เมื่อพรรคขนาดกลางอาจกลายเป็นพรรค "แกนนำ" จัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
เมื่อขั้วการเมืองพลิกแพลง กลับกลาย คล้ายฤดูกาลที่แปรปรวน วิกฤต
ทั้งพรรค "เนวิน ชิดชอบ" และพรรค "บรรหาร ศิลปอาชา" ชิงจับมือไปด้วยกัน
ทิ้งพรรคเพื่อแผ่นดิน-รวมชาติพัฒนาไว้อีกขั้ว อีกข้าง
กลุ่ม 3 พี "ไพโรจน์-ปรีชา-พินิจ" ไม่ยอมตกขบวน ย้ายข้างไปแนบชิด "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ผู้มีบารมีแห่งรวมชาติพัฒนา
ค่ำวันหนึ่งระหว่างศึกซักฟอก "ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" แกนนำกลุ่ม 3 พี วิเคราะห์กระดานการเมืองอีก 70 วันข้างหน้า ต่อหน้าขาใหญ่ "สุวัจน์-พินิจ"
..............
ไพโรจน์-วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าแบบวิทยาศาสตร์
"ผมดูแล้วตั้งแต่นราธิวาส 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาทั้งภาค ประชาธิปัตย์จะได้ 50 ที่นั่ง เพื่อไทย 0 ที่นั่ง ใน กทม. 33 เขต เพื่อไทยจะได้ 6 เขตพื้นที่รอบนอก ประชาธิปัตย์จะได้ 27 ที่นั่ง เฉพาะ 2 ภาคนี้ ประชาธิปัตย์ชนะ 71 แต้ม"
"ในภาคอีสาน ประชาธิปัตย์คงได้ 8-9 ที่นั่ง เพื่อไทยได้ 70 ที่นั่ง" ถือว่าตีเสมอกับประชาธิปัตย์ที่ได้ 71 ที่นั่ง ในเขต กทม.รวมกับภาคใต้
"ภาคเหนือ เพื่อไทยชนะ 15 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์บอกเขาสำรวจมาได้ที่นั่งเพิ่ม แต่ก็ยังแพ้เพื่อไทย"
"ภาคตะวันออกกับภาคกลางชุลมุน แข่งกันทุกพรรค เขตสุพรรณบุรี อ่างทอง ประชาธิปัตย์ไม่มีทางได้เพิ่ม บางพื้นที่มีพรรครวมชาติพัฒนาสอดแทรกได้บ้าง บางจังหวัดพรรคภูมิใจไทยต้องแข่งประชาธิปัตย์ และประชาธิปัตย์อาจจะแพ้ด้วยซ้ำในพื้นที่ชลบุรี ราชบุรี"
"เฉพาะภาคตะวันออก สถิติจำนวน ส.ส.ของประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาถือว่า peak แล้ว ในเขตชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เขาคงได้เท่าเดิม ไม่มากไปกว่านี้"
"หากพิจารณา 2 พรรค เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ จะพบว่าฐานเดิมกับรูปแบบเลือกตั้งใหม่ จำนวน ส.ส.ที่จะได้คงไม่หนีกันเท่าไร แต่ยอดรวมเพื่อไทยชนะประชาธิปัตย์แน่นอน ผมเชื่อว่าประชาธิปัตย์ได้ระบบเขตเพิ่มขึ้น บวก-ลบ ไม่เกิน 1-2 คน"
นายอำเภอแหวนเพชร-ไพโรจน์ อ่านการเมืองจากตัวเลขเดิม สมัยเลือกตั้ง 2550 ระบบเขต 400 คน ระบบสัดส่วน 80 คน ประชาธิปัตย์ได้คะแนนเขต+ระบบสัดส่วน คือ 132+33 คน รวม 165 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย (ในนามพลังประชาชน) ได้ ส.ส.เขต 199+34 ที่นั่ง รวม 233 ที่นั่ง
