ภาระบนบ่าจึงหนักหนาสาหัสเอาการ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง
หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วม 62 จังหวัด นายกรัฐมนตรีได้ "ปิ๊กบ้าน" จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา
เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็น "ยิ่งลักษณ์" ปลดพันธนาการจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดถึงการเมือง พี่ชาย "ทักษิณ ชินวัตร" และชีวิตส่วนตัว
เธอบอกว่า 4 เดือนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เวลาในทุกวันหมุนเร็วกว่าปกติ ยังมีสิ่งที่ไม่ได้ทำให้ประชาชนอีกมากมาย และเมื่อเจอกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ บางสิ่งบางอย่างก็หยุดชะงัก โดยเฉพาะเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า
ยามสนทนาถึงคนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" เธอมักบอกว่า "ท่านบังคับให้ลงเล่นการเมืองไม่ได้ ต่อให้ท่านอยากให้มา แต่ถ้าเราปฏิเสธท่านก็คงทำอะไรไม่ได้ การตัดสินใจลงเล่นการเมืองเป็นความคิดส่วนตัว"
"ยิ่งลักษณ์" กอดลูกชายไว้ใกล้ตัว ก่อนที่จะเล่าถึงนาทีที่ตัดสินใจลงเล่นการเมืองว่า บุคคลเดียวที่ต้องไป ขออนุญาตคือ ลูกชายสุดที่รัก ด.ช. ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ "น้องไปป‡"
"เมื่อมาเล่นการเมือง จากนั้นเวลาทุกนาทีมันมีค่ามาก ฉะนั้น ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ หากจะต้องปฏิบัติภารกิจก็จะพาลูกชายไปด้วยตลอด วันไหนแม่ไปช็อปปิ้งก็บอกเขาว่าลูกก็ต้องไปด้วย ไปนั่งรอก็ยังดี"
เมื่อต้องมายืนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยมือใหม่ เธอยอมรับว่า สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเป็นนายกรัฐมนตรีมีอยู่ 3 ข้อ
หนึ่ง คือการตอบคำถามกับสื่อมวลชน ที่แม้จะเริ่มชินกับการพบปะทุกวัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุกเช้าจะต้องตระเตรียมข้อมูลไว้ก่อนจะเดินทางไปทำงาน ทั้งการอ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทั้งการเช็กรายการข่าวทุกช่อง
หากวันไหนที่เตรียมใจไว้ว่าจะพบเจอกับ "ประเด็นร้อน" นั่นเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าเธอจะมาทำงานสายทันที
สอง คือความคาดหวังจากประชา ชน-คนในพรรค ซึ่งเธอยอมรับว่า การขับเคลื่อนประเทศที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นที่แตกต่าง มันยากยิ่งกว่าการกำกับดูแลองค์กรธุรกิจเหมือนที่เธอเคยทำ
เธอบอกว่า ทั้ง 2 เหตุผลยังไม่ทำให้ต้องท้อแท้เท่าการเกมการเมืองที่บีบรัด กดดัน ปั่นกระแสรายวัน
สาม คือการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะประเด็นการใช้คำพูดของนายกรัฐมนตรีต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้ง พูดผิดพูดถูก หรือวรรคทองแห่งปีที่ว่า "เอาอยู่"
เธอตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า ทำงานใหญ่จะต้องอยู่เหนืออารมณ์ แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็รู้สึกกับคำพูดเหล่านี้เสมอ คนเรามีข้อจำกัดในตัวเอง บางครั้งมองในแง่บวกก็ต้องมองสิ่งที่ดีด้วย ในเรื่องความคิดเห็นส่วนตัวก็ต้องแล้วแต่เขาจะพูดกันไป
