กรณีแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นถือเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกตระหนักถึงภัยจากธรรมชาติที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ รวมถึงภัยจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ประเทศไทยกำลังประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนยอมรับในขณะนี้
ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับบทเรียนจากกรณีสึนามิมาแล้วแต่ยังไม่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แต่ก็มีนักวิชาการออกมาเตือนว่าภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นกัน แต่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร
ล่าสุด Economic Intelligence Center ของธนาคารไทยพาณิชย์ได้เปิดเผยผลการศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก (climate change) รวมทั้งผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ เพื่อให้ภาคธุรกิจไทยเตรียมพร้อมรับมือและเร่งปรับตัว เนื่องจากการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 3 ช่องทางหลักคือ ราคาพลังงานสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรแพงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกยังทำให้เกิดกฎกติกาด้านสิ่งแวดล้อมและการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีในรูปแบบใหม่ๆที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายและแรงกดดันสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต หากภาคธุรกิจปรับตัวได้จะช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต รวมทั้งช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรควบคู่กันไป
แต่ที่ต้องตระหนักคือ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูงสุดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยมีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับที่ 14 จาก 170 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นตัวการสำคัญในการก่อปัญหาโลกร้อนด้วย
ข้อมูลล่าสุดในปี 2007 พบว่าประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับที่ 25 ของโลก ขณะที่กรุงเทพฯปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบเท่ากับกรุงลอนดอนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าเกือบ 10 เท่า เพราะความต้องการและราคาพลังงานที่สูงขึ้น ทำให้มีความต้องการพลังงานทดแทนมากขึ้น การใช้พื้นที่เพื่อปลูกพืชพลังงานจึงมากขึ้นตามไปด้วย แต่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงและมีราคาแพงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องวางแผนระดับชาติทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างจริงจัง รวมทั้งการจัดกิจกรรมและการรณรงค์ต่างๆ เพื่อให้ทุกคนช่วยกันลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและอยู่กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ที่มา. หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น