เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นระยะที่มีการฉลองการครองราชย์ครบรอบ ๖๐ ปี สมเด็จพระบรมราชินีอลิซาเบธที่ ๒ แห่งอังกฤษ ได้ทรงทำสิ่งที่โด่งดังไปทั่วโลก นั่นคือ...
ทรงทำสิ่งที่คนทั่วไป เห็นว่าทรง “ปรองดองเพื่อประชาชน””
โดยเมื่อเสด็จฯ ไปเยือนกรุงดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ทรงสัมผัสมือกับ นายมาร์ติน แม็กกินเนส รองนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ ผู้มีอดีตเป็นผู้บัญชาการกองทัพสาธารณรัฐไอริชหรือไออาร์เอ ที่ทำสงครามกับกองทัพอังกฤษแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ล
ใช้วิธีการทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหาร อุ้มฆ่า วางระเบิด กราดยิง
สงครามที่ดำเนินไปเป็นเวลา ๔๐ ปีได้ทำลายชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง ลอร์ด เมาท์แบตเท่น พระญาติของสมเด็จพระราชินีด้วย
โลกมองว่า...การที่ทรงจับมือกับนายแม็กกินเนส เป็นการช็อคประวัติศาสตร์และเป็นสัญญลักษณ์ของการปรองดองที่กระเดื่องโลก
พร้อมๆ กับข่าวข้างต้นก็มีข่าวว่า คุณสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา มีความเห็นว่า...
เมื่อเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญในวันที่ ๑ สิงหาคมควรจะมีการถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ออกจากวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เพราะสถานการณ์ยังไม่เหมาะสม
ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ค้างการพิจารณาอยู่นั้น ประกอบด้วยร่างที่เสนอโดย พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน กับของ สส.พรรครัฐบาล รวม ๔ ฉบับ
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า...หากยังยืนยันการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองดังกล่าวต่อไปแล้ว รัฐบาลจะต้องล้มครืน...เพราะถูกยึดอำนาจอย่างแน่นอน
มันน่าเวทนาเสียจริงๆ ในขณะที่องค์ประมุขของเครือจักรภพทรง “ปรองดอง” จนกระหึ่มโลก แต่ของเราคิดจะฆ่ากันต่อไป
เหตุที่มีการคัดค้านต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดองอย่างรุนแรงเพราะมีการมองว่า จะเป็นการฟอกตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากความผิดที่ศาลตัดสินไปแล้ว และสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้แบบ “เท่ๆ”
รวมทั้งจะได้เงินที่ถูกยึดจำนวน ๔๖,๐๐๐ ล้านบาทกลับคืนไปด้วย ทั้งๆ ที่ในร่าง พรบ.ปรองดองทั้ง ๔ ฉบับไม่มีบทบัญญัติเช่นนั้นเลย
กล่าวโดยสรุปก็คือ...จนถึงวันนี้จะไม่มีการปรองดองกันในประเทศไทยมองเห็นแต่วี่แววที่จะมีการฆ่าฟันกันใหม่
และสิ่งที่ รองศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข กล่าวไว้น่าจะเป็นความจริง
ทั้งนี้ ดร.สุรชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของการเมืองไทย ได้ “ผ่านเลยโอกาสของการประนีประนอมไปแล้ว” และ “การเมืองไทยกำลังเดินเข้าสู่สถานการณ์สู้รบ หนีไม่พ้นความขัดแย้งอย่างรุนแรงจนอาจกลายเป็น “สงครามกลางเมือง” ได้ไม่ยากนัก”
อนิจจาประเทศไทย
โดย:ศรี อินทปันตี,บางกอกทูเดย์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น