--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

คุยเปิดอก รมต.สมัยแรก(ไอซีที) "จุติ ไกรฤกษ์" ภารกิจเช็คบิลแก้สัญญามือถือ

อยู่ในกลุ่มหลีกไม่พ้นเป็น 1 ในรัฐมนตรีที่ต้องขึ้นเขียงโดนฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน สำหรับ"จุติ ไกรฤกษ์"รัฐมนตรี(สมัยแรก)แห่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) ด้วยว่าหลายโปรเจ็คของหน่วยงานในการกำกับดูแล ทั้งบมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคม มีปัญหาเรื่องความโปร่งใส
 ไม่ว่าจะเป็นกรณีการขยายโครงข่าย3G ทั่วประเทศ, การจับมือร่วมธุรกิจระหว่างกลุ่มทรูกับบมจ.กสท โทรคมนาคม รวมถึงการเดินหน้าเช็คบิลเอกชนกรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานในอดีต

ผู้สื่อข่าว มีโอกาสพูดคุยกับเจ้ากระทรวงไอซีทีในหลากหลายแง่มุม ดังนี้
เตรียมตัวอะไรบ้างสำหรับอภิปราย
เตรียมไว้ 7 ประเด็น แต่ไม่บอกให้ฝ่ายค้านไปทำการบ้านเอง
เรื่องกสทฯเป็นประเด็นใหญ่ ผมเตรียมตัวไว้ก่อนที่ฝ่ายค้านจะประกาศว่าอยู่ในลิสต์ เพราะเตรียมไว้ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ คาดไว้แล้วว่าต้องโดนแน่ทั้งกรรมาธิการ สตง. เผลอๆ อาจปปช. ดีเอสไอด้วย ก็ไม่หนักใจอะไร
กรณีกสทฯกับทรู กสทฯได้ประโยชน์ ทางกสทฯยืนยันว่าเซ็นสัญญาไม่เร่งรีบ แต่ในประเด็นนี้ผมยืนยันว่า เขาเร่งรีบ ยังบอกไปว่า อุตส่าห์ทำดีมา 99.5% เซ็นช้ากว่านี้ อีก 2 วันจะไม่มีใครว่าเลย ผมพูดแบบนี้ตลอด แต่ก็จำนนในเหตุผลของเขานะ
ส่วนเรื่องทีโอที ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายประเด็นนี้ก็เท่ากับเปิดให้ผมหาเสียง บอกได้ว่าอภิปรายผมเรื่องนี้ฝ่ายค้านถึงตาย (หัวเราะ)
ทำไมถึงคิดว่ากรณีกสทฯโดนแน่
เพราะผมคือเบี้ยในกระดานธุรกิจโทรคมนาคมหลักล้านๆ บาท ไม่ใช่แสนล้านนะ ทั้ง 5 เจ้า ทีโอที กสท เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ ทุกคนแย่งเป็นคนทำคนแรก เพราะจะกวาดลูกค้าไปหมด คุณไปดูธุรกิจส่งถ่ายข้อมูลดาต้าโตก้าวกระโดด ทุกคนก็น้ำลายไหล ใครไปก่อนได้ก่อน  พอดีผู้บริหารกสทฯเป็นคนหนุ่มจึงเห็นโอกาสคว้าก่อน แต่จะเป็นความหวังหรือความตายยังไม่รู้ อย่างน้อยมีใจมีวิชั่นที่จะไป
ที่ผ่านมาเอกชนไม่อยากทำ 3G เพราะอยากรีดไขมันจากสัมปทานให้หมดก่อนค่อยลงทุน 3G ลงระบบใหม่ทีเดียว พอกสทฯโดดมาทำเป็นคนแรก แถมจับมือกับทรู ทุกคนก็เต้นเพราะอ่านเกมผิด ผมก็ตั้งคำถามว่า ทำไมคุณไม่ไปประมูลฮัทช์แข่งกัน ทุกคนมีสิทธิแต่ไม่ประมูลเอง
ตอนกทช. จัดประมูล 3G ผมเองยังคิดแผนว่าจะทำอย่างไรกับ 3 หมื่นครอบครัวพนักงานของ 2 องค์กรนี้ เพราะไม่มีโอกาสรอดเลย กะว่าจะควบรวมทีโอทีกับกสทฯ วันนี้ผมถึงบอกพนักงานทั้ง 2 แห่งว่า พระเจ้าให้โอกาสที่ 2 มาแล้ว เกาะให้แน่อย่าให้หลุดไม่เช่นนั้นลงนรกแน่นอน
ทุกวันนี้ที่สะดุดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการเมือง แต่เป็นเกมธุรกิจแน่นอน กูไม่ได้มึงก็ไม่ต้องมี ถ้าไปก็ไปพร้อมกัน แต่หนนี้หนักหน่อยเพราะไปเปลี่ยนตัวแปรเขา เกิดอยากเป็น First Mover

