--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

กระแสประชาธิปไตยภายใต้กลไกทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง กระหึ่มดังประสาน เสียงคลอเคล้าไปในทำนองเดียวกัน อานิสงส์ผลบุญหนุนส่งกลบเสียงเงียบบนรังสีอำมหิต จนแทบไม่เหลือสะเก็ดเดซิเบลแห่งไฟฟอนปฏิวัติรัฐประหาร

เซียนเขี้ยวประชาธิปัตย์ เป่านกหวีด “คิกออฟ แคมเปญเลือกตั้ง” จัดหนักหาเสียงอย่างเป็นทางการผ่านป้ายคัตเอาต์และโฆษณาผ่านสื่อแบบปูพรมเช้า เที่ยง เย็น รวมไปถึงมื้อค่ำก่อนนอน หลังรับประทานอาหาร

กดปุ่มปล่อยคาราวานนโยบายเพื่อประชาชนชุดแรกท่ามกลางความอลหม่าน เล็กๆ ที่สวนจตุจักร ชิงธงการนำปรับเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแบบไม่รอเพื่อนตามประสา เซียนเขี้ยวการเมืองมากพรรษาบารมี

“กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” กระบี่มือหนึ่ง ด้านยุทธศาสตร์พรรค ปล่อยออเดิร์ฟ ประเดิม 4 นโยบายเพื่อประชาชน เพิ่มค่า แรงขั้นต่ำ 25% ภายใน 2 ปี เพิ่มกองกำลัง พิเศษปราบยาเสพติด 2,500 นาย เพิ่มทุน กู้ยืมดอกเบี้ยต่ำเพื่อการศึกษา ในระดับมหาวิทยาลัย 250,000 คนต่อปี และเพิ่ม โฉนดชุมชนให้เกษตรกร 250,000 คน เป็น การเรียกน้ำย่อย

พร้อมทั้งเล่นบทถนัดปั้นเด็ก เปิดตัว โครงการ “คนรุ่นใหม่ อนาคตไทย” ที่เฟ้น เอาเจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งมีอายุระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 225 คน ร่วมซึมซับบรรยากาศ การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ประหนึ่ง บ่มเพาะประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังสำคัญ ในอนาคตข้างหน้า

แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น “กอร์ปศักดิ์” ยืนยันเองว่า การร่ายเวทย์ “เมตตามหา ประชานิยม” จะทวีความเข้มข้นขึ้นเป็นสองเท่า ในพลันที่นกหวีดยุบสภากรีดร้อง

นั่นจะเท่ากับว่า จากเดิมที่ประชาชนจะพบปะหน้า “ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” บนจอทีวีแบบถี่ยิบอยู่แล้วมันจะยิ่งมีโอกาสได้ชื่นชมความหล่อของท่านได้มากยิ่งขึ้นในวันที่ปี่กลองเลือกตั้งดังเซ็งแซ่อย่างเป็นทางการ วาระเกมชิงอำนาจบนหน้าฉากประชาธิปไตย เริ่มเอ็กเซอร์ไซซ์สกัดเกมชิงอำนาจอันสืบเนื่องมาจากวิธีพิเศษในทุกรูปแบบทุกกรณี

“ทีมงานแดงแห่งพรรคเพื่อไทย” ก็ไวทายาดไม่แพ้เซียนเขี้ยว 7 แกนแดงที่ เพิ่งได้รับอิสรภาพ ส่งสัญญาณผ่านไฟเขียว แห่งรีโมตคอนโทรล “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” แสดงเจตจำนงชัดเจน ต้องการมีพื้นที่ยืนในฐานะผู้ทรงเกียรติแห่งสภา หินอ่อนประเทศไทย

ด้วยมวลชนที่แวดล้อม ประสาแฟน คลับรักและคิดถึงอย่างแรง มันล้วนเป็นกุศล ผลบุญหนุนส่ง ที่ “นายใหญ่” ไม่ต้องตัดสินใจอะไรมากมายในการปูนบำเหน็จรางวัล เพื่อสร้างเอกสิทธิ์คุ้มครองให้กับ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” และชาวคณะแดงทั้งแผ่นดิน ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่การเมืองภาครัฐสภาอย่างเต็มตัว

