--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

อภิสิทธิ์-สุเทพ ถกลับผู้นำทหารนาน3ชั่วโมงรับมือเสื้อแดงชุมนุม

อภิสิทธิ์ เปลี่ยนรถนั่งแวบออกจากรัฐสภาเข้ากองทัพบกประชุมลับร่วมกับ “สุเทพ-ประวิทย์-ประยุทธ์” และผู้นำทหารอีกหลายคนนานกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในสภา และเตรียมมาตรการรับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 12 มี.ค. นี้ ที่ฝ่ายข่าวประเมินว่าจะมีคนร่วมไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ให้แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งกำลังทุกหน่วยใน กทม. เตรียมพร้อมในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมงรอรับสถานการณ์ “อดิศร” โผล่มอบตัวกับดีเอสไอ ปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อการร้าย ยื่นหลักทรัพย์ 600,000 บาท ประกันตัวทันที ยันไม่เคยหนีออกนอกประเทศ หัวหน้าการ์ด นปช. เข้ามอบตัววันนี้ (11 มี.ค.) คาดแกนนำที่หลบหนีทยอยมอบตัวหลังดีเอสไอมีความชัดเจนเรื่องให้ประกันตัวโดยตั้งเงื่อนไขเดียวกับศาล

ที่สำนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอดิศร เพียงเกษ อดีต ส.ส. หลายสมัยและอดีตรัฐมนตรี หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนหลังหลบหนีไปนานกว่า 9 เดือน ซึ่งหลังจากสอบปากคำเบื้องต้นได้ยื่นขอประกันตัวด้วยวงเงิน 600,000 บาท แล้วเดินทางกลับ โดยดีเอสไอนัดสอบปากคำเพิ่มวันที่ 28 มี.ค. นี้

“อดิศร” ปฏิเสธข้อกล่าวหา

นายอดิศรเปิดเผยว่า ถูกตั้งหลายข้อหาทั้งก่อการร้ายและข้อหาอื่นๆ เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเพราะยุติบทบาทจากเวทีชุมนุมที่แยกราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2553 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์หลังจากนั้น และหลังจากนี้จะยื่นเรื่องต่ออัยการและศาลเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกออกหมายจับโดยมิชอบ เนื่องจากการออกหมายจับตามหลักแล้วต้องฟังพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ต้องหาด้วย

“ที่ผมไม่มอบตัวก่อนหน้านี้เพราะไม่ต้องการอยู่ในคุกฟรีๆตั้ง 9 เดือน เท่าที่สอบถามเพื่อนที่ถูกขังก็บอกว่าอย่ามาเลย มันลำบาก” นายอดิศรกล่าวและว่า ขอบคุณเวลา 9 เดือนกว่าที่ผ่านมา เพราะทำให้มีเวลาแต่งเพลง โดยจะออกชุดใหม่เร็วๆนี้ หนึ่งในนั้นมีเพลงเกี่ยวกับนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมด้วย และอาจมีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น

ยันไม่เคยหนีออกนอกประเทศ

นายอดิศรยืนยันว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยหลบหนีออกนอกประเทศ ไม่ได้ไปอยู่เวียดนามอย่างที่เป็นข่าว วนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯและแถบภาคอีสาน เฉพาะกรุงเทพฯหากจะหลบ 10 ปีก็หากันไม่เจอ ส่วนแกนนำคนอื่นๆที่หลบหนีอยู่ไม่ได้ติดต่อกับใคร ติดต่อแต่แกนนำที่อยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม อยากให้แกนนำที่ยังหลบหนีอยู่มามอบตัวได้แล้ว ตอนนี้บ้านเมืองดีขึ้นแล้ว ควรถอยคนละก้าว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะเดินหน้าไปสู่การปรองดองได้

นายอดิศรกล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 12 มี.ค. นี้คงไม่ได้ไปเข้าร่วม จะขออยู่เงียบๆสักพักเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปสู่ความปรองดอง

