ป.ป.ช. ในระหว่างวันที่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2553 ได้มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 3,064 คน
ส่วนใหญ่ เป็นหญิง คิดเป็นร้อยละ 51.2 และชาย คิดเป็นร้อยละ 48.6 ส่วนใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป(ซึ่งมีสิทธิเลือกตั้ง) คิดเป็นร้อยละ 54 และต่ำกว่า 18 ปี คิดเป็นร้อยละ 15.7
การศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี 23.1 % ระดับปริญญาตรี 26.4 % ปริญญาโท 8 % ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพข้าราชการ คิดเป็นร้อยละ 27 นักเรียนนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 18.1
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นว่า จริยธรรมที่สำคัญที่สุดของนักการเมือง เรียงตาม ลำดับ ดังนี้
อันดับแรก คือ ปฏิบัติหน้าที่และแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เที่ยงธรรมและมีความอิสระ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 29.6
อันดับที่สอง คือ ยึดถือและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 17.8
อันดับที่สาม คือ ไม่วางตนอยู่ ภายใต้อิทธิพลทางการเงิน ผลประโยชน์หรือข้อต่อรองใด ๆ เพื่อบุคคลหรือองค์กรอื่นใด ซึ่งอาจมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คิดเป็นร้อยละ 13.3
อันดับที่สี่ รับฟังเรื่องร้องทุกข์ ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน ทั้งต้องปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน คิดเป็นร้อยละ 11.1
อันดับที่ห้า การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน อย่างครบถ้วน ถูกต้องโดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้อื่นหรือประชาชนเข้าใจผิด หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่นใด คิดเป็นร้อยละ 8.6
อันดับที่หก แสดงความรับผิดชอบเมื่อปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและผิดพลาดตามควรแก่กรณี คิดเป็นร้อยละ 7.7
อันดับที่เจ็ด เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพที่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นประมาท เสียดสี ใส่ร้ายบุคคลอื่นโดยไม่มีพยานหลักฐาน หรือนำเรื่องเท็จ มาอภิปรายในที่ประชุม คิดเป็นร้อยละ 7.2
อันดับที่แปด อุทิศเวลาให้แก่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลาและต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น คิดเป็นร้อยละ 4.7
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะอื่น ๆ เช่น
ข้อเสนอบทลงโทษนักการเมืองที่ประพฤติ ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม อยากให้มีข้อบังคับและใช้บังคับ เช่น
-การขาดประชุมต้องไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี ถ้าขาดตัดเงินเดือน 10 % ต่อครั้ง
- งดออกเสียง 1 ครั้ง หักเงินเดือน 10 % ของเดือนนั้น
- ต้องการให้ตัดเงินเดือน ส.ส. และ ส.ว. ที่ไม่เข้าประชุมสภา
