อดีตประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล ขวัญใจประชาชนคนยากด้วยนโยบายประชานิยมและครองตำแหน่งผู้นำประเทศ 2 สมัย 8 ปี กล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจคนรักประชาธิปไตย ในงานประจำปี Al Jazeera Forum ครั้งที่ 6 ว่า “ผมไม่สามารถปฏิเสธการเชื้อเชิญจากสำนักข่าว Al Jazeera เพื่อมีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ได้ เพราะถือว่าเป็นห้วงเวลาที่สำคัญมาก ที่ประชาชนจากหลายชาติในโลกอาหรับ รวมทั้งชาติอื่นๆ ได้เปล่งเสียงและยืนขึ้นเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ความยุติธรรมในสังคม และแสวงหาการสร้างโอกาส”
ผมมาที่นี่เพื่อที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ของบราซิลและอเมริกาใต้ในช่วงที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว เพื่อให้สังคมได้บทสรุป
อเมริกาใต้เคยมีประสบการณ์จากระบอบเผด็จการจนกระทั่งช่วง 10 ปีให้หลัง ในตอนปลายศตวรรษที่ 18 ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากยิ่ง ประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียง เขาไม่มีโอกาส เขาไม่สามารถพูดเสียงดังได้ และพวกเขา (รัฐบาล) ก็ไม่ได้ยินเสียงของประชาชน ทำให้สูญเสียชีวิตประชาชนนับพันคน ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์เราที่สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยประชาธิปไตย ประชาชนของเราได้สังเวยชีวิต ซึ่งถือเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตทางการเมืองอย่างเต็มตัว

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศได้เคยหารือเกี่ยวกับระบอบเผด็จการในประเทศของผม และผมได้ค้นพบว่า ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้หมายถึงการพูดสุนทรพจน์ หรือการแสดงวิวาทะระหว่างกัน แต่มันเป็นโครงสร้างที่มีความยุ่งยากมาก และหมายรวมถึงความต้องการให้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ให้เคารพความเห็นที่แตกต่าง และเรียนรู้ว่าจะดำรงอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสร้างความรำคาญยิ่งนัก
ประชาธิปไตยถือเป็นโครงสร้างที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ทั้งยังเรียกร้องให้มีความอดทน ความมุ่งมั่น และความเข้าใจ และประชาชนจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสาระสำคัญนั้น พวกเขาต้องการให้ฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และพวกเขา (รัฐบาล) ควรจะมีสำนึกรับผิดชอบ เพราะประชาชนไม่ใช่นักปกครอง จึงไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
สถาบันทางการเมืองสร้างโดยประชาชนไม่ใช่ผู้นำประเทศ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถล้นเหลือ แต่ประชาธิปไตยที่สร้างโดยประชาชนย่อมมีอำนาจเหนือกว่า
ผมจะยกตัวอย่างในประเทศของผม การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคม 2010 ที่ผ่านมา โดยในปี 2009 พรรคของผมต้องการให้ผมหารือกับรัฐสภาเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะให้ผมได้ครองอำนาจเป็นประธานาธิบดีบราซิลต่อเป็นสมัยที่ 3 ผมได้พูดว่า ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สาม
ผมไม่เคยยอมรับความคิดที่ว่า จะไม่มีใครสามารถแทนที่ใครคนหนึ่งได้ หรือบางคนที่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องพิจารณา เมื่อผู้นำคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็น หรือคิดว่าไม่มีใครสามารถแทนที่เขา (ผู้นำ) ได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นสำหรับการเกิดผู้นำที่เผด็จการ หรือรัฐบาลที่ปกครองแบบเผด็จการ
การเปลี่ยนผ่านอำนาจมีความจำเป็นยิ่ง เพราะเราสามารถรับประกันความเข้มแข็งของประชาธิปไตยได้ และประชาธิปไตยสามารถนำชัยชนะมาได้ เมื่อเราทำให้กฎและเกมการเมืองมีความชัดเจน ทุกคนปราศจากซึ่งความแตกต่างใดๆ เพราะทุกคนได้เคารพกฎที่กำหนดจากทุกคน
เพราะประชาธิปไตยนั้น บางครั้งอาจไม่ใช่ระบอบการปกครองที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่โลกต้องการ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครเสนอรูปแบบการปกครองอื่นใดที่ดีไปกว่าประชาธิปไตย ดังนั้น เราสามารถนำมาใช้กับการเมืองของเราได้