ทั้ง2องค์กรจะรอดได้ยังไง
ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ถ้าไม่เปลี่ยนไม่รอด อย่างทีโอที บอร์ดฯยังไม่ทันเลือก รัฐมนตรียังไม่มีนโยบาย คนทีโอทีบอกห้ามเอาคนนอกมา กสทฯก็เหมือนกัน ผู้บริหารคนนอกเหมือนถูกเก็บมาเลี้ยง  วัฒนธรรมข้างในองค์กรต้องเปลี่ยน คนดีๆ มีเยอะแต่ถูกผลักไว้ข้างๆ ไม่มีตำแหน่ง ผมอยากจะร้องไห้แทนประเทศไทยตอนเห็นการจัดการโอนทรัพย์สิน

สัมปทาน 18 ปีทำอะไรกันมาบ้าง ทรัพย์สินแสนกว่าล้านยังไม่ดู แล้วจะทำอะไรได้
ทีโอทีมีเสา มีคลื่น มีไฟเบอร์ออฟติก แต่อยู่ตรงไหนบ้างไม่รู้ ผมถึงสั่งให้เอ็กซ์เรย์ทั้งทีโอที กสทฯว่าเสาอยู่ตรงไหนบ้าง
ถึงนั่งเถียงกับคณะกรรมการมาตรา 22 ที่ดูแลสัมปทานที่บอกว่า คุณบอกไม่เสียหาย แสนกว่าล้านบาทคุณรู้ว่ามีอยู่ แต่

คุณหาเสาตัวเองไม่เจอไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วยังมาบอกว่าไม่เสียหาย ทุกวันนี้ผมก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง คอยหวดไม้เรียวไป ไม่รู้ว่าไม้จะหักก่อนหรือไหล่จะหลุดก่อน

ถ้าบอร์ดทีโอทีลาออกจนเหลือไม่ครบ7
ก็ประชุมไม่ได้ กระทบ 3G แน่นอน เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ต้องให้กระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่พิจารณาว่าจะตั้งใหม่หมดหรือตั้งเพิ่ม แต่บอร์ดฯที่ลาออกไม่เกี่ยวกับกรณี 3G แต่กลัวถูกฟ้องจากที่มีมติว่าจะฟ้องเอกชนกรณีแก้สัญญา

สุดท้ายบอร์ดทีโอทีก็ไม่ฟ้องเอไอเอส
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ธงของผมยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนคือเอาเงินคืนให้รัฐ คณะกรรมการเจรจายังไม่ได้สรุปว่าจะเจรจาได้ไม่ได้ เรื่องฟ้องกับเจรจาคนละเรื่อง เรื่องฟ้องเป็นการทำให้อำนาจต่อรองของรัฐยังอยู่ รัฐยังมีสิทธิฟ้อง ผมหวังว่าจะจบที่การเจรจามากกว่าขึ้นศาล เว้นแต่ประธานคณะกรรมการเจรจาบอกว่า ไม่จบไม่คืบไปกว่านี้แล้วก็จะเสนอครม.ให้พิจารณาว่าจะไปทางไหนต่อ ถ้าเขาไม่ยอมจ่าย หรือจ่ายแต่ไม่ใช่ที่รัฐต้องการ
ส่วนเรื่องทีโอทีจะเอาอย่างไรต่อไป เป็นกลยุทธ์ในการต่อสู้ขออุบไว้ก่อน สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ยืนยันว่าทั้งหมดอยากให้เจรจาจบบนโต๊ะ ไม่ต้องการฟ้อง ต่างคนต่างไปทำมาหากินของตนเองดีที่สุด ผมอยากให้เจรจาถึงที่สุดแล้วมาดูว่ารับได้หรือไม่ได้

คิดว่าจะเจรจาสำเร็จ
สำเร็จถ้าไม่งก ก็อย่างที่บอก ถ้าผมงกน้อยก็โดนหาว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ตัวเลขตอนนี้ที่จะเจรจายังไม่มีใครเปิดไต๋ ตรรกะและเหตุผลของทั้ง 2 ฝ่ายจะตัดสิน  เพราะที่คลังคิดมา แสนห้าพันล้านบาทพูดตรงๆ ว่า สุดโต่ง ในเชิงประโยชน์รัฐก็ดี แต่จะเดินมาพบกันครึ่งทางได้อย่างไร ผมอยากให้มีการจ่าย มากน้อยก็ต้องจ่าย คราวหลังจะได้ไม่มีใครทำอย่างนี้อีก และจะได้ตามไปดูต่อว่า ผู้บริหารคนไหนทำให้เสียหาย ไม่อย่างนั้นก็จะทำกันอีก
 เรื่องการเจรจาอีกไม่นานก็จะรู้แนวโน้มว่าจะได้ไม่ได้ จ่ายไม่จ่าย น่าจะรู้ก่อนเลือกตั้งใหม่

เอกชนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ก็ต้องยืนยันแบบนั้น ไม่เช่นก็เข้าคุก ธงของทนายจำเลย คือ ต้องเข้าอนุญาโตตุลาการ ซึ่งรัฐเข้าทีไรแพ้ทุกที มีทางอีกเยอะต้องให้จบเป็นเรื่องๆ ไป ต่อไปถ้าผมเป็นฝ่ายค้านก็ต้องมานั่งดูว่า จะมีคนมาเปลี่ยนสิ่งที่ทำไว้แล้วไหม ที่พูดนี่ไม่ได้เตรียมเป็นฝ่ายค้านนะ แต่อนาคตไม่แน่นอน