-ถ้ารัฐมนตรีทุจริตในโครงการของรัฐให้ประชาชนเข้าชื่อ 100 คน ยื่นต่อศาลโดยตรง ถ้าศาลรับคดีมีมูล ให้รัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ถ้าศาลตัดสินมีความผิดจริง รัฐมนตรีต้องติดคุก 20 ปี ไม่มีการลดโทษ และพรรคการเมืองนั้นต้องหยุดการดาเนินการทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
- ควรออกกฎหมายห้ามบุคคลของรัฐมาเป็นหัวคะแนน ถ้าใครทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้ติดคุกสามปีพร้อมตัดสิทธิตลอดไป ถ้าเป็นข้าราชการให้ไล่ออก ไม่ได้รับบาเหน็จ บำนาญ
ถ้าทำตามนี้ได้ผู้แทนจะมีคนที่มีการศึกษาสูง ๆ มาลงสมัครรับเลือกตั้งมากมาย
นอกจากนี้ ผู้ใดกระทำผิดกฎหมายชัดแจ้งร้ายแรง เช่น คิดทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งยุยง ให้ประชาชนแตกแยก โฆษณาชวนเชื่อแบบคอมมิวนิสต์ในอดีต กระทำผิด ทางการควรเอาผิดโดยเด็ดขาดและ ทันที อย่าอ้างว่าอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ
- ไม่ควรให้สิทธิคุ้มครองผู้แทน ถ้าผิดต้องถูกจับทันที
- ควรปรับลดเงินเดือน ส.ส. ส.ว. ให้เหลือน้อยลงจากที่ได้รับ เพราะเห็นการทางานแล้วไม่คุ้มกับเงินที่ได้รับจากเงินภาษีราษฎรที่ยากจนเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ เท่ากับไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและประชาชนตาดำ ๆ
- ห้ามรัฐมนตรีแต่งตั้งอธิบดี และปลัดกระทรวง ให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ด้านการศึกษาอบรม
เปิดอบรมสอนภาษาไทยให้พูดไพเราะ เพราะ ส.ส. และ ส.ว.เป็นผู้มีเกียรติควรประพฤติ ปฏิบัติตัว ในสิ่งที่ดีเพื่อเป็นต้นแบบแก่เด็กและเยาวชนของชาติ ซึ่งในอนาคต เขาก็จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป
ช่วงที่มีการอภิปราย ส.ส.บางคนอภิปรายออกเสียง ร ล คำควบกล้าไม่ได้ ไม่ถูกต้อง อยากให้ถ่ายทอดสดเพื่อประจานตัวเองให้คนฟังตั้งคำถาม ส.ส.จังหวัดไหน(นะ) และเปิดอบรมคนที่จะมาทำหน้าที่ ส.ส. ส.ว. ไปหัดอ่านหัดพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง
ผู้ที่จะลงสมัครเป็นผู้แทนจะต้องเข้าอบรมศีลธรรมหรือถ้าเป็นไปได้อยากให้เข้าปฏิบัติธรรมตามสถานปฏิบัติธรรมโดยให้ทาง ป.ป.ช. เป็นผู้กำหนดให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 วัน โดยให้ทางสถานที่ปฏิบัติธรรมออกใบรับรองให้ จึงจะสามารถลงสมัครผู้แทนได้
- เล่าเรียนจบวิชาศีลธรรม ระดับนักธรรมเอก วิชาประวัติศาสตร์ ด้วยคะแนนเกิน 85 %
-ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับบ่อน หวยเถื่อน มีอิทธิพล นักเลง รับเหมาก่อสร้าง มีผลงานประวัตินักพัฒนาช่วยเหลือสังคมเป็นประจำสม่ำ เสมอ และจบวิชานักการเมืองด้วยคะแนน 85 % แล้วต้องสอบผ่านสถาบันวิชาชีพนักการเมือง เหมือน แพทย์ วิศวกร
คุณสมบัติ ของผู้แทนที่ดี ต้องมีกฎ กติกาในการปฏิบัติงาน คุณวุฒิ วัยวุฒิ และมีศีลธรรม จรรยาบรรณที่ดี และ ควรกำหนดคุณสมบัติเรื่องอายุ เช่น ไม่เกิน 70 ปี
ข้อเสนอ อื่น ๆเช่น ไม่ควรถ่ายทอดโทรทัศน์ทั้งวันทั้งคืน ควรถ่ายทอดเฉพาะเรื่องสาคัญมาก ๆ และให้ออกข่าวตามปกติเหมือนข่าวทั่วไป ส.ส. ส.ว. จะได้พูดน้อยลงบ้าง เพราะไม่ได้ออกทีวีที่ตนชอบ
และข้อเสนอว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจับมือกันทุกครั้ง หลังจากประชุมเสร็จแล้วให้สื่อถ่ายภาพด้วย.
