บ้านเมืองยามนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยปัญหาทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยด้านการเมืองนับวันจะแตกแยกลุกลามรุนแรงแทบมองไม่เห็นหนทางสู่ความปรองดอง ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในท่ามกลางความเสี่ยงจากการที่รัฐบาลอยู่ในสภาพถังแตกเพราะมือเติบใช้เงินเกินตัว ส่วนด้านสังคมขณะนี้เต็มไปด้วยอาชญากรรมอุกฉกรรจ์มากผิดปกติ ขณะที่พฤติกรรมเยาวชนของชาตินับวันจะเหลวแหลกเสื่อมทรามมากขึ้นทุกขณะ
แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคืออุณหภูมิทางการเมืองที่มีแนวโน้มเดือดพล่านร้อนแรงขึ้นทุกขณะและอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ โดยเฉพาะกับรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าภายใต้การนำของ นายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งกำลังเผชิญกับระเบิดเวลาทางการเมืองลูกใหญ่หลายลูกนับจากนี้เป็นต้นไป
ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มตึงเครียดขึ้นทุกขณะใกล้จุดแตกหักจึงไม่แปลกที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว. ศึกษาธิการ จะออกมาทำนายว่า รัฐบาลปูอาจจะอยู่ได้ไม่เกินสิ้นปี
ด้วยหลายปัจจัย ซึ่งการทำนายของ นายสุชาติ สอดคล้องกับการประเมินของนักสังเกตการณ์ทางการเมืองที่คาดว่า จากนี้เป็นต้นไปรัฐบาลปูจะต้องเผชิญระเบิดเวลาทางการเมืองลูกใหญ่หลายลูกจนอาจอยู่ไม่ได้ในที่สุด
ระเบิดเวลาลูกแรกก็คือกรณีศาลรัฐธรรมนูญเตรียมวินิจฉัยชี้ขาดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญปัจจุบันและส่อเจตนาเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดคู่กรณีไต่สวนในวันที่ 5-6 ก.ค.นี้และคาดว่าจะวินิจฉัยชี้ขาดได้ภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้น ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งมี สส.พรรคร่วมรัฐบาลร่วมลงชื่อเสนอกว่า 300 คน และในขั้นวาระที่ 1 และ 2 มีสส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ฝ่ายรัฐบาลลงมติสนับสนุน 416 คนเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญและเจตนาเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศก็จะทำให้รัฐบาลล้มทั้งยืน สส.พรรคร่วมรัฐบาลและเหล่าสว.ต้องรับโทษถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีไม่รวมโทษทางอาญาฐานกบฏ และพรรคที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีสิทธิ์ถูกยุบพรรค
ด้วยเหตุนี้เองบรรดาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ สส.พรรคเพื่อไทย ถึงต้องเรียงหน้าออกมาปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงให้ทำสงครามแตกหักกับศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการวินิจฉัยชี้ขาด
นายณัฐวุฒิ ถึงกับส่งสัญญาณว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนทำให้รัฐบาลชุดนี้มีอันเป็นไปคนเสื้อแดงยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดและบ้านเมืองอาจลุกเป็นไฟอีกครั้ง
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงระเบิดเวลาอีก 2 ลูกใหญนั่นคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการผลักดันพ.ร.บ.ที่อ้างการสร้างความปรองดองบังหน้าแต่อำพรางเป้าหมายแอบแฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองรวมทั้งทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน ซึ่งล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณส่งสัญญาณให้เดินหน้าลุยผลักดันกฎหมายทั้งสองฉบับเต็มที่หลังเปิดสภาสมัยสามัญวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งนั่นหมายถึงการนำไปสู่การต่อต้านจากพลังมหาชนครั้งใหญ่
ส่วนระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูกหนึ่งซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ก็คือการเดิมเกมบิดเบือนและใช้คดีเหยื่อ 6 ศพในวัดปทุมวนารามในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 มาเป็นเครื่องมือป้ายสีและทำลายกองทัพด้วยข้อกล่าวหาว่าฆ่าประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายตำรวจได้ให้การต่อศาลในเชิงปรักปรำฝ่ายทหาร จนโฆษกกองทัพต้องออกมาตอบโต้
ขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงและสส.พรรคเพื่อไทยนำโดยสองสามีภรรยาสหายเก่า นางธิดา ถาวรเศรษฐ์
ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง และ นพ.เหวง โตจิราการสส.พรรคเพื่อไทย ที่นำญาติเหยื่อ 6 ศพในวัดปทุมวนารามไปให้การต่อศาลโลกและพยายามสร้างกระแสปรักปรำกองทัพและรัฐบาลชุดที่แล้วในเวทีสากล
อีกทั้งแกนนำคนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่าง นายอดิศร เพียงเกษ ประกาศปลุกระดมอย่างเหิมเกริมกลางเวทีคนเสื้อแดงเสนอให้สถาบันสูงสุดเป็นเพียงสัญลักษณ์เหมือนประเทศญี่ปุ่นหรือกัมพูชาขณะที่แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนสะท้อนแนวคิดต้องการให้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมดของรัฐบาลและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่กองทัพยอมรับไม่ได้และอาจนำไปสู่จุดแตกหัก
จากระเบิดเวลาทั้งหมดทำให้รัฐบาลทักษิณส่วนหน้าตกอยู่ในภาวะยากลำบากและเผชิญความเสี่ยงสูงที่จะต้องพบจุดจบไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ที่มา.หนังสือพิมพ์แนวหน้า
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น