"แต่เพื่อไทยชนะที่หนึ่งแล้ว จะได้ตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เขามีความชอบธรรมทางการเมือง ใครจะมาทำตามใจไม่ได้ ถ้าเพื่อไทยชนะ เขาก็มีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล"
"ในประวัติศาสตร์การเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้กลับมาเป็นรัฐบาลเบิ้ลสมัยที่สอง แต่ประวัติศาสตร์ก็มีไว้ให้ทำลาย ไม่แน่อาจจะมี...เรื่องมนต์ดำ ผมไม่เคยเห็น เคยเห็นแต่มนต์เขมร เราอย่าไปกลัวมัน มันก็ไม่สามารถมาครอบงำเราได้"
"โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบถล่มทลาย-land slide มี แต่พรรคอื่นชนะแบบนี้ไม่ได้ ยกเว้นว่ามีการโกง ยกหีบ เปลี่ยนหีบเลือกตั้งกัน"
ถ้าเพื่อไทยชนะแน่นอน พรรค "ตัวเลือก" ในการร่วมรัฐบาลจะเป็นใคร "ไพโรจน์" ตอบสวนทันที
"ใครชนะก็ตั้งรัฐบาลได้ อยู่ที่ผู้ชนะว่าจะเลือกใคร จะเป็นเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ หรือกับใคร การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร"
เมื่อการเมืองพลิกกระดานหกสูง เปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็ก-ขนาดกลางได้ปรับตัว เขาวิเคราะห์คณิตศาสตร์การเมืองตอบโจทย์ "คนชนะ"
"เพราะไม่มีพรรคไหนชนะเด็ดขาด ระบบการเลือกตั้งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า พรรคที่ได้ที่หนึ่ง เก่งที่สุดก็ได้ไม่เกิน 220 ที่นั่ง ตัวเลขมันบอก ประชาธิปัตย์เคยได้ 165 ที่นั่ง พลังประชาชนเขาได้ 233 ที่นั่ง แล้วคราวนี้ประชาธิปัตย์จะชนะเพื่อไทยได้อย่างไร คะแนนยังห่างกันเยอะ จะไปไล่ทันได้อย่างไร"
"หากมีคนพูดเหตุผลเรื่องมี ส.ส.พลังประชาชนเดิมย้ายไปอยู่ภูมิใจไทยแล้ว ก็ตัวเลขแค่ 20 กว่าคน 16 คนในนี้ก็เป็นพวก ส.ส.นกแล อย่างประจักษ์ แก้วกล้าหาญ อดีต รมช.คมนาคม, ศุกชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรฯ จะกล้ากลับไปลง ส.ส.เขตหรือ"
สัญญาณการจัดอีเวนต์การเมือง "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน" ระหว่างชาติไทยพัฒนากับภูมิใจไทย สำหรับ "3 พี" จึงเป็นเรื่อง "ดราม่า"
"เหตุการณ์นั้นบอกสัญญาณไม่สู้ดี แต่สังคมจะให้คำตอบว่าทำอย่างนั้นเป็นบวก หรือเป็นลบ การที่ 2 พรรคออกตัวก่อน ผมไม่รู้สึกว่าเราตกขบวน เพราะรู้ว่ามัน drama คราวที่แล้วก็มีการตัดหน้ากันอย่างนี้ กรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินนัดจะไปบ้านท่านบรรหาร ก็โดนตัดหน้า"
หากนับสูตรของฝ่าย "3 พี+พรรครวมชาติพัฒนา+ชาติไทยพัฒนา = รัฐบาล" โอกาสที่ภูมิใจไทยเป็น "ฝ่ายค้าน" ก็เป็นไปได้
"ผมเชื่อมั่นว่าไม่มีใครชนะเด็ดขาด แต่หากมีเสียงจากพรรคร่วมไปรวมจัดตั้งรัฐบาลมากพอ พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน"
