--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ลับ ลวง พราง กับการเจรจา วาระรัฐธรรมนูญหลอน เพื่อไทยหวัง ศาลวินิจฉัยบวก !!?

เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทีมยุทธศาสตร์ พร้อมหน่วยงานด้านความมั่นคง ส่งสัญญาณให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมถอยในเกมแก้รัฐธรรมนูญ

ทำให้ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารของรัฐบาล
ต้องยอมทำตามคำสั่งของฝ่ายตุลาการ
กระนั้นก็ตาม แกนนำพรรคเพื่อไทยที่เคยหวาดกลัว หวั่นไหวต่อการเผชิญหน้ากับขบวนการตุลาการภิวัตน์ ก็ยังเชื่อเรื่อง "เกมใต้ดิน" และการ "เจรจาลับ"

เป็นเกมที่นักการเมืองใกล้ชิดฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าผลการเจรจากับฝ่ายตุลาการจะทำให้เกิดผลทางบวกกับพรรคเพื่อไทย

จากนี้ไปจึงเป็นตารางการเมือง ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มาจากสมมติฐานในทาง "คิดบวก" และไม่คิดว่า "จะถูกหลอก" อีกครั้ง

ภายใต้แนวคิดนี้จะทำให้ฝ่ายเพื่อไทยได้เป็นฝ่ายแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ราวต้นปี 2557

เริ่มต้นจากสมมติฐานคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยคำร้องเรื่องการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 ภายในเดือนกรกฎาคม 2555

จากนั้นรัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีขอตรา พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อจะกำหนดวันลงมติวาระ 3 ทันที

หรือเมื่อศาลวินิจฉัยแล้ว จึงค่อยขอให้คณะรัฐมนตรีตรา พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงมติวาระ 3

หรือเมื่อเปิดสมัยประชุมสมัยสามัญทั่วไปแล้ว จึงค่อยเสนอลงมติวาระ 3 ในสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปตามปกติ

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่เป็น "คุณ" กับพรรคเพื่อไทย โดยยกคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มิได้ล้มล้างการปกครองหรือเปลี่ยนรูปแบบรัฐ

เมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านการยกมือโดยเสียงข้างมากได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และส่งขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อตราเป็นกฎหมาย และโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว ปฏิทินของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะเริ่มต้นนับจากวันประกาศลงในราช

กิจจานุเบกษาในวันถัดไป ประเมินคร่าว ๆ คาดว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2555

จากนั้น คณะรัฐมนตรีจะออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร. 3) จังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน โดยใช้เวลาประมาณ 15 วัน ซึ่งตรงกับต้นเดือนกันยายน 2555

ขั้นตอนต่อไป ให้ "คณะกรรมการการเลือกตั้ง" (กกต.) จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรงจังหวัดละ 1 คน รวมทั้งสิ้น 77 คน โดยเดินคู่ขนานกับกระบวนการสรรหา ส.ส.ร.ในรัฐสภาอีก 22 คน โดยทั้งสองกระบวนการจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 75 วัน

ดังนั้นราวกลางเดือน "พฤศจิกายน 2555" ก็จะเห็นโฉมหน้า ส.ส.ร. ที่จะมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญแทนคนไทยทั้ง 99 คน

เมื่อ ส.ส.ร.ทั้ง 99 คน ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนแล้ว ตามมาตรา 291/9 จะต้องมีการประชุม ส.ส.ร.ครั้งแรกภายใน 30 วัน นับจากที่มีการเลือกตั้ง + สรรหา ครบจำนวน เพื่อให้มีการประชุมเพื่อเลือกประธาน และรองประธาน โดยห้วงเวลาในขั้นตอนนี้จะตรงกับกลางเดือนธันวาคม 2555

หลังมี ส.ส.ร.ครบทั้ง 99 คน จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการ "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" กำหนดกรอบเวลาทั้งสิ้น 240 วัน เท่ากับใช้เวลาหมด 8 เดือนพอดิบพอดี จะตรงกับช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2556

เมื่อได้ ส.ส.ร.ยกร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องเสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อตรวจสอบว่าขัดต่อมาตรา 291/11 วรรค 5 ที่ระบุว่า "ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้" หรือไม่

หากประธานรัฐสภาเห็นว่าไม่ขัด ก็จะส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยัง กกต.ภายใน 7 วัน เพื่อให้จัดการออกเสียงประชามติจากมหาชนว่า "เห็นชอบ" หรือ "ไม่เห็นชอบ" ภายใน 45-60 วัน

ช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ในช่วงต้น-กลางเดือนพฤศจิกายน 2556

จากนั้น กกต.ก็จะใช้เวลารับรองผลคะแนนประชามติอีก 15 วัน หากเสียงข้างมากโหวตว่า "เห็นชอบ" ประธานสภาก็จะนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯถวาย และประธานรัฐสภาก็จะเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

ความเป็นไปได้ที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจเป็นต้นปี 2557

ทั้งหมดนี้คือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเป็น "บวก" และเปิดทางให้ฝ่ายเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่หากเป็นกรณี "เลวร้าย" ตามคำวิเคราะห์ของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง

หัวขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ 90% คือการแก้รัฐธรรมนูญถูกคว่ำบาตร ก็จะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของรัฐบาล

"ยิ่งลักษณ์" อาจต้องจากไปก่อนเวลาอันควร

ที่เหลืออีก 10% คือแรงกดดันของมวลชน มีผลต่อคำวินิจฉัยของฝ่ายตุลาการ ทำให้เกิดการหาทางลง และกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้

ทางรอดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในทรรศนะจาตุรนต์ คือ "ผมภาวนาให้ผมวิเคราะห์ในส่วนของ 90% ผิด"

เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญยังมีลุ้นทุกขณะ จนกว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นคำตอบสุดท้าย

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น