ดีเอสไอให้ประกันเงื่อนไขเดียวกับศาล

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการให้ประกันตัวว่า เนื่องจากผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวด้วยตัวเอง ประกอบกับผู้ต้องหาคดีเดียวกันศาลให้ประกันตัวไปหมดแล้ว จึงให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยพิจารณาหลักทรัพย์เท่ากับศาลคือ 600,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขประกันตัวเหมือนที่ศาลกำหนดกับแกนนำคนอื่นคือ ห้ามกระทำการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดมให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม คดีนี้ดีเอสไอส่งสำนวนให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้ว จึงจะนำตัวนายอดิศรไปให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลวันที่ 29 มี.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมอบตัวกับดีเอสไอแล้วนายอดิศรได้เดินทางไปสถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามเพื่อมอบตัวตามหมายเรียกคดีหมิ่นประมาทนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล จากนั้นยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 200,000 บาท ประกันตัวออกไป

หัวหน้าการ์ด นปช. มอบตัววันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 มี.ค. นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย จะเข้ามอบตัวเพิ่มอีก 1 คน หลังมีความชัดเจนว่าดีเอสไอให้ประกันตัว และคาดว่าหลังจากนี้จะมีผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายที่หลบหนีทยอยเข้ามอบตัว โดยผู้ที่ยังหลบหนีหมายจับ ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อกล่าวหาทหารเผาเซ็นทรัลเวิลด์ว่า เรื่องนี้ทหารถูกกล่าวหามาตลอด ทั้งที่ความจริงได้พูดไปหมดแล้วในการอภิปรายในสภา และหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ทำงานอยู่ ซึ่งควรยอมรับ ไม่ใช่เวลาที่ผลตรวจสอบเป็นประโยชน์กับพวกตัวเองก็เอาไปใช้ พอไม่เป็นประโยชน์ก็กล่าวหา

“มาร์ค” ยันไม่หักหลังกองทัพ

ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง บอกว่าได้ข้อมูลมาจากรัฐบาลเพราะมีการหักหลังกันเองนั้น นายอภิสิทธิ์ถามกลับว่า “ใครหักหลังใคร นายจตุพรมีข้อมูลแบบนี้มาตลอด และไม่จริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายจตุพรพยายามทุกอย่างเพื่อสร้างความขัดแย้ง ความแตกแยก ขณะที่รัฐบาลต้องการพาประเทศเดินไปข้างหน้า เรื่องนี้ประชาชนต้องพิจารณา เพราะหากให้ประเทศอยู่ในวังวนความขัดแย้งก็จะแก้ปัญหาด้านอื่นๆไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ

ทหาร-รัฐบาลต้องหนักแน่น

นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลมีความเข้าใจกันดี ไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนทำงานตามบทบาทหน้าที่ของตัวเอง เราต้องหนักแน่น ไม่อย่างนั้นจะเสียหายกันหมด ส่วนการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูด ซึ่งจริงๆแล้วไม่ควรใช้เวทีรัฐสภานำไปสู่ความแตกแยก

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เคยพูดว่าเรื่องการตายของคนเสื้อแดงเป็นเพราะวิ่งเข้าหากระสุนของทหารตามที่มีการฟอร์เวิร์ดเมล์กันอย่างแพร่หลายในขณะนี้

“สุเทพ” โต้กล่าวหาเสื้อแดงวิ่งชนกระสุน

“ผมพูดแต่ว่าทหารไม่ได้ถือปืนไปไล่ฆ่าประชาชน แต่ที่มีประชาชนส่วนหนึ่งเสียชีวิตเพราะเข้ามาโจมตีป้อม ด่านของทหาร เขาก็ต้องป้องกันตัวเอง” นายสุเทพกล่าวพร้อมย้ำว่า ตนมีสติตลอดเวลาที่พูดเรื่องนี้ ไม่เคยพูดเอามันหรือสร้างภาพ จึงไม่ต้องการให้เอามาบิดเบือน ยืนยันว่าประชาชนส่วนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมไม่รู้หรอกว่าแกนนำคิดวางแผนอะไรกันไว้