เหตุผลของคนเคยร่วมรัฐบาล "ผมมองตานายกฯอภิสิทธิ์ มองอย่างไรก็เห็นว่าภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวเลือก ยกเว้น necessary evil จำเป็นจริง ๆ เสียงไม่พอ ผมมีจิตใต้สำนึกว่าเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นไม่มีอีเวนต์ (บรรหารจับมือเนวิน) วันที่ 14 มี.ค.หรอก ทำไมอยู่ ๆ จะต้องออกมาแสดงอย่างนั้น"
"เหมือนเหตุการณ์สึนามิ มันไม่มีเหตุผลที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมถามหน่อย ถ้ามั่นใจว่าได้ 80-100 เสียง คนต้องไปปูผ้าขาวกราบให้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จะรีบออกมาแสดงอย่างนั้นทำไม"
"จำนวน ส.ส.ภูมิใจไทย in law มีแค่ 31 คน มี 21 คนเป็นกบฏเพื่อไทย และ ส.ส.นกแล พวกขุนศึกไม่มีเลย มีเนวินคนเดียวที่รบในภาคอีสานได้ ฝ่ายเรามีทั้งท่านสุวัจน์ ท่านพินิจ สิทธิชัย โควสุรัตน์"
สูตรการเมืองยังมีอีกหลายสูตร "ไพโรจน์" วิเคราะห์ทีละสูตร
สูตรแรก โอกาสที่พรรคขนาดกลาง-เล็กรวมกันหมด แล้วหานายกฯจากพรรคขนาดกลาง เขาบอกว่า "เกิดไม่ได้ มันละเมิดกติกาประชาธิปไตย วันนี้การเมืองเป็นประชาธิปไตย ถูกพัฒนาเข้าผ่านการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ผ่านรัฐบาลที่มาจากปลายกระบอกปืนถูกเปลี่ยนไปแล้ว ประวัติศาสตร์ไม่สามารถซ้ำรอยได้ คนจะไม่ยอม"
สูตรที่ 2 เงื่อนไขที่หากเพื่อไทยชนะ แล้วนำหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี เขาแบ่งรับแบ่งสู้ "การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราต้องกลับมาพูดกันเรื่องความชอบธรรม"
สูตรที่ 3 คือถ้าเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี เขาเชื่อว่า "มี" แต่ยัง "ไม่เปิดหัว"
"พรรคการเมืองระดับที่เขาคาดหวังว่าจะชนะเลือกตั้งได้ที่หนึ่ง เขาจะได้ 200 เสียงแน่นอน เขาต้องมีการวางตัวไว้แล้ว ว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะไม่ใช่หัวหน้าพรรคก็ได้"
"แต่ถ้าเขาเปิดหัวมาตอนนี้ แล้วถูกทำลาย ถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทย ผมก็ไม่เปิดชื่อ เปิดหัว เพราะถ้าเปิดหัวมาให้เขาเฉาะ จะเปิดไปทำไม แต่ถ้าเปิดมาแล้วคนร้องยี้ ก็ต้องยี้ เพราะเป็นกติกาประชาธิปไตย"
แต่เมื่อชื่อคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเปิดมา ว่าจะเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของเพื่อไทย "ไพโรจน์" ใช้สัญชาตญาณส่วนตัวอ่านทางการเมืองของ "ชินวัตร"
"คนในตระกูลชินวัตร เขามีบทเรียน...บทเรียนเขาสูง ผมไม่รู้นะ ผมพูดแบบความเห็นส่วนตัว อะไรที่ชอบธรรม ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องเป็นไปตามนั้น พวกสีแดง-สีเขียว-หลากสี ก็ต้องหมดไปเอง"
"พรรคเพื่อไทย เขาเป็นกองกำลังปีศาจ เหมือนผีที่มองไม่เห็น เราสู้กับอำนาจรัฐบาล เรามองเห็น แต่สู้กับปีศาจ มองไม่เห็น"
