--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เก็บความประทับใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ท้องสนามหลวง..ผ่านนิทรรศการมงคลนิมิต บนผืนแผ่นดินทอง !!?

สังคมไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นห้วงเวลาที่ไม่สู้จะปกติเท่าใดนัก เพราะเป็นห้วงเวลา ที่สังคมเกิดการแตกแยกอย่างเห็นได้ชัด มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายห้ำหั่นประเภทไม่มีการลดราวาศอกทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาทางการเมืองนั่นเอง

กระทั่งเมื่อมวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักไหลบ่าลงมาท่วมพื้นที่ทั้งจากภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ส่งผลทำให้มวลน้ำได้มีส่วนในการละลายพฤติกรรมของคนไทย ได้เห็นความห่วงใยกันของคนในสังคมไทย จะมีก็เพียงคนในวงการการเมืองเท่านั้นที่ดูจะยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในการกระทำ ถึงกระนั้นคนในสังคมไทยก็ยังคงมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าท้ายที่สุดคนไทยจะกลับมาเหมือนเดิม

กลับมาที่เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง พื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ชาตินับจากสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีลุล่วงยาวนานกว่า 200 ปี แต่สถานที่แห่งนี้ไม่เคยห่างหายจากเรื่องราวและมนต์ขลัง ล่าสุดหลังจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ดำเนินการปิดปรับปรุงพื้นที่นานกว่าหนึ่งปีกระทั่งมีการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ.2554 ท้องสนามหลวงในวันนี้จึงดูสง่างามเคียงคู่พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามอย่างน่าประทับใจสำหรับแขกที่มาเยี่ยมชม

และเพื่อเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์สำคัญทางสำนักการโยธา กทม.จึงได้จัดนิทรรศการถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ณ สถานที่แห่งนี้บอกเล่าเรื่องราวต่อคนกรุงเทพฯ เพื่อร่วมเก็บความประทับใจในพื้นที่แห่งนี้ โดยใช้ชื่อนิทรรศการครั้งนี้ว่า “ท้องสนามหลวง ณ พระนครศิวิไลซ์” แบ่งเรื่องราวในการนำเสนอออกเป็น 3 ช่วงสำคัญ ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 “ภูมิปัญญาพื้นบ้าน การละเล่นไทย” โดยจัดแสดงไปเมื่อวันที่ 26 ก.ย.-25 ต.ค.54 เป็นการนำเสนอสีสันและถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตของท้องสนามหลวง เพื่อร่วมรำลึกภาพความประทับใจในบรรยากาศแห่งความสนุกสนานรื่นเริงกับนานากิจกรรมที่เคยเกิดขึ้นบนท้องสนามหลวง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ชาวสยามเป็นอย่างมาก เช่น กีฬากอล์ฟ ที่นำมาเล่นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ท้องสนามหลวงเป็นสนามในการแข่งขันกีฬาแข่งม้า ที่มีมาตั้งแต่ครั้งเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสยุโรป โดยท้องสนามหลวงเป็นสนามแข่งม้าแห่งแรกในประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่กีฬาฟุตบอล ที่ชาวตะวันตกนำเข้ามาแข่งขันบนท้องสนามหลวงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสยาม รวมถึงการเล่นว่าว ซึ่งเป็นการละเล่นที่น่าตื่นเต้น สนุกสนาน จนกลายเป็นสีสันและเอกลักษณ์ให้ท้องสนามหลวงมาทุกยุคทุกสมัย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งรวมของโหราศาสตร์หลากหลายแขนงจากบรรดาหมอดูโคนต้นมะขาม ฯลฯ

ช่วงที่ 2 “ศรีสวัสดิ์ ณ มณฑลพิธีแห่งความศิวิไลซ์” จัดแสดงระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-27 พ.ย.54 เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลในอดีตของท้องสนามหลวงที่ผ่านระยะเวลากว่า 200 ปี ในการประกอบพิธีสำคัญของพระนคร ไม่ว่าจะเป็นพระราชพิธีพืชมงคล, พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ, พระราชพิธีพิรุณศาสตร์, พระราชพิธีบวงสรวงบูชาพระมหากษัตริยาธิราชในอดีต รวมทั้งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และสำคัญของบ้านเมืองเนื่องในโอกาสวันปีใหม่และวันสงกรานต์ ตลอดจนเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีออกพระเมรุ ในส่วนของการจัดแสดงยังจัดฉายวีดิทัศน์บอกเรื่องราวอีกด้วย เรียกได้ว่านิทรรศการที่เกิดขึ้นในช่วงที่ 2 ถือเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการเกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมของท้องสนามหลวง

มาถึงช่วงสุดท้ายของการจัดนิทรรศการถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะการจัดนิทรรศการในครั้งนี้อยู่ในห้วงเวลาที่คนไทยและสังคมไทยกำลังมีความสุข เนื่องจากเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 7 รอบในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554 โดยนิทรรศการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ใช้หัวเรื่องว่า “มงคลนิมิต บนผืนแผ่นดินทอง” เป็นการรังสรรค์ขึ้นด้วยภาพที่งดงามและเรื่องราวที่บอกเล่าถึงความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทยในราชวงศ์จักรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชน รวมทั้งประวัติความเป็นมาและความสำคัญของท้องสนามหลวงในฐานะที่เป็นมณฑลพิธีในการจัดพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ในทุกรัชกาล เช่นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีอินทราพิเษก พระราชพิธีรัชดาภิเษก พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก และพระราชพิธีกาญจนาภิเษก

นอกจากนี้ ทางกทม.ยังได้ถือโอกาสเปิดตัวหนังสือ “ท้องพระโรงกลางแจ้ง ท้องสนามหลวง” ซึ่งถือเป็นจดหมายเหตุการปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งประมวลประวัติศาสตร์อันยาวนานของท้องสนามหลวง ตลอดจนบันทึกเรื่องราววิวัฒน์ผ่านยุคสมัย รวมทั้งฟื้นฟูและปรับปรุงภูมิทัศน์ท้องสนามหลวงในปี 2554 ซึ่งเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรื่องราว หาความรู้ และได้ร่วมภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของท้องสนามหลวงอันเป็นสมบัติของชาติ และร่วมกันธำรงรักษาไว้สืบไป

และนี่คือเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ณ ท้องสนามหลวง พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจของชาวไทย ใครที่สนใจสามารถเดินทางไปร่วมเก็บความประทับใจสำหรับนิทรรศการดีๆ ในครั้งนี้ได้ ซึ่งทางกทม.จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2554 - 2 ม.ค. 2555 จันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 09.00-18.00 น.

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
//////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น