บางทีการเล่าเรื่องของผมอาจทำให้หลายต่อหลายคนคลายความระแวงผมได้ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับพวกคุณที่จะรับรู้ว่า ทำไมผมจึงให้คุณค่าแก่ประชาธิปไตยนัก เพราะผมมาจากภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นดินแดนที่ยากไร้ที่สุดในบราซิล ผมเป็นลูกของครอบครัวชาวนาที่มีลูกทั้งหมด 8 คน
ผมไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาในระดับสูง ผมไม่ได้จบระดับมหาวิทยาลัย ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมทางแรงงาน จนได้กลายเป็นผู้นำแรงงาน แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถกลายเป็นพรรคการเมืองได้ และวันหนึ่ง ผมก็ได้กลายเป็นประธานาธิบดีแห่งบราซิล
ผมแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีถึง 3 ครั้ง ก่อนจะได้รับเลือก และผมก็ยอมรับผลลัพธ์ที่ผมต้องเผชิญมากกว่าที่จะยอมแพ้อย่างราบคาบ ทุกครั้งที่ผมแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ผมเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในรอบถัดไปมากขึ้น และในการแข่งขันครั้งที่ 4 ของผม ผมก็สามารถได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีบราซิลจนได้
และผมก็ได้เรียนรู้การพูดบางเรื่องกับชาวบราซิลว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แนวคิดที่ชัดเจนนัก

Shop for protest tags
ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องทางจิตวิญญาณของรัฐ ประชาธิปไตยคือความสำเร็จของสังคมที่ร่วมมือกันเพื่อให้ได้มา ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่สิทธิที่ต้องการตะโกนออกมาว่าพวกคุณหิว แต่มันคือสิทธิอันพึงมีที่ทำให้คุณมีอาหารอยู่บนโต๊ะได้ มันไม่ใช่สิทธิที่คุณต้องการงานทำ แต่มันคือโอกาสที่คุณได้จากการทำงาน มันไม่ใช่เพียงความเป็นไปได้ที่คุณตะโกนออกมาว่าคุณต้องการเรียน แต่คุณต้องศึกษาความจริงที่ว่าเมื่อไหร่ที่กระบวนการทางประชาธิปไตยทำงาน เมื่อนั้นสังคมก็จะได้รับผลประโยชน์
ประชาธิปไตยจะรวมผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสันติภาพและความสงบ
สิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ที่มีผู้คนจำนวนมากเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง เป็นปัจจัยเดียวกันที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจยืนหยัดที่จะเรียกร้องให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในบราซิลช่วง 1980
เราต้องการเพียงล้มล้างระบอบทหารและเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง มีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนบางคนที่เป็นคนพื้นเมืองสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น โบลิเวีย และมีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนผิวสีสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงการเป็นประธานาธิบดีของคนผิวสีส่วนใหญ่ในอาฟริกาใต้
ประชาชนต้องการแค่เพียงให้มีการเคารพซึ่งสิทธิซึ่งกันและกัน ต้องการแค่เพียงได้ทำงานในบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วยความภาคภูมิ ต้องการเพียงโอกาส งานและเงินเดือนที่เหมาะสม และความก้าวหน้าของชีวิต และชีวิตของลูกหลานที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สิ่งแรกที่เราทำ (ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิล) คือการพัฒนานโยบายสาธารณะ ที่มีการโอนถ่ายรายได้ผ่านโครงการเงินเดือนให้ครอบครัวที่ยากจนที่สุด ประชาชนราว 11 ล้านคน เราได้พูดคุยกับประชาชน 44 ล้านราย และ 11 ล้านครัวเรือน พวกเขาได้รับเงินเดือนที่พวกเขาสามารถนำไปซื้อคูปองอาหารได้ ขณะเดียวกัน เราก็ขึ้นเงินเดือนให้กับประชาชนอีก 74%
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดภายในประเทศบราซิลเติบโตและขยายตัว ชาวบราซิล 36 ล้านคนถูกยกระดับกลายเป็นชนชั้นกลาง และ 28 ล้านคนถูกยกระดับให้หลุดพ้นจากความยากจน การลงทุนด้านการศึกษานั้น เราสร้างมหาวิทยาลัยของรัฐ 14 แห่ง โรงเรียนฝึกอาชีพ 214 แห่ง และมีโครงการให้ทุนการศึกษากว่า 100 ทุนสำหรับนักเรียนยากจนที่อยู่บริเวณรอบนอกซึ่งมีคนหนุ่มสาวที่อาศัยบริเวณชานเมืองราว 960,000 คนและกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนผ่านโครงการให้ทุนการศึกษา ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่ง 8 ปี ผมสร้างงานให้กว่า 15 ล้านราย
สังคมเราสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้ สื่อมวลชนสามารถพูดอะไรในสิ่งที่ต้องการพูด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป แต่เรามีเสรีที่จะพูดอะไรก็ตามที่เราเชื่อว่าเราเข้าใจในสิ่งที่พวกเราต้องการพูด
ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภายใต้กรอบพหุภาคีและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป เราจะให้คำอธิบายอย่างไรที่ไม่มีที่นั่งสำหรับชาติอาหรับเลยในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงคราวจำเป็นแล้วหรือยังที่จะต้องมีตัวแทนในการมีส่วนร่วมจากประเทศอื่นเพิ่มในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพิ่ม เราจะอธิบายอย่างไร เมื่อไม่มีตัวแทนจากอาฟริกา หรือละตินอเมริกาเลย

ผู้นำในหลายประเทศเชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องปกครองประเทศ เพียงเพราะกลไกตลาดสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง แต่เราจะอธิบายกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรเมื่อ Lehman Brothers ล่มสลาย หรือวิกฤตหนี้ด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ประชาชนควรจะเริ่มทำความเข้าใจว่าสามารถเลือกรัฐบาลมาปกครองตนเองได้ และกลไกตลาดที่มีอยู่ก็เพียงการจัดหารายได้และไม่ได้ใส่ใจในประเด็นทางสังคม กลไกตลาดไม่ได้กังวลในประเด็นการศึกษา ไม่มีการกระจายรายได้ ไม่ได้แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมในสังคม มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่จะจัดการกับวิกฤตดังกล่าวได้
เราจะจัดการให้ประชาธิปไตยในอาฟริกาและตะวันออกกลางเข้มแข็งได้อย่างไร เราต้องหยุดที่จะอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อมองอาฟริกาว่าเป็นเพียงกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงทวีปที่มีแต่ความยากไร้ เราจะประกันประชาธิปไตยในตะวันออกกลางได้อย่างไร เราต้องแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะทำให้เห็นว่า ตะวันออกกลางนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่มีเสรีภาพที่สลับซับซ้อน มีปมปัญหาในเรื่องประชาธิปไตย มีความยุ่งเหยิงจากความไม่ยุติธรรมในสังคม
แน่นอน มันมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างการเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และระเบียบสังคมใหม่ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ที่มา.Al Jazeera
เรียบเรียงโดย.Siam Intelligence Unit
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ผมมาที่นี่เพื่อที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ของบราซิลและอเมริกาใต้ในช่วงที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัว เพื่อให้สังคมได้บทสรุป
อเมริกาใต้เคยมีประสบการณ์จากระบอบเผด็จการจนกระทั่งช่วง 10 ปีให้หลัง ในตอนปลายศตวรรษที่ 18 ถือเป็นช่วงเวลาที่ลำบากยิ่ง ประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียง เขาไม่มีโอกาส เขาไม่สามารถพูดเสียงดังได้ และพวกเขา (รัฐบาล) ก็ไม่ได้ยินเสียงของประชาชน ทำให้สูญเสียชีวิตประชาชนนับพันคน ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์เราที่สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยประชาธิปไตย ประชาชนของเราได้สังเวยชีวิต ซึ่งถือเป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตทางการเมืองอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศได้เคยหารือเกี่ยวกับระบอบเผด็จการในประเทศของผม และผมได้ค้นพบว่า ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้หมายถึงการพูดสุนทรพจน์ หรือการแสดงวิวาทะระหว่างกัน แต่มันเป็นโครงสร้างที่มีความยุ่งยากมาก และหมายรวมถึงความต้องการให้มีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ให้เคารพความเห็นที่แตกต่าง และเรียนรู้ว่าจะดำรงอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะสร้างความรำคาญยิ่งนัก
