พลันที่มหาอุทกภัยครั้งใหญ่แห่งสยามประเทศผ่านพ้นไป.. สิ่งที่ตามมาอีกมากมายคือ ความเสียหาย ทั้งที่เป็นรูปธรรม และไม่เป็นรูปธรรม บางคนเมื่อเข้าบ้านไปพบสภาพความเสียหาย ที่เกิดขึ้นถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะสิ่งที่พังทลายอยู่ตรงหน้า คือหยาดเหงื่อแรงกายที่สะสมมาทั้งชีวิต
ไม่เพียงแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในระดับหน่วยเล็กๆ อย่าง บ้านเรือน โรงงานที่ผลิตเครื่องอุปโภค บริโภคต่างเสียหายย่อยยับ ทั้งขนาดเล็กระดับ SMEs ไปจนถึงระดับโรงงานใหญ่ที่มีกลุ่ม ทุนต่างชาติเป็นเจ้าของ ซึ่งต้องยอมรับว่าวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ให้ความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติลดลงมาก
แม้ประธานหอการค้าญี่ปุ่นจะเคยออกมารับปากว่ายังเชื่อมั่น ในศักยภาพของประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงที่สำรวจความ คิด เห็นของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นของนิตยสารท้องถิ่นกลับพบว่า นักลงทุน ส่วนมากยังไม่มีความเชื่อมั่น และหลายท่านพร้อมที่จะย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็มีตัวเลือกอีกมากมายและมีปัจจัยที่พร้อมมากขึ้นกว่าอดีต
วิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังคืบคลานเข้ามานี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลจำต้องรับมือ และเอาให้อยู่ ซึ่งในปมแรกที่อาจต้องคลาย คือการปฏิรูปทีมเศรษฐกิจเสียใหม่ให้พร้อมรับกับสภาวะ “Hard-core” ผู้ที่จะรับมือได้ต้อง “Accurate” หรือมือฉมังพอตัว
เก้าอี้สำคัญที่สังคมกำลังโฟกัสไปในการยกเครื่องทีมเศรษฐกิจ คงไม่พ้นเก้าอี้ของ “เสี่ยโต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ และเก้าอี้ของ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” รมว.กระทรวงการคลัง
สำหรับบุคลากรที่ถูกจับตามองในขณะนี้ ถึงกับมีคนเอ่ยออก มาเป็นอักษรย่อว่า “ดร.ว.” และ “ป.” ค่อนข้างชัดเจนว่าน่าจะเป็น “ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย” ปธ.กก.บริหาร ธ.ไทยพาณิชย์ ส่วนอีกท่านหนึ่งก็หาใช่ใครอื่นไม่ นั่นคือ “หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล” กระบี่มือหนึ่งจากแบงก์ชาติ ซึ่งเคยคุมมาแล้วทั้ง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง
สำหรับ “ดร.วิชิต” คงต้องบอกว่าไม่พลิกโผ เพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมั่นในฝีมือ เพราะมี Profile ที่ไม่ธรรมดา อยู่ในวงการเงินๆ ทองๆ มาร่วม 20 ปี ทั้งยังเคยมีข่าว ว่าจะได้มานั่งกระทรวงการคลังตั้งแต่รัฐบาลปู 1 แล้วแต่กลับหลุด โผ..และมีหลายฝ่ายเชื่อว่ารอบนี้เขามาแน่
ส่วน “หม่อมอุ๋ย” ท่านนี้ไม่ต้องพูดมาก..ประสบการณ์ และผลงานต่างๆ ที่ผ่านสายตาประชาชนมารับประกันคุณภาพได้ดีที่สุด หากคู่นี้มาเป็นแคนดิเดตกันก็ถือได้ว่ามีภาษีกันคนละด้าน แม้จะมีพื้นฐานมาจากวงการธนาคารเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจนักว่า “นายใหญ่” จะกดปุ่มเลือกใคร???
