--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

สุเทพ..ขวางต่างชาติสังเกตุการณ์ เลือกตั้ง‘สดศรี’นำร่องทิ้งกกต.

“สดศรี” เตรียมทิ้งเก้าอี้ กกต. หากได้รับเลือกเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย บ่นเบื่อการเมืองมีแรงกดดันมากแถมยังมีบรรยากาศแปลก หวั่นอยู่ต่อจัดเลือกตั้งต้องติดคุกซ้ำรอย กกต. ชุด “วาสนา” ย้ำเมื่อมีทางออกที่ดีกว่าก็ต้องไป จี้นายกฯชี้แจงเหตุผลยุบสภาให้ชัดเจนว่าทำเพื่ออะไรกันแน่ “ประพันธ์-วิสุทธิ์” ยืนยันอยู่ทำหน้าที่ต่อไม่ลาออก ระบุเหลือ กกต. 3 คนยังทำงานได้ตามกฎหมาย ปัดไม่มีใครยื่นตำแหน่งในองค์กรอื่นให้นั่งแลกลาออก “อภิสิทธิ์” ไม่สนยังเดินหน้าสู่เลือกตั้ง ยันวิธีพิเศษแก้ปัญหาไม่ได้ และไม่ว่าจะพิเศษแค่ไหนก็ต้องกลับมาสู่การเลือกตั้ง “จตุพร” ปูดกองทัพตั้งชุดเฉพาะกิจบล็อกคนเพื่อไทยซ้ำรอยเลือกตั้งปี 50 ท้าเป็นกลาง เป็นธรรมจริงต้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ “สุเทพ” ปัดทันที อ้างคนไทยตรวจสอบกันเองได้ไม่ต้องให้ต่างชาติเข้ามายุ่ง

กระแสข่าวเรื่องจะมีกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลาออกจากตำแหน่งทำให้มีผลต่อการจัดการเลือกตั้งส่อเค้าว่าจะเป็นความจริงมากขึ้น เมื่อนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ อาจลาออกจากตำแหน่งหากได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่ได้ไปสมัครไว้

“สดศรี” ระบุมีโอกาสต้องไปก่อน

“ยอมว่าได้ไปสมัครเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายจริง แต่ไม่ได้ทำเพื่อหนีการเลือกตั้ง เพราะยังไม่รู้ว่าจะได้รับการคัดเลือกหรือเปล่า การทำหน้าที่ กกต. ในปัจจุบันมีความยากลำบากมาก ทำอะไรก็สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นประเด็นการเมือง ทำให้ต้องคิดหนัก เช่น เรื่องกฎหมายต่างๆที่ออกก็ไม่รู้ว่าเป็นการวางกับดัก กกต. หรือไม่ ถ้ามีโอกาสไปก็น่าจะไปเสียก่อนในช่วงนี้ดีกว่า” นางสดศรีกล่าวพร้อมย้ำว่า การทำงานต้องดูเวลา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ควรจะไป คาดว่าจะทราบผลการคัดเลือกกรรมการปฏิรูปกฎหมายเร็วๆนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากไม่ได้รับการคัดเลือกยังจะไปหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ไม่แน่อาจจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่หากถูกกดดันมากๆก็ไป ไม่กดดันมากก็อยู่

ปัดร่วมมือระบอบอำมาตย์

นางสดศรียืนยันว่า แนวคิดเรื่องการลาออกไม่ได้เป็นเพราะร่วมมือกับระบอบอำมาตย์เพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งอย่างที่พูดกัน การที่ กกต. จะลาออกทั้งคณะหรือออกไปบางคนจนทำให้องค์ประชุมไม่ครบไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้ กกต. จัดเลือกตั้งไม่ได้ เพราะสามารถคัดเลือก กกต. ใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนได้ ซึ่งกฎหมายเขียนเอาไว้แล้วว่าหากมี กกต. ลาออกจะต้องหาคนใหม่มาแทน 60 วัน

จี้นายกฯชี้แจงสาเหตุยุบสภาให้ชัด

นางสดศรีกล่าวอีกว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองพบว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา ส่วนจะมีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่จะยกมาอ้างกัน การยุบสภาก่อนครบวาระผู้มีอำนาจยุบสภาคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะต้องอธิบายให้ได้อย่างชัดเจนว่ามีเหตุผลอะไร เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ายุบสภาทำไม

หวั่นติดคุกซ้ำรอย กกต. ชุด “วาสนา”

“ที่คิดมากตอนนี้คือการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะทำให้ กกต. เหมือนกับ กกต. ชุดที่ 2 หรือไม่ (ชุด พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ) กฎหมายก็ยังไม่เรียบร้อย การเมืองก็ดูแปลกๆ เหมือนจะโยนลูกมาที่ กกต. ทั้งหมด ไม่ได้กลัวแต่เบื่อที่ กกต. ต้องรับทุกอย่าง ที่ไม่สบายใจมากคือเรื่องกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับ ซึ่งดูเหมือนว่ามีความพยายามจะไม่ทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง จะให้ กกต. ออกประกาศ ระเบียบมาใช้จัดเลือกตั้ง ที่ผ่านมาใน กกต. ก็มีฉันคนเดียวที่พูดเรื่องนี้ จากนี้หากมีองค์กรอิสระไหนเปิดรับสมัครกรรมการก็จะไปสมัครทุกองค์กร”