ประชาธิปไตยถือเป็นโครงสร้างที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ทั้งยังเรียกร้องให้มีความอดทน ความมุ่งมั่น และความเข้าใจ และประชาชนจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสาระสำคัญนั้น พวกเขาต้องการให้ฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และพวกเขา (รัฐบาล) ควรจะมีสำนึกรับผิดชอบ เพราะประชาชนไม่ใช่นักปกครอง จึงไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
สถาบันทางการเมืองสร้างโดยประชาชนไม่ใช่ผู้นำประเทศ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถล้นเหลือ แต่ประชาธิปไตยที่สร้างโดยประชาชนย่อมมีอำนาจเหนือกว่า
ผมจะยกตัวอย่างในประเทศของผม การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนตุลาคม 2010 ที่ผ่านมา โดยในปี 2009 พรรคของผมต้องการให้ผมหารือกับรัฐสภาเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะให้ผมได้ครองอำนาจเป็นประธานาธิบดีบราซิลต่อเป็นสมัยที่ 3 ผมได้พูดว่า ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สาม
ผมไม่เคยยอมรับความคิดที่ว่า จะไม่มีใครสามารถแทนที่ใครคนหนึ่งได้ หรือบางคนที่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็นต้องพิจารณา เมื่อผู้นำคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็น หรือคิดว่าไม่มีใครสามารถแทนที่เขา (ผู้นำ) ได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นสำหรับการเกิดผู้นำที่เผด็จการ หรือรัฐบาลที่ปกครองแบบเผด็จการ
การเปลี่ยนผ่านอำนาจมีความจำเป็นยิ่ง เพราะเราสามารถรับประกันความเข้มแข็งของประชาธิปไตยได้ และประชาธิปไตยสามารถนำชัยชนะมาได้ เมื่อเราทำให้กฎและเกมการเมืองมีความชัดเจน ทุกคนปราศจากซึ่งความแตกต่างใดๆ เพราะทุกคนได้เคารพกฎที่กำหนดจากทุกคน
เพราะประชาธิปไตยนั้น บางครั้งอาจไม่ใช่ระบอบการปกครองที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่โลกต้องการ แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครเสนอรูปแบบการปกครองอื่นใดที่ดีไปกว่าประชาธิปไตย ดังนั้น เราสามารถนำมาใช้กับการเมืองของเราได้
บางทีการเล่าเรื่องของผมอาจทำให้หลายต่อหลายคนคลายความระแวงผมได้ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับพวกคุณที่จะรับรู้ว่า ทำไมผมจึงให้คุณค่าแก่ประชาธิปไตยนัก เพราะผมมาจากภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นดินแดนที่ยากไร้ที่สุดในบราซิล ผมเป็นลูกของครอบครัวชาวนาที่มีลูกทั้งหมด 8 คน
ผมไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาในระดับสูง ผมไม่ได้จบระดับมหาวิทยาลัย ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมทางแรงงาน จนได้กลายเป็นผู้นำแรงงาน แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถกลายเป็นพรรคการเมืองได้ และวันหนึ่ง ผมก็ได้กลายเป็นประธานาธิบดีแห่งบราซิล
ผมแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีถึง 3 ครั้ง ก่อนจะได้รับเลือก และผมก็ยอมรับผลลัพธ์ที่ผมต้องเผชิญมากกว่าที่จะยอมแพ้อย่างราบคาบ ทุกครั้งที่ผมแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ผมเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในรอบถัดไปมากขึ้น และในการแข่งขันครั้งที่ 4 ของผม ผมก็สามารถได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีบราซิลจนได้
และผมก็ได้เรียนรู้การพูดบางเรื่องกับชาวบราซิลว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แนวคิดที่ชัดเจนนัก
Shop for protest tags
ประชาธิปไตยจะรวมผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสันติภาพและความสงบ
สิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ที่มีผู้คนจำนวนมากเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง เป็นปัจจัยเดียวกันที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจยืนหยัดที่จะเรียกร้องให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในบราซิลช่วง 1980
เราต้องการเพียงล้มล้างระบอบทหารและเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง มีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนบางคนที่เป็นคนพื้นเมืองสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น โบลิเวีย และมีเพียงประชาธิปไตยเท่านั้นที่สามารถทำให้คนผิวสีสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงการเป็นประธานาธิบดีของคนผิวสีส่วนใหญ่ในอาฟริกาใต้