ค่าเสียหายมีตัวเลขที่ต้องการแล้ว
เรื่องตัวเลข ถ้าไปเรียกจากเขาน้อย วันหน้ามีคนไปฟ้องว่า ผมทำให้รัฐเสียหาย ผมก็ต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เวลาผมเรียกก็ต้องเรียกตั้งแต่วันที่เสียหาย แล้วครม. ก็ต้องตัดสินให้ผมว่า จะนับวันแรกจากวันไหน ถ้าเป็นผมก็ต้องเป็นวันแรกตั้งแต่แก้ไข เพราะผมไม่มีทางเลือก เหมือนกับที่ผมต้องทำจดหมายส่งไปถึงซีอีโอ ทีโอที และกสท ให้ระมัดระวังเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ระวังโดน ม. 157
เขาก็ขุ่นใจแต่ผมต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ พวกที่เดินขบวนกันอยู่ไปร้องที่โรงพักบอกผมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมก็โดนเต็มๆ ไม่มีใครมาประกันตัวผมหรอก แต่วันนี้ผมก็ทำหน้าที่ผมไปแล้ว
ปัญหาเอไอเอสไม่มีใครอยากทำมันได้แต่ศัตรูไม่ได้อะไรเลย ถ้าผมเรียกตังค์กลับมาได้ คนก็ต้องบอกว่าก็มันต้องจ่าย ไม่ใช่เพราะเราทำ แต่คนถูกฟ้องหรือถูกเรียกตังค์คืนต้องไม่ชอบเป็นธรรมดา
เรามีหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบจะหนีไม่ได้ จะรับแต่ชอบ ไม่รับผิดก็ไม่ได้ คนอย่างผมไม่หนีปัญหา มีอะไรก็แก้ไขกันไป

มีข่าวว่าไปเร่ขายเอไอเอส
ผมไม่ใช่เจ้าของจะไปเร่ขายได้อย่างไร ถามว่าข่าวจากใคร เหมือนข่าวเรื่องไปฮ่องกงไปรับเงินจากประธาน(ซี.พี.) ไปงานเวิล์ดจีเอสเอ็มล่าสุดมีการประชุมมีรัฐมนตรี รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหลายประเทศไปกันเยอะแยะ สิ่งที่ทุกคนถามผมเหมือนกันหมด คือ เมื่อไรไทยจะมี 3G ติดปัญหาอุปสรรคอะไร ผมก็บอกไปว่า หวังว่าจะเร็วๆ นี้

ไม่รู้สึกเขินที่ไทยไม่มี 3G
แรกๆ ก็มีบ้าง แต่ไปมาหลายรอบแล้ว ตอนนี้อินโดนีเซียยังล้ำหน้าเราไปแล้ว ส่วนประเทศในเอเชียก็อยากรู้ว่า เราจะจัดการปัญหาอย่างไร อยากรู้ว่า เรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร เขาห่วงธุรกิจเขา ห่วงประโยชน์ตัวเอง มองว่าจะมีโอกาสทางธุรกิจอย่างไร ซึ่งผมก็ตอบไม่ได้บอกไปว่า ต้องให้ครม.ตัดสินใจ
แต่ทุกคนพูดเหมือนกันว่า3G เกิดช้ายิ่งขาดทุนโอกาส อินเดียเป็นตัวอย่างประมูล 3G ไม่เสร็จสักที มีการประเมินความเสียหายว่า ทุก 6 เดือนที่ล่าช้าเสียหายราว 1,000 ล้านเหรียญจึงต้องกัดฟันทำ เป็นการลงทุนขั้นพื้นฐาน สิ่งที่รัฐได้คือเศรษฐกิจพัฒนา ได้ภาษีกลับมา

สัมปทานไทยคมถึงไหนแล้ว
รอทางไทยคมตอบหนังสือที่กระทรวงไอซีทีแจ้งมติครม.ให้ทราบว่าต้องมีการยิงดาวเทียมดวงใหม่ ต้องคืนเงินประกัน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และต้องปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นให้ชินคอร์ปกลับไปถือหุ้นในไทยคม 51% ตามเดิม รัฐยังได้ส่วนแบ่งรายได้จากไอพีสตาร์ตามเดิม คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ค่าประกันเอกชนก็ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยน ดาวเทียมดวงใหม่เขาก็อยากยิงอยู่แล้ว

เหมือนเข้าทางเอกชน
ใช่ก็ยอมรับ แต่รัฐก็ได้ไม่น้อย
 
ตอนรับตำแหน่งบอกว่าตั้งใจมาแก้ทุจริตเม็กกะโปรเจ็ค
เอาความจริงของโลกนะ เหมือนเอาก้อนหินทุ่มไปในบึงใหญ่ๆ ที่มีจอกแหนมันก็กระจาย พอน้ำนิ่งมันก็ค่อยๆ ไหลออกมาปิดเหมือนเดิม


ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น