ใครสอบตกใครสอบติด เป็นคิวที่ต้องว่ากันในเรื่องอนาคต แต่ด้วยอาการเลือดไหลออกอย่างต่อเนื่อง แกนแดงเหล่า นี้สามารถปะผุในพื้นที่ฟันหลอได้ไม่เป็นสองรองจากเบอร์เดิมๆ ที่ถูกดูดไปแม้แต่น้อย ยิ่งกระชับรูปแบบกลับมาเป็นแบบ เขตเดียว เบอร์เดียว ที่เกิดขึ้นบนบรรยากาศ “ทักษิณสู้”

กระสุนดินดำยิงสนั่นทั่วพื้นที่ ผู้สมัคร ที่มีกระแสและมากด้วยกระสุน มันย่อมมีสง่า ราศีมากกว่า เบอร์สำรองซึ่งเคยเรียกใช้ที่ประคบประหงมอย่างไรก็ยากที่จะเข้าวิน

ยิ่งวิเคราะห์กันในทางคู่ขนาน หากแกนแดงเหล่านี้สามารถเดินลุยไฟฝ่าดงบาทาจนมีเอกสิทธิ์คุ้มครองเป็นของตัวเอง ได้จริง จะเท่ากับว่า ในอนาคตข้างหน้า พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นหมากชั้นดีในการต่อสู้ระยะยาว บนเงื่อนไขในสนามซึ่งเป็นรองหลายขุมที่กำลังจะบังเกิดในระยะสั้น

เสียงตอบรับเป็นอย่างดี จากทีมงาน แดงภาครัฐสภา จึงเป็นการการันตีพื้นที่ผ่านการกลั่นกรองของผู้บัญชาการใหญ่อย่าง “อดีตนายกฯ ทักษิณ” มาแล้วทั้ง หมดทั้งสิ้น

ปิดกล่องทางยุทธวิธี โอละพ่อ “ประชาธิปัตย์” ถือธงประชานิยมนำ “เพื่อไทย” เอาหลังพิงกำแพงหลักการประชาธิปไตยแบบแดง สองพรรคสลับดอกกันทางยุทธวิธีเลือกตั้งกันอย่างมีนัย สุดท้ายใครแพ้ใครชนะ คงไม่แคล้วต้องเล่นเอาล่อเอาเถิดกันต่อไป

นั่นมันก็สอดรับกับผลสำรวจความเห็นประชาชนของเอแบคโพลล์ ที่ส่วนใหญ่ ระบุว่า..

ร้อยละ 63.9 เชื่อว่า การเลือกตั้ง ครั้งต่อไป จะมีความดุเดือด รุนแรง

ร้อยละ 61.8 เชื่อว่า จะมีการถอนทุนคืน เพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ร้อยละ 75.3 เชื่อว่า ทุกพรรค การเมืองจะมีการซื้อเสียง ในการเลือกตั้ง และประชาชนร้อยละ 76.1 แสดงความเชื่อมั่นว่า ประชาธิปไตยจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ

เหลียวหลังดูพฤติกรรมในอดีต แลหน้าผ่านผลโพลที่บรรยายเหตุการณ์ในอนาคต ฟันธงแบบกำปั้นทุบดิน..นับห้วงเวลาจากช่วงชุลมุนในการเลือกตั้งที่ทอดยาวไปสู่วันที่สถานการณ์สะเด็ดน้ำ และกิน ยาวไปสู่คืนวันที่มีรัฐบาลใหม่..

บ้านนี้เมืองนี้ และประเทศนี้ ก็จะยัง พร้อมสรรพด้วยสารพันปัญหาในแบบเดิมๆ ทั้งปัญหาความขัดแย้ง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

ที่ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่เขาเหล่านั้นยังปักใจเชื่ออย่างมั่นคงว่าในท้าย ที่สุดแล้ว เงื่อนประชาธิปไตยจะเป็นทาง ออกในทุกปัญหา..นี่แหละประชาธิปไตยแบบไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกำลังรอวันโตไปตาม ธรรมชาติ ที่มันควรจะเป็น!!!

ที่มา.สยามธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น