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ขอดักทางไว้เลยว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเต็มไปด้วยการบิดเบือน ใส่ร้าย ใช้ข้อมูลเท็จอย่างมโหฬาร แต่จะตอบทุกประเด็นและเอาข้อเท็จจริงไปหักล้าง

มีข้อมูลหักล้างข้อกล่าวหาในสภา

“ขณะนี้มีการนำคลิปไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไล่ยิงคนในเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำ เพื่อโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ เขาเริ่มกระบวนการปูพื้นก่อนถึงวันอภิปรายเพราะต้องการชักนำให้ประชาชนคล้อยตาม และจะโหมโรงเรื่อยไปจนถึงวันอภิปราย ซึ่งผมมีรูปภาพของจริงที่จะเอาไปหักล้าง จะให้ดูว่าคนที่เผาคือใคร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่งตัวอย่างไร เอาอะไรเข้าไปเผา โดยจะลำดับเหตุการณ์ให้เห็นทุกช่วงเวลาว่าใครอยู่ตรงไหน ทำอะไร ซึ่งพวกนี้ไม่ได้เผาเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ แต่เผาสถานที่อื่นๆด้วย จะไปเผาช่อง 3 และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ด้วย แต่ผมส่งเจ้าหน้าที่ไประงับเหตุได้ทัน นี่คือข้อเท็จจริงที่จะเอาไปแสดงให้เห็นในสภา” นายสุเทพกล่าวและว่า ขณะนี้มีการโจมตีไปถึงผู้บัญชาการทหารอากาศ คนกลุ่มนี้ต้องการดิสเครดิตกองทัพ เมื่อไม่เชื่อฟัง ไม่รับใช้ก็ต้องทำลาย

ถามหน้าใครเหมือนฆาตกรกว่ากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นการฟอกตัวเองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ใช้ภาษาอย่างนี้ต้องไปอยู่กับทนายอัมสเตอร์ดัมส์ การเอาข้อมูลมาแสดงเป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้เห็นข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายไปพร้อมๆกัน วันนี้เขาเรียกนายกฯว่าฆาตกร กล่าวหาผมเป็นฆาตกร สั่งฆ่าประชาชน ผมว่าเอาง่ายๆ ดูหน้าคนที่กล่าวหากับคนถูกกล่าวหาก็แล้วกันว่าหน้าตาใครคล้ายฆาตกรมากกว่ากัน”

“จตุพร” ยันคลิปจริงไม่มีตัดต่อ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ยืนยันว่า คลิปวิดีโอที่จะนำมาเปิดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีการตัดต่อ และไม่เห็นด้วยที่จะมีกรรมการตรวจสอบคลิปก่อนเปิดในสภา เพราะถือเป็นการตรวจสอบการบ้านก่อนทำข้อสอบทำให้ฝ่ายค้านเสียเปรียบ ในสังคมประชาธิปไตยข้อมูลอภิปรายต้องเป็นความลับ

“คลิปวิดีโอเผาเซ็นทรัลเวิลด์ที่จะเปิดครั้งนี้มีความละเอียดมากที่สุด จะได้เห็นทุกมุมเหมือนดูภาพยนตร์ ขอเตือนให้รัฐบาลทำการบ้านมาให้ดี”

“ธิดา” ย้ำปัญหาจากไม่เป็นธรรม

ที่รัฐสภา นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธาน นปช. กล่าวในการชี้แจงต่อคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ที่มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน ว่าการเข้ามาทำหน้าที่นี้ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เป็นการทำเพื่อประชาชนและประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของบ้านเรากำลังมีปัญหาค่อนข้างมาก หากปล่อยไปจะไม่เป็นผลดี

“มีคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ร้องขอความช่วยเหลือมา เพราะเขาถูกศาลสั่งจำคุก 20 ปี ทั้งที่พยานหลักฐานที่ใช้กล่าวหาไม่ค่อยชัดเจน ตรงข้ามกับกรณีของเสื้อเหลืองที่ขับรถชนตำรวจและยังถอยมาทับซ้ำที่หน้าสภา หลักฐานชัดแต่ศาลให้รอลงอาญาไม่ต้องติดคุก”

สองมาตรฐานยังมีให้เห็นชัดเจน

นางธิดากล่าวว่า คนที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ถามว่าใครจะเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่ออะไร วันนี้ปัญหาเกิดจากอะไรทุกคนเห็นกันอยู่ หากสังคมยังไม่ใช้สติปัญญา ไม่ตื่นขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมก็คงพังกันหมด วันนี้เห็นกันชัดเจนที่มีคนไปชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ทำอะไร ถ้าเป็นคนเสื้อแดงจะโดนอะไรบ้างก็รู้กันอยู่

“ความอยุติธรรมในสังคมมันชัดเจน คนเสื้อแดงไม่ได้ต่อสู้เกินเลยไปจากหลักประชาธิปไตย ขอฝากไปถึงกรรมการชุด นพ.ประเวศ วะสี และนายอานันท์ ปันยารชุน ว่าเราไม่ได้ต้องการแก้เรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะปัญหาเฉพาะหน้าคือความยุติธรรม เรื่องความเหลื่อมล้ำเอาไว้ทีหลัง” นางธิดากล่าวและว่า การใช้การทหารมาแก้ปัญหาการเมืองทำให้คนตายจำนวนมากไม่ใช่วิสัยของอารยประเทศ คนเสื้อแดงชุมนุมทางการเมืองเพื่อต่อสู้ให้ยกเลิกกติกาที่ไม่เป็นธรรม ให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน

หวั่นยึดอำนาจชี้มีสัญญาณไม่ดี

นางธิดากล่าวอีกว่า วันนี้มีสัญญาณที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะผู้นำ 4 เหล่าทัพไปสักการะศาลหลักเมืองทำพิธีใหญ่โต ซึ่งคล้ายกับตอนก่อนรัฐประหารปี 2549 มาก วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เริ่มโดนลอยแพจากกลุ่มจารีตนิยมแล้ว แล้วพรรคอื่นจะไปเหลืออะไร ถ้ามีรัฐประหารครั้งนี้แล้วไม่ยอมกันคงยิงกันตายมากกว่าลิเบีย ขณะนี้คนเสื้อแดงต้องเริ่มซ้อมต่อต้านรัฐประหาร เพราะการไม่ต่อต้านรัฐประหารเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับคนที่รักประชาธิปไตย

นางธิดาเชื่อว่าในอนาคตจะมีคนเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆหากยังไม่มีความยุติธรรม แต่ยืนยันว่าแนวทางของเรายึดสันติวิธี

รับประกันข้อมูล “จตุพร” ของจริง

“ยืนยันว่าหลักฐานที่นายจตุพรจะเอามาใช้อภิปรายในสภาเป็นของจริงทั้งหมด ไม่มีการตัดต่ออย่างที่ออกมาดิสเครดิตกัน การดิสเครดิตอาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งเห็นว่านายจตุพรไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ได้เห็นเหตุการณ์คงไม่เชื่อที่รัฐบาลและทหารพูด”

“มาร์ค” ถกลับผู้นำทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และนายทหารอีกหลายคนได้ร่วมประชุมกันที่กองทัพบกเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นที่จะชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน และประเมินการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ซึ่งฝ่ายข่าวคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50,000 คน โดยสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 1 ออกคำสั่งให้ทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน.4 รอ.) มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) กองพันสารวัตรทหารบก กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 1 เตรียมพร้อมในหน่วยที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์หากเกิดความรุนแรง นอกจากนี้ยังให้จัดกำลังและรถดับเพลิงเตรียมพร้อมเอาไว้ในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย โดยที่ประชุมเป็นห่วงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อชุมนุมยืดเยื้อ

ที่มา.หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น