สำหรับสูตร-เส้นทาง อนาคตพรรคเพื่อแผ่นดิน จะยังมีอยู่ในกระดานการเมืองอีกหรือไม่ "ไพโรจน์" ตั้งใจตอบคำถามให้ได้ยินถึงหู "สุวัจน์"
"พรรคเพื่อแผ่นดินยังยืนยากอยู่ ตอนนี้เป็นพรรคขนาดเล็ก ขนาดน้อย ถ้ายืนลำพังตัวเองยาก กระแสไหลเชี่ยวมาก หากรวมกับพันธมิตร แล้วสร้างความแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่ใช่การฮั้วทางการเมือง เราเพียงแต่หาพรรคที่ใกล้เคียงกันทางอุดมการณ์ ทางนโยบาย กรรมการบริหารพรรคทั้ง 2 ฝ่าย มีความสนิทชิดเชื้อกัน สามารถไปด้วยกันได้ ต้องพยายามรวมกันเป็นพันธมิตร...ไม่มีทางเลือกอื่น"
"การรวมกัน ทำให้ลดปัญหาการเมืองในอนาคต เพราะถ้ามีพรรคเล็กหลายพรรค การเมืองภาพรวมก็มีเสถียรภาพไม่มั่นคง การมารวมพรรคกัน ก็ทำให้มีเสถียรภาพทางการเมือง ให้มีจำนวนพรรคน้อย แต่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนฯ ดีกว่าจำนวนพรรคเยอะ แต่ไม่มีพรรคที่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเลย"
แบรนด์พรรค "เพื่อแผ่นดิน" จึงอาจเสี่ยงที่จะไม่มีในตลาดการเมือง
"เราเรียนรู้จากสหรัฐอเมริกาที่มี 30-40 พรรค แต่ก็มี third party เมืองไทยเรามีหลายพรรค จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเอาคะแนนระบบสัดส่วน"
"พรรคเพื่อแผ่นดินสมัครเลือกตั้ง ก็ยังได้ ส.ส.เขต 10 คน รวมระบบสัดส่วนอีก 4 คน แต่เราไม่สามารถนำนโยบายไปปฏิบัติได้ ใครจะมาฟังเรา"
"ไพโรจน์" ไม่ปฏิเสธ ถ้ากลุ่มการเมืองที่มีแต่ชื่อ "กลุ่ม 3 พี" จะมีแนวโน้มลงรับสมัครในนาม "รวมชาติพัฒนา"
"ชื่อนั้นสำคัญไฉน ยุบสภาเมื่อไหร่ คงชัดเจน แต่ไปจดทะเบียนพรรคใหม่ คงไม่ทัน ถ้าลงสมัคร คงใช้ชื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง"
"เรารวมกันเชิงคุณภาพ ถ้าเราจะรวมกันเชิงปริมาณ เราก็ตบเท้าเข้าไป แล้วบอกพี่เน...ครับ ผมอยู่ด้วย แต่เราเอาเชิงคุณภาพ มีหิริโอตตัปปะ เราไม่พายเรือให้โจรนั่ง เราจะเข้าไปร่วมฝากผีฝากไข้ได้อย่างไร"
........................
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อขั้วการเมืองพลิกแพลง กลับกลาย คล้ายฤดูกาลที่แปรปรวน วิกฤต
ทั้งพรรค "เนวิน ชิดชอบ" และพรรค "บรรหาร ศิลปอาชา" ชิงจับมือไปด้วยกัน
ทิ้งพรรคเพื่อแผ่นดิน-รวมชาติพัฒนาไว้อีกขั้ว อีกข้าง
กลุ่ม 3 พี "ไพโรจน์-ปรีชา-พินิจ" ไม่ยอมตกขบวน ย้ายข้างไปแนบชิด "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ผู้มีบารมีแห่งรวมชาติพัฒนา
ค่ำวันหนึ่งระหว่างศึกซักฟอก "ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" แกนนำกลุ่ม 3 พี วิเคราะห์กระดานการเมืองอีก 70 วันข้างหน้า ต่อหน้าขาใหญ่ "สุวัจน์-พินิจ"
..............