“วิสุทธิ์” ยืนยันไม่ลาออก

นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า หากจะมี กกต. ลาออกจริงไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา เพราะมี กกต. 3 คนก็ทำงานได้ตามกฎหมาย

“ผมยังไม่ได้ข่าวว่าใครจะลาออก และที่ผ่านมาผมก็ไม่มีใครมาติดต่อทาบทามให้ไปรับตำแหน่งในองค์กรอื่น”

เรื่องกฎหมายลูกไม่ใช่ปัญหา

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ไม่มีความคิดจะลาออก เพราะหาก กกต. ลาออกก็จะยิ่งทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากขึ้น ส่วนเรื่องที่มี กกต. บางคนกังวลเรื่องกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับนั้น ขณะนี้สภาได้รับหลักการกฎหมายไปแล้ว แม้จะเสร็จไม่ทันกำหนดยุบสภาเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา เพราะสามารถออกประกาศ ระเบียบใช้จัดเลือกตั้งได้ แต่เชื่อว่าสภาจะเร่งพิจารณากฎหมายให้เสร็จทันก่อนเลือกตั้ง

ไม่มีใครเสนอเก้าอี้ที่อื่นให้นั่ง

“ผมไม่ได้รับการติดต่อทาบทามให้ไปเป็นอะไรที่ไหน และที่ผ่านมาก็ไม่คิดว่าจะไปไหน หากมี กกต. ลาออก เหลือ กกต. 3 คนก็ยังทำงานได้ ไม่มีปัญหาอะไร”

ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และเลขาธิการปฏิรูปการเมือง เปิดเผยว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ที่คร่ำวอดทางการเมืองหลายท่านในช่วงที่ผ่านมา ต่างเห็นตรงกันว่าไม่น่าจะมีการเลือกตั้ง

กูรูการเมืองเห็นพ้องไม่มีเลือกตั้ง

“กูรูทางการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งก็จะปกครองยาก เพราะยังมีกลุ่มที่คอยแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะสถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายหนักลงไปอีก ประเด็นที่สำคัญคือกลุ่มพลังอำนาจหรือทหารไม่ไว้วางใจที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาปกครองอีก ทำให้ไม่มั่นใจการเมืองหลังการเลือกตั้ง”

ผศ.ทวีกล่าวถึงกระแสข่าวการลาออกของ กกต. ว่า น่าจะมีจุดมุ่งหมายให้เหมือนการเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย. 2549 คือปล่อยให้เลือกตั้งแล้วทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ นำไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติจะส่งผลดีต่อระบอบอำมาตย์ที่สุด

“มาร์ค” ชี้ “สดศรี” ออกไม่มีปัญหา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่นางสดศรีจะลาออกจากการเป็น กกต. แต่เท่าที่ดูกฎหมายไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กกต. ที่เหลือยังสามารถจัดเลือกตั้งได้

“ผมไม่ทราบจุดประสงค์ของคุณสดศรี แต่ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าวพร้อมยืนยันว่า ฝ่ายการเมืองไม่ได้ไปกดดันอะไร กกต. เลย ทุกคนต่างมีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ที่ไปคุยกับ กกต. ก่อนประกาศกำหนดวันยุบสภาก็เพื่อให้ กกต. มั่นใจว่าจะไม่มีอุปสรรคในการทำหน้าที่

ประชาคมโลกจับตาเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก กกต. ลาออกทั้งหมดจะยังมีเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ประคับประคองให้บ้านเมืองผ่านสถานการณ์มาหลายอย่าง ขณะนี้ประชาคมโลกจับตาดูการเมืองไทยอยู่ ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องยืนยันให้ประชาคมโลกเห็นว่าประเทศไทยสามารถเดินตามระบบ ตามกติกาของตัวเองได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ยอมรับว่ามีบางกลุ่มเห็นไปในแนวทางอื่น แต่ก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะเดินไปอย่างไร

วิธีพิเศษก็ต้องกลับมาเลือกตั้ง

“เรื่องวิธีการพิเศษ แนวทางพิเศษ ผมว่าไม่ว่าจะพิเศษอย่างไรสุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่การเลือกตั้ง มันหนีไม่พ้น จะไปช่องทางไหนก็ต้องเลือกตั้ง ขณะนี้ประชาชนล้ากับการเมืองที่ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงเวลาที่จะกลับเข้าสู่ภาวะความปรกติ ทุกคนต้องช่วยกันให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปรกติ”

ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศให้พรรคการเมืองใหม่คว่ำบาตรการเลือกตั้งและจะออกไปรณรงค์ให้ประชาชนไม่ออกมาเลือกตั้งนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ ส่วนจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองหรือไม่อยู่ที่ว่าประชาชนจะตอบรับหรือไม่

