--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุก 27 ปี นักบัญชีสภาพัฒน์ฯ ยักยอกเงิน !!?

ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตต่อหน้าที่ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนางอาภรณ์รัตน์ หรือสลักจิต โชติวิทยพร อายุ 54 ปี นักวิชาการเงินและบัญชี 6 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ฯ เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าซื้อ จัดทำ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต,และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 53 ระบุความผิดสรุปว่า

เมื่อระหว่างวันที่ 20 มี.ค. 39 - 19 ส.ค. 40 ขณะจำเลยเป็นนักวิชาการเงินและบัญชี 5 ช่วยราชการสำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค(สกจภ.)ได้ทุจริตปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยการเบิกเงินจากบัญชีกองทุนฯ 6 โครงการรวม 13 รายการเป็นเงินจำนวน 7,174,462 บาท มาเก็บไว้ที่เป็นของตนเอง โดยนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าฝากบัญชีธนาคารฯของจำเลย จากนั้นจึงค่อยถอนมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติเอกเอกฉันท์ 7 เสียง เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงจำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า การที่จำเลยเบิกเงินจากบัญชีของกองทุน แล้วไม่ยอมชำระให้แก่เจ้าหนี้ แต่กลับนำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารตนเองทำให้เกิดดอกผล ซึ่งจำเลยย่อมทราบดี หากจำเลยมีเจตนาบริสุทธิ์ก็ควรแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และส่งเงินดอกเบี้ยคืนกระทรวงการคลัง ทั้งจำเลยยังแก้ไขวันที่ในใบเสร็จรับเงินเพื่อให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่า ได้จ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้แล้ว เพื่อปกปิดและป้องกันการตรวจพบจากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน เป็นการส่อแสดงเจตนาโดยทุจริตและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แม้ภายหลังจำเลยจะนำเงินดอกผลมาคืนแก่รัฐ ก็คงยังต้องรับผิดอยู่ดี ข้อเท็จจริงจึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง

พิพากษา ผิดตามประมวลกำหมายมอาญา มาตรา 147,157 และ 161 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรม ให้จำคุก ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ 5 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 25 ปี และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จำคุก 2 กระทง ๆ ละ 1 ปี รวมเวลา 2 ปี เมื่อรวมโทษแล้วจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 27 ปี แต่ทางพิจารณาจำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 18 ปี

ที่มา.เนชั่น
/////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น