เนื่องด้วยถ้าหาก “นายใหญ่” พยักหน้าคงลงตัวไปตั้งแต่จัด ครม.รอบแรกไปแล้ว หวยคงไม่มาออกที่ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” แต่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้มีเงื่อนไขที่ต่างออกไป เพราะ เสถียรภาพของรัฐบาลหลังน้ำท่วมอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในประเทศ ต้องการการฟื้นฟูครั้งใหญ่ 2 เซียนเหยียบเมฆจึงกลับมาเป็นทาง เลือกที่ดีที่สุด ณ ชั่วโมงนี้
ย้อนกลับมามองสูตรสำเร็จที่น่าจะลงที่สุด ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าหินพอสมควรเพราะทั้ง 2 ท่านนี้แสดงเจตจำนงค่อน ข้างชัดเจนว่าจะต้องการมาตำแหน่งรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น!!!
ที่สำคัญ “ดร.วิชิต” ยังยืนกรานว่าต้องการให้เด็กในคาถารู้ไม้รู้มือกันเป็นอย่างดี มานั่งบริหารกระทรวงการคลัง และกระทรวงพานิชย์ เพราะฉะนั้น หาก “นายใหญ่” เปิดไฟเขียว ก็มีโอกาสที่เจ้ากระทรวงเดิมทั้ง 2 จะหลุดออกจากวงโคจร หรืออาจจะได้รับตำแหน่งที่รองลงมา
สำหรับเงื่อนไขการมาของ “หม่อมอุ๋ย” ที่เป็นลูกหม้อแบงก์ชาติเช่นเดียวกับ “ขุนคลัง” คนปัจจุบัน ก็น่าเชื่อว่าสายสัมพันธ์ดั้งเดิม จะมีอานิสงส์ช่วยให้ “ธีระชัย” อยู่รอดปลอดภัยใน “ครม.ปู 2”
แต่ที่น่าสนใจคือสถานการณ์ของ “เสี่ยโต้ง” ที่ว่ากันว่า โอกาส ยังอยู่ที่ 50:50 เนื่องด้วยการมาของ “เสี่ยโต้ง” ในรอบแรก จะพบว่า ไม่ใช่สายตรงจาก “ดูไบ” โดยตรง แต่เป็นการร้องขอจาก “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ที่ร้องขอ “พี่ชาย” เป็นการส่วนตัว ทำให้ไม่แน่ว่า “เสี่ยโต้ง” จะอยู่หรือจะไปในการปรับ ครม.ที่จะมาถึง..
อย่างไรก็ดี อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญที่ “หม่อมอุ๋ย” แสดงเจตจำนงแนบมาด้วย คือ ต้องการจัดคนของตนเองลงไปนั่งในเก้าอี้ เจ้ากระทรวงหูกวาง ซึ่งถือเป็นกระทรวงเกรดเอ ที่มีผลประโยชน์ มหาศาล อีกทั้งปัจจุบันยังไม่ต่างจากแดนสนธยา ที่มีการขบเหลี่ยม กันเองภายในพรรคเพื่อไทย
และด้วยเป้าประสงค์ของ “หม่อมอุ๋ย” ที่ทับซ้อนคาบเกี่ยวมาถึงกระทรวงคมนาคม นี่น่าจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุด ที่ต้องวัดใจ “คนไกล” ว่าจะรับได้หรือไม่กับข้อเสนออันสูงส่งที่บังเกิด???
หากย้อนกลับมาที่เงื่อนไขสมานฉันท์ และมีคุณูปการต่อประเทศ อย่างสูงส่ง ในสูตรที่จะให้หนึ่งกูรูนั่ง “รองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ” และอีกหนึ่งกูรูนั่ง “ขุนคลัง” ที่หลายฝ่ายวาดวิมานไว้บนอากาศ
แม้โอกาสจะมีทางเป็นไปได้เช่นกัน แต่หากมองแนวทางการ ทำงาน และพรรษาบารมีและความสามารถของทั้ง 2 บุรุษที่ไม่ เป็นสองรองใครในแวดวงการเงินการธนาคาร สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมของการสร้างเครดิตของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยรอบใหม่ของ 2 กูรู
มันล้วนมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าจะเข้าตำรา.. “เสือสองตัว อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” เมื่อเงื่อนไขประหนึ่ง “น้ำ” กับ “น้ำมัน” ที่ยากจะสอดประสาน.. สุดท้ายคู่แคนดิเดตอย่าง “ดร.วิชิต” และ “หม่อมอุ๋ย” จึง ไม่ต่างจากคู่ชิงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยาย!!!
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น