ไพโรจน์-วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าแบบวิทยาศาสตร์
"ผมดูแล้วตั้งแต่นราธิวาส 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาทั้งภาค ประชาธิปัตย์จะได้ 50 ที่นั่ง เพื่อไทย 0 ที่นั่ง ใน กทม. 33 เขต เพื่อไทยจะได้ 6 เขตพื้นที่รอบนอก ประชาธิปัตย์จะได้ 27 ที่นั่ง เฉพาะ 2 ภาคนี้ ประชาธิปัตย์ชนะ 71 แต้ม"
"ในภาคอีสาน ประชาธิปัตย์คงได้ 8-9 ที่นั่ง เพื่อไทยได้ 70 ที่นั่ง" ถือว่าตีเสมอกับประชาธิปัตย์ที่ได้ 71 ที่นั่ง ในเขต กทม.รวมกับภาคใต้
"ภาคเหนือ เพื่อไทยชนะ 15 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์บอกเขาสำรวจมาได้ที่นั่งเพิ่ม แต่ก็ยังแพ้เพื่อไทย"
"ภาคตะวันออกกับภาคกลางชุลมุน แข่งกันทุกพรรค เขตสุพรรณบุรี อ่างทอง ประชาธิปัตย์ไม่มีทางได้เพิ่ม บางพื้นที่มีพรรครวมชาติพัฒนาสอดแทรกได้บ้าง บางจังหวัดพรรคภูมิใจไทยต้องแข่งประชาธิปัตย์ และประชาธิปัตย์อาจจะแพ้ด้วยซ้ำในพื้นที่ชลบุรี ราชบุรี"
"เฉพาะภาคตะวันออก สถิติจำนวน ส.ส.ของประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาถือว่า peak แล้ว ในเขตชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เขาคงได้เท่าเดิม ไม่มากไปกว่านี้"
"หากพิจารณา 2 พรรค เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ จะพบว่าฐานเดิมกับรูปแบบเลือกตั้งใหม่ จำนวน ส.ส.ที่จะได้คงไม่หนีกันเท่าไร แต่ยอดรวมเพื่อไทยชนะประชาธิปัตย์แน่นอน ผมเชื่อว่าประชาธิปัตย์ได้ระบบเขตเพิ่มขึ้น บวก-ลบ ไม่เกิน 1-2 คน"
นายอำเภอแหวนเพชร-ไพโรจน์ อ่านการเมืองจากตัวเลขเดิม สมัยเลือกตั้ง 2550 ระบบเขต 400 คน ระบบสัดส่วน 80 คน ประชาธิปัตย์ได้คะแนนเขต+ระบบสัดส่วน คือ 132+33 คน รวม 165 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย (ในนามพลังประชาชน) ได้ ส.ส.เขต 199+34 ที่นั่ง รวม 233 ที่นั่ง
"แต่เพื่อไทยชนะที่หนึ่งแล้ว จะได้ตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เขามีความชอบธรรมทางการเมือง ใครจะมาทำตามใจไม่ได้ ถ้าเพื่อไทยชนะ เขาก็มีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล"
"ในประวัติศาสตร์การเมือง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้กลับมาเป็นรัฐบาลเบิ้ลสมัยที่สอง แต่ประวัติศาสตร์ก็มีไว้ให้ทำลาย ไม่แน่อาจจะมี...เรื่องมนต์ดำ ผมไม่เคยเห็น เคยเห็นแต่มนต์เขมร เราอย่าไปกลัวมัน มันก็ไม่สามารถมาครอบงำเราได้"
"โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบถล่มทลาย-land slide มี แต่พรรคอื่นชนะแบบนี้ไม่ได้ ยกเว้นว่ามีการโกง ยกหีบ เปลี่ยนหีบเลือกตั้งกัน"
ถ้าเพื่อไทยชนะแน่นอน พรรค "ตัวเลือก" ในการร่วมรัฐบาลจะเป็นใคร "ไพโรจน์" ตอบสวนทันที
"ใครชนะก็ตั้งรัฐบาลได้ อยู่ที่ผู้ชนะว่าจะเลือกใคร จะเป็นเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ หรือกับใคร การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร"
เมื่อการเมืองพลิกกระดานหกสูง เปิดโอกาสให้พรรคขนาดเล็ก-ขนาดกลางได้ปรับตัว เขาวิเคราะห์คณิตศาสตร์การเมืองตอบโจทย์ "คนชนะ"
