อัยการสูงสุดระบุตามกระบวนการปรกติการถอนประกันตัวจำเลย ศาลต้องสอบถามความเห็นจากอัยการเจ้าของสำนวนด้วย แต่ศาลอาญายังไม่สอบถามเรื่องถอนประกัน “จตุพร” มาที่อัยการ ยืนยันพิจารณาสั่งคดีทุกคดีเป็นธรรม ไม่อยากให้มองว่าเข้าข้างฝ่ายใด ส่วนสั่งไม่ส่งเรื่องตีความตามมาตรา 68 ไม่ได้ต้องการงัดข้อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทำตามหน้าที่ โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญให้รอ 15 วัน รู้ผลรับพิจารณาคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ และเรื่องที่ “จตุพร” ขอให้ชี้แจงเหตุผลยื่นถอนประกันตัวหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการทำลายองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมโดยมีเป้าหมายเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญควบคุมกระบวนการยุติธรรมและยึดอำนาจตุลาการ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยไปปลุกระดมเพื่อหวังอะไร ไม่มีใครข่มขู่กดดันศาล การที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส. ของพรรคไปยื่นเรื่องถามเหตุผลจากศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นถอนประกันตัวถือเป็นการใช้สิทธิที่มี ทุกคนทำตามกรอบกฎหมายอยู่แล้ว เพราะหากนอกกรอบก็ต้องถูกดำเนินการ
นายสมฤทธิ์ ไชยวงศ์ โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า เรื่องที่นายจตุพรมายื่นขอให้ชี้แจงเหตุผลยื่นถอนประกันตัว และเรื่องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา มายื่นให้สอบยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามมาตรา 68 ถูกบรรจุในสารบบของศาลแล้ว ซึ่งต้องพิจารณาตามขั้นตอน เรื่องยังไม่ถึงคณะตุลาการ โดยจะมีการแต่งตั้งตุลาการประจำคดีขึ้นพิจารณาว่าจะรับเรื่องไว้หรือไม่ภายใน 15 วัน
นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด กล่าวตอนหนึ่งในการอภิปรายเรื่อง “องค์กรอัยการกับการพัฒนากฎหมายและสำนักงานอัยการสูงสุดในสายตาสื่อมวลชน” ว่าในการสั่งคดีไม่อยากให้มองว่าอัยการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะอัยการต้องวางตัวเป็นกลางและเป็นธรรม ส่วนการวินิจฉัยตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ อัยการไม่ก้าวล่วงกระบวนการวินิจฉัยขององค์กรอื่นๆ คณะกรรมการอัยการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเห็นว่าไม่เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองจึงงดส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากอัยการไม่สั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเรื่องนี้ก็เสี่ยงถูกเอาผิดละเว้นทำหน้าที่ตามมาตรา 157
ส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญยื่นคำร้องต่อศาลอาญาให้ถอนประกันนายจตุพร จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย ตนเคารพการใช้ดุลยพินิจขององค์กรอื่น อย่างไรก็ตาม เรื่องการถอนประกันตามปรกติศาลต้องสอบถามความเห็นมายังอัยการเจ้าของสำนวนด้วย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบถาม
ที่รัฐสภา กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) นำโดยนายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึกถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 วรรคแรก ว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ โดยระบุว่า มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ลอกมาจากมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญปี 2540 การรับตีความถือเป็นการเบี่ยงเบนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะตามเจตนารมณ์แล้วต้องยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดทุกเรื่อง เพื่อให้กลั่นกรองตรวจสอบ การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิมถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย
“เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 การบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว สามารถควบคุมรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และประชาชนได้ ซึ่งจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง และเกิดวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุดจนมิอาจพยากรณ์ได้” จดหมายระบุ
นายราเมศ รัตนเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง เลิกกดดันศาลรัฐธรรมนูญด้วยการข่มขู่ว่าจะเอาคลิปมาเปิดเผยในช่วงที่ศาลจะเปิดไต่สวนก่อนตัดสินคำร้องที่ยื่นตามมาตรา 68
ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
**********************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น