--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทางสองแพร่ง.กฎหมายแก้กรรม

บนความเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้มีการ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อมั่นว่าจะเป็นหนทางคลี่คลายวิกฤติบ้านเมือง..! ที่จมปลักอยู่ในวังวนความขัดแย้งมายาวนาน

นั่นย่อมสะท้อนอีกบริบทในการรุกคืบแก้รัฐธรรมนูญ จะเป็นกลไกสู่ “ความปรองดอง...สร้างสมานฉันท์” ได้หรือไม่!?!

เช่นว่านี้...ปมแก้รัฐธรรมนูญจึงถูกนำมาจุดขึ้นอีกครั้ง!! หลังการเดินเกมอย่างจริงจังจากซีกการเมือง มีทั้งองค์กรเครือข่ายประชาธิปไตย และการเคลื่อน ไหวจาก “ภาคประชาชน” ที่คาดหวังถึง “กลไก” อันจะช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง ตลอดจนการพัฒนาประชาธิปไตยในอนาคต

เมื่อสังเคราะห์ความเป็นไปได้ กับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ครั้งนี้คง มิใช่เพียงการระดมมวลชนมาเล่นการเมือง ข้างถนน เพื่อโต้กันไปมาว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 หรือ 2550 ฉบับไหนดีกว่ากัน... หากแต่เป็น “สนามประชันแนวคิด... อุดมการณ์” ของภาคประชาชน และพิสูจน์กึ๋นของรัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เคยลั่นแนวคิด “ปฏิรูปการเมือง!” ด้วยกระบวนการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ “ส.ส.ร.3” เข้ามาสะสางปมปัญหานี้

“ธิดา ถาวรเศรษฐ์” รักษาการประธาน “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” ย้ำหัวตะปูว่า รัฐบาลจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ซึ่งทางกลุ่ม นปช.ได้วางยุทธศาสตร์เอาไว้ตั้งแต่ปี 2552 แล้วว่าต้องล้มเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้ได้ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ อันถือเป็นก้าวแรกใน การเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง...

ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เกี่ยวกับปมแก้รัฐธรรมนูญนั้น “สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำ พธม. ชี้ว่า หากรัฐบาลอยากจะแก้ก็แก้ไป แต่ถ้าแก้มาตราใดก็ตาม ที่เป็นการยกเลิก ล้มล้างความผิดเดิม อันนี้ จะไม่ยอมเด็ดขาด ต้องเจอกัน อะไรก็ตาม ที่เป็นการทำลายหลักนิติรัฐคงยอมไม่ได้

สำหรับการเคลื่อนไหวจากเครือข่าย ภาคประชาชน “กฤษณะ พรมบึงรำ” แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ออกมาทวง คำมั่นจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ว่า...จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และยังได้มีการแถลงนโยบายดังกล่าวกับรัฐสภา แต่ถึงตอนนี้เวลาผ่านไปกว่า 3 เดือน แล้ว ยังไม่เห็นทีท่าหรือการแสดงออกจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด มีเพียงแต่การออกมาเดินหน้าเรื่องพระราชกฤษฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ หรือแม้แต่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

“กฎหมายทั้งสองฉบับ ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ต้นเหตุของปัญหาจริงๆ คือรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่จัดทำโดย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาต (คมช.) เป็น พิษต่อระบอบประชาธิปไตย เราต้องแก้ไข ที่ต้นตอของปัญหา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการแก้ไข จะมีการตั้งคณะกรรมการอะไร ขึ้นมาก็ว่ากันไป แต่ต้องไม่ใช่การออก พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ฎ.ออกมาเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องออกกันอีกไม่รู้จักจบสิ้น เพราะแก้ไขปัญหาไม่ได้”...!!

นับเป็นทางสองแพร่ง...!!! สะท้อน ทรรศนะจากภาคพลเมืองหลากสีเสื้อ แม้จะคิดต่างกัน หากดำเนินไปตาม “กลไกประชาธิปไตย” แล้วนั้น ไม่ว่า “กฎหมายแก้กรรม” จะมีบทสรุปเช่นไร... แต่นั่นคือเจตนารมณ์ของ “รัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน” อย่างแท้จริง

ที่มา.สยามธุรกิจ
////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น