"เพราะไม่มีพรรคไหนชนะเด็ดขาด ระบบการเลือกตั้งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า พรรคที่ได้ที่หนึ่ง เก่งที่สุดก็ได้ไม่เกิน 220 ที่นั่ง ตัวเลขมันบอก ประชาธิปัตย์เคยได้ 165 ที่นั่ง พลังประชาชนเขาได้ 233 ที่นั่ง แล้วคราวนี้ประชาธิปัตย์จะชนะเพื่อไทยได้อย่างไร คะแนนยังห่างกันเยอะ จะไปไล่ทันได้อย่างไร"
"หากมีคนพูดเหตุผลเรื่องมี ส.ส.พลังประชาชนเดิมย้ายไปอยู่ภูมิใจไทยแล้ว ก็ตัวเลขแค่ 20 กว่าคน 16 คนในนี้ก็เป็นพวก ส.ส.นกแล อย่างประจักษ์ แก้วกล้าหาญ อดีต รมช.คมนาคม, ศุกชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรฯ จะกล้ากลับไปลง ส.ส.เขตหรือ"
สัญญาณการจัดอีเวนต์การเมือง "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน" ระหว่างชาติไทยพัฒนากับภูมิใจไทย สำหรับ "3 พี" จึงเป็นเรื่อง "ดราม่า"
"เหตุการณ์นั้นบอกสัญญาณไม่สู้ดี แต่สังคมจะให้คำตอบว่าทำอย่างนั้นเป็นบวก หรือเป็นลบ การที่ 2 พรรคออกตัวก่อน ผมไม่รู้สึกว่าเราตกขบวน เพราะรู้ว่ามัน drama คราวที่แล้วก็มีการตัดหน้ากันอย่างนี้ กรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินนัดจะไปบ้านท่านบรรหาร ก็โดนตัดหน้า"
หากนับสูตรของฝ่าย "3 พี+พรรครวมชาติพัฒนา+ชาติไทยพัฒนา = รัฐบาล" โอกาสที่ภูมิใจไทยเป็น "ฝ่ายค้าน" ก็เป็นไปได้
"ผมเชื่อมั่นว่าไม่มีใครชนะเด็ดขาด แต่หากมีเสียงจากพรรคร่วมไปรวมจัดตั้งรัฐบาลมากพอ พรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน"
เหตุผลของคนเคยร่วมรัฐบาล "ผมมองตานายกฯอภิสิทธิ์ มองอย่างไรก็เห็นว่าภูมิใจไทยไม่ใช่ตัวเลือก ยกเว้น necessary evil จำเป็นจริง ๆ เสียงไม่พอ ผมมีจิตใต้สำนึกว่าเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นไม่มีอีเวนต์ (บรรหารจับมือเนวิน) วันที่ 14 มี.ค.หรอก ทำไมอยู่ ๆ จะต้องออกมาแสดงอย่างนั้น"
"เหมือนเหตุการณ์สึนามิ มันไม่มีเหตุผลที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมถามหน่อย ถ้ามั่นใจว่าได้ 80-100 เสียง คนต้องไปปูผ้าขาวกราบให้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว จะรีบออกมาแสดงอย่างนั้นทำไม"
"จำนวน ส.ส.ภูมิใจไทย in law มีแค่ 31 คน มี 21 คนเป็นกบฏเพื่อไทย และ ส.ส.นกแล พวกขุนศึกไม่มีเลย มีเนวินคนเดียวที่รบในภาคอีสานได้ ฝ่ายเรามีทั้งท่านสุวัจน์ ท่านพินิจ สิทธิชัย โควสุรัตน์"
สูตรการเมืองยังมีอีกหลายสูตร "ไพโรจน์" วิเคราะห์ทีละสูตร
สูตรแรก โอกาสที่พรรคขนาดกลาง-เล็กรวมกันหมด แล้วหานายกฯจากพรรคขนาดกลาง เขาบอกว่า "เกิดไม่ได้ มันละเมิดกติกาประชาธิปไตย วันนี้การเมืองเป็นประชาธิปไตย ถูกพัฒนาเข้าผ่านการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ผ่านรัฐบาลที่มาจากปลายกระบอกปืนถูกเปลี่ยนไปแล้ว ประวัติศาสตร์ไม่สามารถซ้ำรอยได้ คนจะไม่ยอม"
สูตรที่ 2 เงื่อนไขที่หากเพื่อไทยชนะ แล้วนำหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี เขาแบ่งรับแบ่งสู้ "การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราต้องกลับมาพูดกันเรื่องความชอบธรรม"
สูตรที่ 3 คือถ้าเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี เขาเชื่อว่า "มี" แต่ยัง "ไม่เปิดหัว"