ที่มา.มติชนออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
โดยนำข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 มากำหนดเป็นหัวข้อให้ประชาชนทั่วไปเลือกและเสนอความเห็นว่าเรื่องใดเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเลือกเขียนลงบนไปรษณียบัตรหรือโหวตผ่านทางเว็บไซต์ของสานักงาน ป.ป.ช. ในระหว่างวันที่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2553 ได้มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 3,064 คน
ส่วนใหญ่ เป็นหญิง คิดเป็นร้อยละ 51.2 และชาย คิดเป็นร้อยละ 48.6 ส่วนใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป(ซึ่งมีสิทธิเลือกตั้ง) คิดเป็นร้อยละ 54 และต่ำกว่า 18 ปี คิดเป็นร้อยละ 15.7
การศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี 23.1 % ระดับปริญญาตรี 26.4 % ปริญญาโท 8 % ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพข้าราชการ คิดเป็นร้อยละ 27 นักเรียนนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 18.1
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นว่า จริยธรรมที่สำคัญที่สุดของนักการเมือง เรียงตาม ลำดับ ดังนี้
อันดับแรก คือ ปฏิบัติหน้าที่และแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เที่ยงธรรมและมีความอิสระ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 29.6
อันดับที่สอง คือ ยึดถือและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 17.8
อันดับที่สาม คือ ไม่วางตนอยู่ ภายใต้อิทธิพลทางการเงิน ผลประโยชน์หรือข้อต่อรองใด ๆ เพื่อบุคคลหรือองค์กรอื่นใด ซึ่งอาจมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คิดเป็นร้อยละ 13.3
อันดับที่สี่ รับฟังเรื่องร้องทุกข์ ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน ทั้งต้องปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน คิดเป็นร้อยละ 11.1
อันดับที่ห้า การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน อย่างครบถ้วน ถูกต้องโดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้อื่นหรือประชาชนเข้าใจผิด หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่นใด คิดเป็นร้อยละ 8.6
อันดับที่หก แสดงความรับผิดชอบเมื่อปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและผิดพลาดตามควรแก่กรณี คิดเป็นร้อยละ 7.7
อันดับที่เจ็ด เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพที่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นประมาท เสียดสี ใส่ร้ายบุคคลอื่นโดยไม่มีพยานหลักฐาน หรือนำเรื่องเท็จ มาอภิปรายในที่ประชุม คิดเป็นร้อยละ 7.2
อันดับที่แปด อุทิศเวลาให้แก่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลาและต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น คิดเป็นร้อยละ 4.7
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะอื่น ๆ เช่น
ข้อเสนอบทลงโทษนักการเมืองที่ประพฤติ ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม อยากให้มีข้อบังคับและใช้บังคับ เช่น
-การขาดประชุมต้องไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี ถ้าขาดตัดเงินเดือน 10 % ต่อครั้ง
- งดออกเสียง 1 ครั้ง หักเงินเดือน 10 % ของเดือนนั้น
- ต้องการให้ตัดเงินเดือน ส.ส. และ ส.ว. ที่ไม่เข้าประชุมสภา