เมื่อตัดสินใจก้าวเข้าสู่สนามการเมือง กระแสตอบรับและแรงต้านก็โถมเข้าใส่ "ยิ่งลักษณ์" โดยเฉพาะประเด็นของพี่ชาย-ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบขึ้นมาตอบโต้รายวัน
เธอบอกว่า วันนี้พูดไปคงไม่มีใครเชื่อว่าเราทำงานของเราคนเดียวทั้งนั้น อย่างตอบคำถามสื่อมวลชน ตัดสินใจอนุมัติโครงการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถ้าต้องมัวแต่จะถามพี่ชายตลอด งานทั้งหมดจะคืบหน้าได้อย่างไร
"เวลาเท่านั้นคือเครื่องพิสูจน์ วันนี้อาจเร็วเกินไปสำหรับการที่จะบอกว่าผู้หญิงคนหนึ่งก้าวมาทำงานการเมือง ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แล้วทำงานมาแค่ 4 เดือน จะให้มีประสบการณ์เทียบเท่ากับคนที่เขาอยู่กับการเมืองมาแล้วหลายปีได้อย่างไร"
ยิ่งลักษณ์บอกว่า ตรงกันข้ามเธอกลับเห็นใจคนที่พยายามให้กำลังใจเธอ และเธอก็พยายามตอบแทนด้วยการทำงานหนัก
"พยายามเท่าที่สุขภาพและเวลาของผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ เพื่อลดช่องว่างเหล่านี้ให้หมดไป"
ประเด็นที่หลายคนจับตาดูถึงการพา "ทักษิณ" กลับบ้านของรัฐบาลนั้น "ยิ่งลักษณ์" ตอบสวนทันควันว่า "เพื่อให้เกิดความสบายใจ ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องพี่ชาย หากรัฐมนตรีบางคนจะทำก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ขอต้องบอกให้เขารู้ว่ามันต้องทำถูกต้องตามกฎหมาย นี่ต่างหากที่ต้องเน้นย้ำอยู่เสมอ"
"จำได้ไหมคะว่าประชาชนต้องมาก่อน เรื่องพี่ชายเอาไว้ทีหลัง ส่วนจะมีคณะกรรมการอะไรก็ว่ากันไป เราไม่เกี่ยว เราก็ทำงานของเรา ส่วนเวลานี้เหมาะสมที่จะพาพี่ชายกลับมาหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย"
ในสายตานายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการเมืองปีหน้าอุณหภูมิจะร้อนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการกลับมาของอดีตกรรมการบริหารพรรค หรือบ้านเลขที่ 111 จะเข้ามาช่วยเสริมทัพให้รัฐบาลแข็งแกร่ง
"ต้องมองในแง่บวกว่าจะมีคนเก่งเข้ามาช่วยบ้านเมืองเพิ่มขึ้น จะเข้ามากี่รูปแบบก็ช่วยกันได้ แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า ต้องอยู่ที่เขาเต็มใจหรือเปล่า ส่วนดิฉันเปิดรับหมดอยู่แล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าคนที่อยู่ตอนนี้ทำหน้าที่ได้หรือไม่ด้วย คงต้องดูจังหวะ และเวลา"
ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่หนาหู "ยิ่งลักษณ์" บอกว่า ได้ยินแล้วคันหู แต่ต้องใช้ภาวะผู้นำตัดสินใจ
"ถ้าถามว่าลำบากใจหรือไม่ที่ต้องปรับเปลี่ยนคนที่เคยทำงานร่วมกัน มันต้องมีเหตุมีผลประกอบ คงใช้ภาวะผู้นำในการตัดสินใจ เพราะการเป็นผู้นำนั้น เรื่องที่ยากที่สุดคือต้องตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไป เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ"
ในบทบาทนายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญหน้าทั้งโคลนการเมือง ภัยธรรมชาติที่รุนแรง ในฐานะผู้หญิง-ลูกสาว "ยิ่งลักษณ์" มักเสียงสั่นเครือเมื่อต้องพูดถึงครอบครัว "คิดถึงค่ะ คิดถึงคุณพ่อ และคิดถึงคุณแม่ด้วย"
บทสนทนากับ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง สัมผัสได้ว่าเธอมีพลังใจอย่างเหลือล้นบนถนนการเมือง
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น