รมว.กลาโหมสั่งทหารเป็นกลาง

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานว่า พล.อ.ประวิตรได้ย้ำถึงบทบาทของกองทัพต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่า การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องให้การสนับสนุน พร้อมกำชับให้กำลังพลวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียง ให้ผู้สมัครทุกพรรคการเมืองเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารได้ และให้พร้อมใจกันออกไปเลือกตั้ง ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น หากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน

ปูดกองทัพตั้งทีมสกัดเพื่อไทย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ตั้งคำถามไปยังกองทัพว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นทหารจะเข้ามาแทรกแซงเหมือนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 หรือไม่ จะมีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาบล็อกหัวคะแนน แกนนำ และผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่

จี้เปิดให้ต่างชาติสังเกตการณ์

“ออกมาประกาศกันว่าเป็นกลาง สนับสนุนประชาธิปไตย แต่เท่าที่ผมทราบมีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจลักษณะดังกล่าวขึ้นมาและประชุมกันไปแล้ว 1 ครั้ง จึงอยากถามผ่านสื่อไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ ที่ผมทราบเพราะมีทหารแตงโมที่ไม่ชอบความไม่ถูกต้องนำข้อมูลมาให้” นายจตุพรกล่าวและว่า คนที่คิดเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับที่วางแผนฆ่าประชาชนเมื่อเดือน เม.ย. และ พ.ค. 2553 อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์กล้าประกาศหรือไม่ว่าจะไม่แทรกแซงการเลือกตั้ง ไม่แทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล และเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับควรเปิดให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ หากไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ก็แสดงว่าเตรียมที่จะโกงกันอีก

อ้างมีข้อตกลงพรรคเล็กเป็นนายกฯ

“ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้โกงกันมโหฬาร ใช้เงินมาก และใช้กลไกทุกอย่างให้พวกตัวเองชนะ เวลานี้มีออพชั่นพิเศษระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. ไม่ถึงครึ่ง นายกรัฐมนตรีจะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแค่พรรคร่วม ตอนนี้กระดี๊กระด๊าเดินสายพบกัน โดยคนที่เสนอออพชั่นนี้คือมือที่มองไม่เห็น”

แปรญัตติกฎหมายลูกเสร็จสัปดาห์หน้า

ที่รัฐสภา นายธนา ชีรวินิจ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับ แถลงหลังการประชุมนัดแรกว่า ที่ประชุมเลือกนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในการแปรญัตติร่างกฎหมาย คาดว่าการแปรญัตติจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้าแน่นอน

“สุเทพ” ค้านต่างชาติสังเกตการณ์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับน่าจะประกาศใช้ได้ภายในเดือน เม.ย. ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาต้นเดือน พ.ค. ส่วนกรณีที่ นปช. เรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งนั้นส่วนตัวไม่เห็นด้วย

“ทำไมพวก นปช. ไม่เคารพในอธิปไตยของประเทศตัวเอง นับถือแต่ฝรั่ง การตรวจสอบการเลือกตั้งคนในประเทศสามารถทำได้อยู่แล้ว” นายสุเทพกล่าวและว่า ทุกฝ่ายควรเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างประเด็นใหม่ รวมถึงการพูดเรื่องเงื่อนไขปฏิวัติ การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ควรวิจารณ์อยู่ในกรอบ

“ไตรรงค์” ห่วงนองเลือด

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “วัฒนธรรมประชาธิปไตยกับการพัฒนาประเทศ” ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอร์ริน ว่าที่ประเทศเรามีปัญหาทุกวันนี้เพราะยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะนักการเมืองที่ทุกวันนี้มีเงินก็เป็น ส.ส. ได้แล้ว ทำให้นักการเมืองเป็นต้นเหตุหลักของปัญหาในสังคมประชาธิปไตย

“ความขัดแย้งที่แตกแยกเป็น 2 ฝ่ายวันนี้มีนักการเมืองเป็นผู้นำทาง ควรเป็นผู้กำหนดความคิดและการเคลื่อนไหว ผมเป็นห่วงการเลือกตั้ง เพราะการไม่ยอมรับความเห็นแตกต่างอาจนำไปสู่การฆ่ากันได้”

“ชวรัตน์” ยันไม่เกี่ยวข้องประชาสันติ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่า พรรคประชาสันติไม่ได้เป็นพรรคสาขาของพรรคภูมิใจไทย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

“ผมกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาสันติ ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวและไม่เคยทำงานด้วยกัน เรื่องพรรคสาขาของภูมิใจไทยมีการพูดกันเยอะ ผมเป็นหัวหน้าพรรคยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีกี่สาขาแล้ว”

นายชวรัตน์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ไม่มี ส.ส. ของพรรคย้ายไปอยู่พรรคอื่น มีแต่คนอยากมาร่วมงานกับพรรค คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคจะได้ ส.ส. มากกว่าเดิมอีกประมาณ 30 คน เมื่อรวมกับพรรคพันธมิตรอย่างชาติไทยพัฒนาแล้วน่าจะได้ประมาณ 100 เสียง

ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น