Middle East Regime
ประชาชนต้องการแค่เพียงให้มีการเคารพซึ่งสิทธิซึ่งกันและกัน ต้องการแค่เพียงได้ทำงานในบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วยความภาคภูมิ ต้องการเพียงโอกาส งานและเงินเดือนที่เหมาะสม และความก้าวหน้าของชีวิต และชีวิตของลูกหลานที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สิ่งแรกที่เราทำ (ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิล) คือการพัฒนานโยบายสาธารณะ ที่มีการโอนถ่ายรายได้ผ่านโครงการเงินเดือนให้ครอบครัวที่ยากจนที่สุด ประชาชนราว 11 ล้านคน เราได้พูดคุยกับประชาชน 44 ล้านราย และ 11 ล้านครัวเรือน พวกเขาได้รับเงินเดือนที่พวกเขาสามารถนำไปซื้อคูปองอาหารได้ ขณะเดียวกัน เราก็ขึ้นเงินเดือนให้กับประชาชนอีก 74%
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันตลาดภายในประเทศบราซิลเติบโตและขยายตัว ชาวบราซิล 36 ล้านคนถูกยกระดับกลายเป็นชนชั้นกลาง และ 28 ล้านคนถูกยกระดับให้หลุดพ้นจากความยากจน การลงทุนด้านการศึกษานั้น เราสร้างมหาวิทยาลัยของรัฐ 14 แห่ง โรงเรียนฝึกอาชีพ 214 แห่ง และมีโครงการให้ทุนการศึกษากว่า 100 ทุนสำหรับนักเรียนยากจนที่อยู่บริเวณรอบนอกซึ่งมีคนหนุ่มสาวที่อาศัยบริเวณชานเมืองราว 960,000 คนและกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนผ่านโครงการให้ทุนการศึกษา ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่ง 8 ปี ผมสร้างงานให้กว่า 15 ล้านราย
สังคมเราสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้ สื่อมวลชนสามารถพูดอะไรในสิ่งที่ต้องการพูด ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป แต่เรามีเสรีที่จะพูดอะไรก็ตามที่เราเชื่อว่าเราเข้าใจในสิ่งที่พวกเราต้องการพูด
ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภายใต้กรอบพหุภาคีและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป เราจะให้คำอธิบายอย่างไรที่ไม่มีที่นั่งสำหรับชาติอาหรับเลยในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงคราวจำเป็นแล้วหรือยังที่จะต้องมีตัวแทนในการมีส่วนร่วมจากประเทศอื่นเพิ่มในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพิ่ม เราจะอธิบายอย่างไร เมื่อไม่มีตัวแทนจากอาฟริกา หรือละตินอเมริกาเลย
Who’s next?
ผู้นำในหลายประเทศเชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องปกครองประเทศ เพียงเพราะกลไกตลาดสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่าง แต่เราจะอธิบายกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรเมื่อ Lehman Brothers ล่มสลาย หรือวิกฤตหนี้ด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ประชาชนควรจะเริ่มทำความเข้าใจว่าสามารถเลือกรัฐบาลมาปกครองตนเองได้ และกลไกตลาดที่มีอยู่ก็เพียงการจัดหารายได้และไม่ได้ใส่ใจในประเด็นทางสังคม กลไกตลาดไม่ได้กังวลในประเด็นการศึกษา ไม่มีการกระจายรายได้ ไม่ได้แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมในสังคม มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่จะจัดการกับวิกฤตดังกล่าวได้
เราจะจัดการให้ประชาธิปไตยในอาฟริกาและตะวันออกกลางเข้มแข็งได้อย่างไร เราต้องหยุดที่จะอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อมองอาฟริกาว่าเป็นเพียงกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงทวีปที่มีแต่ความยากไร้ เราจะประกันประชาธิปไตยในตะวันออกกลางได้อย่างไร เราต้องแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะทำให้เห็นว่า ตะวันออกกลางนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่มีเสรีภาพที่สลับซับซ้อน มีปมปัญหาในเรื่องประชาธิปไตย มีความยุ่งเหยิงจากความไม่ยุติธรรมในสังคม
แน่นอน มันมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างการเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และระเบียบสังคมใหม่ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ที่มา.Al Jazeera
เรียบเรียงโดย.Siam Intelligence Unit
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น