นายกรัฐมนตรีหารือ รมว.ต่างประเทศเยอรมนีเรื่องทำเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป ยกระดับอาชีวะศึกษาแบบ “ดูโอซิสเท็ม-เรียนไป ทำงานไป” เตรียมพัฒนาสินค้าโอท็อปให้มีมาตรฐานขยายตลาดต่างประเทศ ยืนยันสัมพันธ์กับพม่า-กัมพูชามีทิศทางที่ดี พร้อมให้ความมั่นใจเศรษฐกิจไทยโตร้อยละ 4.5-5
“พัทธนันท์ สงชัย” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 17-22 ก.ค.2555 รายงานว่า ภารกิจนายกรัฐมนตรีวันนี้ (19 ก.ค.) เวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับนายกีโด เวสเตอร์เวลเลอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีพร้อมคณะ เกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป การพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรของไทยผ่านผู้เชี่ยวชาญของเยอรมนีที่จะมาอบรมให้ความรู้ รวมถึงการยกระดับการศึกษาสายอาชีวะ ดูโอซิสเท็ม หรือเรียนไปทำงานไป ซึ่งเยอรมนีพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีได้ซักถามถึงความสัมพันธ์ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชาและพม่า ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า มีทิศทางไปในทางที่ดีทั้งสองประเทศ จากนั้นเวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดอบรมผู้ประกอบการธุรกิจในเยอรมนี ณ ห้องโรงแรม Adlon Kempimski ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในเยอรมนีมีความรู้ในการจัดการ การต่อยอดการตลาด การบริหารเฟรนไชส์ เพื่อสามารถขยายเครือข่ายไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การนำเข้าสินค้าเกษตรไทยมากขึ้น โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหาร สปา นวดไทย ร้านเสริมความงาม ผลิตสิ่งพิมพ์เข้าร่วมการอบรม 107 ราย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มีโอกาสเดินทางมาเยือนเยอรมนี ซึ่งเป็นการมาเยือนในรอบ 17 ปีที่ไม่มีผู้นำมาเยือนอย่างเป็นทางการ และดีใจที่ได้พบว่ามีประกอบการที่ร่วมอบรมถึง 107 ราย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ ที่มีคนไทยมาเปิดธุรกิจและขยายกิจการในเยอรมนีจนประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยในช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มกลับมาในทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลคาดว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 4.5-5 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
“รัฐบาลไทยจะร่วมมือกับรัฐบาลเยอรมนีปรับปรุงคุณภาพอาหาร สินค้าเกษตรของไทยให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากเยอรมนีค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องนี้ ภายใต้ แบรนด์ไทยซีเล็ก ที่จะบ่งบอกความเป็นไทยให้ต่างชาติรับทราบ และการอบรมในวันนี้จะเป็นการต่อยอดธุรกิจ ขอให้ผู้ประกอบการไทยช่วยกันนำเอกลักษณ์หรือภูมิปัญญาไทยมาเผยแพร่ให้ต่างชาติรับทราบ และทำหน้าที่เสมือนทูตของประเทศที่จะสื่อสารสิ่งดีๆกลับไปยังประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะยกระดับคุณภาพโอท็อปเพื่อส่งออกต่างประเทศด้วย โดยจะพัฒนา และคัดเลือกสินค้าที่ได้มาตรฐานมาจำหน่ายในสถานทูตไทยตามประเทศต่างๆ และเตรียมนำร่องในสถานเอกอัครทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน และกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงเฟริส์ต” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน โดยมีนางนงนุช เพ็ชรรัตน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน และคนไทยที่พำนักอยู่ในเยอรมนีให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางไปยังท่าอากาศยานเทเกล เพื่อเดินทางต่อไปยังนครมิวนิก รัฐบาวาเรีย โดยเที่ยวบินพิเศษ TG 8838 บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง เพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันโดยนายมาร์ติน ไซล์ รองนายกรัฐมนตรีรัฐบาวาเรีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และเทคโนโลยีรัฐบาวาเรีย เป็นเจ้าภาพ หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังวัดไทยมิวนิก เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนคนไทย ก่อนที่จะเดินทางไปที่ท่าอากาศยานมิวนิก เพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส.
ที่มา:สำนักข่าวไทย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น