-ถ้ารัฐมนตรีทุจริตในโครงการของรัฐให้ประชาชนเข้าชื่อ 100 คน ยื่นต่อศาลโดยตรง ถ้าศาลรับคดีมีมูล ให้รัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ถ้าศาลตัดสินมีความผิดจริง รัฐมนตรีต้องติดคุก 20 ปี ไม่มีการลดโทษ และพรรคการเมืองนั้นต้องหยุดการดาเนินการทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
- ควรออกกฎหมายห้ามบุคคลของรัฐมาเป็นหัวคะแนน ถ้าใครทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้ติดคุกสามปีพร้อมตัดสิทธิตลอดไป ถ้าเป็นข้าราชการให้ไล่ออก ไม่ได้รับบาเหน็จ บำนาญ
ถ้าทำตามนี้ได้ผู้แทนจะมีคนที่มีการศึกษาสูง ๆ มาลงสมัครรับเลือกตั้งมากมาย
นอกจากนี้ ผู้ใดกระทำผิดกฎหมายชัดแจ้งร้ายแรง เช่น คิดทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งยุยง ให้ประชาชนแตกแยก โฆษณาชวนเชื่อแบบคอมมิวนิสต์ในอดีต กระทำผิด ทางการควรเอาผิดโดยเด็ดขาดและ ทันที อย่าอ้างว่าอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ
- ไม่ควรให้สิทธิคุ้มครองผู้แทน ถ้าผิดต้องถูกจับทันที
- ควรปรับลดเงินเดือน ส.ส. ส.ว. ให้เหลือน้อยลงจากที่ได้รับ เพราะเห็นการทางานแล้วไม่คุ้มกับเงินที่ได้รับจากเงินภาษีราษฎรที่ยากจนเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ เท่ากับไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและประชาชนตาดำ ๆ
- ห้ามรัฐมนตรีแต่งตั้งอธิบดี และปลัดกระทรวง ให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ด้านการศึกษาอบรม
เปิดอบรมสอนภาษาไทยให้พูดไพเราะ เพราะ ส.ส. และ ส.ว.เป็นผู้มีเกียรติควรประพฤติ ปฏิบัติตัว ในสิ่งที่ดีเพื่อเป็นต้นแบบแก่เด็กและเยาวชนของชาติ ซึ่งในอนาคต เขาก็จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป
ช่วงที่มีการอภิปราย ส.ส.บางคนอภิปรายออกเสียง ร ล คำควบกล้าไม่ได้ ไม่ถูกต้อง อยากให้ถ่ายทอดสดเพื่อประจานตัวเองให้คนฟังตั้งคำถาม ส.ส.จังหวัดไหน(นะ) และเปิดอบรมคนที่จะมาทำหน้าที่ ส.ส. ส.ว. ไปหัดอ่านหัดพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง
ผู้ที่จะลงสมัครเป็นผู้แทนจะต้องเข้าอบรมศีลธรรมหรือถ้าเป็นไปได้อยากให้เข้าปฏิบัติธรรมตามสถานปฏิบัติธรรมโดยให้ทาง ป.ป.ช. เป็นผู้กำหนดให้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 วัน โดยให้ทางสถานที่ปฏิบัติธรรมออกใบรับรองให้ จึงจะสามารถลงสมัครผู้แทนได้
- เล่าเรียนจบวิชาศีลธรรม ระดับนักธรรมเอก วิชาประวัติศาสตร์ ด้วยคะแนนเกิน 85 %
-ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับบ่อน หวยเถื่อน มีอิทธิพล นักเลง รับเหมาก่อสร้าง มีผลงานประวัตินักพัฒนาช่วยเหลือสังคมเป็นประจำสม่ำ เสมอ และจบวิชานักการเมืองด้วยคะแนน 85 % แล้วต้องสอบผ่านสถาบันวิชาชีพนักการเมือง เหมือน แพทย์ วิศวกร
คุณสมบัติ ของผู้แทนที่ดี ต้องมีกฎ กติกาในการปฏิบัติงาน คุณวุฒิ วัยวุฒิ และมีศีลธรรม จรรยาบรรณที่ดี และ ควรกำหนดคุณสมบัติเรื่องอายุ เช่น ไม่เกิน 70 ปี
ข้อเสนอ อื่น ๆเช่น ไม่ควรถ่ายทอดโทรทัศน์ทั้งวันทั้งคืน ควรถ่ายทอดเฉพาะเรื่องสาคัญมาก ๆ และให้ออกข่าวตามปกติเหมือนข่าวทั่วไป ส.ส. ส.ว. จะได้พูดน้อยลงบ้าง เพราะไม่ได้ออกทีวีที่ตนชอบ
และข้อเสนอว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจับมือกันทุกครั้ง หลังจากประชุมเสร็จแล้วให้สื่อถ่ายภาพด้วย.
ที่มา.มติชนออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น