"พรรคการเมืองระดับที่เขาคาดหวังว่าจะชนะเลือกตั้งได้ที่หนึ่ง เขาจะได้ 200 เสียงแน่นอน เขาต้องมีการวางตัวไว้แล้ว ว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะไม่ใช่หัวหน้าพรรคก็ได้"
"แต่ถ้าเขาเปิดหัวมาตอนนี้ แล้วถูกทำลาย ถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทย ผมก็ไม่เปิดชื่อ เปิดหัว เพราะถ้าเปิดหัวมาให้เขาเฉาะ จะเปิดไปทำไม แต่ถ้าเปิดมาแล้วคนร้องยี้ ก็ต้องยี้ เพราะเป็นกติกาประชาธิปไตย"
แต่เมื่อชื่อคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกเปิดมา ว่าจะเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ของเพื่อไทย "ไพโรจน์" ใช้สัญชาตญาณส่วนตัวอ่านทางการเมืองของ "ชินวัตร"
"คนในตระกูลชินวัตร เขามีบทเรียน...บทเรียนเขาสูง ผมไม่รู้นะ ผมพูดแบบความเห็นส่วนตัว อะไรที่ชอบธรรม ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องเป็นไปตามนั้น พวกสีแดง-สีเขียว-หลากสี ก็ต้องหมดไปเอง"
"พรรคเพื่อไทย เขาเป็นกองกำลังปีศาจ เหมือนผีที่มองไม่เห็น เราสู้กับอำนาจรัฐบาล เรามองเห็น แต่สู้กับปีศาจ มองไม่เห็น"
สำหรับสูตร-เส้นทาง อนาคตพรรคเพื่อแผ่นดิน จะยังมีอยู่ในกระดานการเมืองอีกหรือไม่ "ไพโรจน์" ตั้งใจตอบคำถามให้ได้ยินถึงหู "สุวัจน์"
"พรรคเพื่อแผ่นดินยังยืนยากอยู่ ตอนนี้เป็นพรรคขนาดเล็ก ขนาดน้อย ถ้ายืนลำพังตัวเองยาก กระแสไหลเชี่ยวมาก หากรวมกับพันธมิตร แล้วสร้างความแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่ใช่การฮั้วทางการเมือง เราเพียงแต่หาพรรคที่ใกล้เคียงกันทางอุดมการณ์ ทางนโยบาย กรรมการบริหารพรรคทั้ง 2 ฝ่าย มีความสนิทชิดเชื้อกัน สามารถไปด้วยกันได้ ต้องพยายามรวมกันเป็นพันธมิตร...ไม่มีทางเลือกอื่น"
"การรวมกัน ทำให้ลดปัญหาการเมืองในอนาคต เพราะถ้ามีพรรคเล็กหลายพรรค การเมืองภาพรวมก็มีเสถียรภาพไม่มั่นคง การมารวมพรรคกัน ก็ทำให้มีเสถียรภาพทางการเมือง ให้มีจำนวนพรรคน้อย แต่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนฯ ดีกว่าจำนวนพรรคเยอะ แต่ไม่มีพรรคที่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเลย"
แบรนด์พรรค "เพื่อแผ่นดิน" จึงอาจเสี่ยงที่จะไม่มีในตลาดการเมือง
"เราเรียนรู้จากสหรัฐอเมริกาที่มี 30-40 พรรค แต่ก็มี third party เมืองไทยเรามีหลายพรรค จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเอาคะแนนระบบสัดส่วน"
"พรรคเพื่อแผ่นดินสมัครเลือกตั้ง ก็ยังได้ ส.ส.เขต 10 คน รวมระบบสัดส่วนอีก 4 คน แต่เราไม่สามารถนำนโยบายไปปฏิบัติได้ ใครจะมาฟังเรา"
"ไพโรจน์" ไม่ปฏิเสธ ถ้ากลุ่มการเมืองที่มีแต่ชื่อ "กลุ่ม 3 พี" จะมีแนวโน้มลงรับสมัครในนาม "รวมชาติพัฒนา"
"ชื่อนั้นสำคัญไฉน ยุบสภาเมื่อไหร่ คงชัดเจน แต่ไปจดทะเบียนพรรคใหม่ คงไม่ทัน ถ้าลงสมัคร คงใช้ชื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง"
"เรารวมกันเชิงคุณภาพ ถ้าเราจะรวมกันเชิงปริมาณ เราก็ตบเท้าเข้าไป แล้วบอกพี่เน...ครับ ผมอยู่ด้วย แต่เราเอาเชิงคุณภาพ มีหิริโอตตัปปะ เราไม่พายเรือให้โจรนั่ง เราจะเข้าไปร่วมฝากผีฝากไข้ได้อย่างไร"
........................
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น