ประเด็นว่าด้วยเรื่อง แยกประเทศ เป็นหัวข้อร้อนแรงประจำสัปดาห์......
มิใช่เพียงเพราะแกนนำของม็อบนกหวีดหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักในการโจมตีรัฐบาล
หรือเพียงเพราะ ผบ.ทบ.ออกคำสั่งให้ทหารในสังกัดไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ "เข้าข่าย" เท่านั้น
แต่ยังเพราะกรณีดังกล่าวได้รับการตอบโต้-ชี้แจงอย่างหนักหน่วงเอาจริงเอาจังไม่แพ้กันจากผู้ถูกพาดพิง
และไม่บ่อยนักที่นายกรัฐมนตรีจะแสดงจุดยืน "ชัดเจน" เช่นนี้
4มี.ค. หลังการประชุมสภากลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ได้เน้นย้ำว่าจะต้องร่วมมือกันและไม่ให้เกิดเหตุการณ์การแบ่งแยกดินแดน เพื่อที่จะนำความสงบความสามัคคีมาสู่ประเทศไทย
"ตอนนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเข้าใจของประชาชนก็จะเกิดปัญหา จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมกับควบคู่การทำความเข้าใจกับประชาชน
"และจะต้องปฏิบัติด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่เช่นเดียวกัน
"โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ"
ย้อนกลับไปวันที่ 2 มี.ค. พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จ.เชียงใหม่ กับ กลุ่มเสื้อแดง จ.พะเยา
ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการดำเนินการที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ กรณีการแบ่งแยกดินแดน จัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา (สปป.ล้านนา)
ย้อนกลับไปอีก 1 วัน หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งระบุว่า ได้สัมภาษณ์ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำ นปช.กลุ่ม "รักเชียงใหม่ 51" ซึ่งยืนยันว่าทางกลุ่มมีการพูดคุยกันเรื่องแบ่งแยกประเทศมาแล้วกว่า 6 เดือน
และเมื่อเรื่องบานปลายออกไป เครือสื่อดังกล่าวยังยืนยันในวันที่ 3 มี.ค.ว่า ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์นายเพชรวรรตทางโทรศัพท์ และตลอดการสัมภาษณ์ได้ถามย้ำเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ขณะที่นายเพชรวรรตเปิดแถลงข่าวตอบโต้ว่า ผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวถามว่า สปป.ล้านนา เป็นอย่างไร ตนก็ตอบกลับไปว่า "มันเป็นอย่างไร คือ สปป.ลาวหรือ?" เพราะไม่รู้จักกับคนที่ตั้งกลุ่ม สปป.ล้านนา จริงๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวมีการถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างกับการแบ่งแยกประเทศ ก็ชี้แจงไปว่า การแบ่งแยกประเทศทำไม่ได้เพราะคนในประเทศมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ภาษาเหมือนกัน มีในหลวงองค์เดียวกัน ส่วนในทางวิชาการแล้ว บางกรณีประเทศหนึ่งอาจมีรูปแบบการปกครองหลายแบบ เช่น จีนที่มีฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษ
และถ้ามีใครฟ้องมา ก็จะสู้คดี รวมทั้งจะฟ้องกลับด้วยที่ทำให้เสื่อมเสีย
และที่ร้อนแรงไม่แพ้กันคือแถลงการณ์ของสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยต่อผู้บัญชาการทหารบก ว่า ชื่อเต็มของ สปป.ล้านนา คือ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา จุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีนโยบายแบ่งแยกดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งกองทัพบกควรตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อข่าวนั้นมาจากสื่อที่มีพฤติกรรมบิดเบือนข้อมูลเป็นนิจศีล
และแม้ว่า สปป.จะเห็นว่าความคิดเห็นดังกล่าวยากที่จะเป็นจริงได้ แต่ก็สะท้อนความรู้สึกคับแค้นใจของประชาชนต่อความอยุติธรรมที่เกิดจากการไม่เคารพสิทธิ การทำลายระบอบประชาธิปไตยโดยกลุ่มผู้มีอำนาจ
ฉะนั้น แทนที่จะมุ่งเอาผิดทางกฎหมายต่อประชาชน ผู้มีอำนาจและกลุ่มการเมืองต่างๆ พึงตั้งคำถามและตอบคำถามนี้ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง
เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยแตกแยกมากไปกว่านี้
แยกประเทศจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงข้ออ้างน้ำผึ้งหยดใหม่ เพื่อเปิดฉากการเมืององก์ต่อไป
น่าสนใจ น่าติดตาม
ที่มา:มติชน
//////////////////////////////////////////////////////////
มิใช่เพียงเพราะแกนนำของม็อบนกหวีดหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักในการโจมตีรัฐบาล
หรือเพียงเพราะ ผบ.ทบ.ออกคำสั่งให้ทหารในสังกัดไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ "เข้าข่าย" เท่านั้น
แต่ยังเพราะกรณีดังกล่าวได้รับการตอบโต้-ชี้แจงอย่างหนักหน่วงเอาจริงเอาจังไม่แพ้กันจากผู้ถูกพาดพิง
และไม่บ่อยนักที่นายกรัฐมนตรีจะแสดงจุดยืน "ชัดเจน" เช่นนี้
4มี.ค. หลังการประชุมสภากลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้ได้เน้นย้ำว่าจะต้องร่วมมือกันและไม่ให้เกิดเหตุการณ์การแบ่งแยกดินแดน เพื่อที่จะนำความสงบความสามัคคีมาสู่ประเทศไทย
"ตอนนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเข้าใจของประชาชนก็จะเกิดปัญหา จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมกับควบคู่การทำความเข้าใจกับประชาชน
"และจะต้องปฏิบัติด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่เช่นเดียวกัน
"โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นพิเศษ"
ย้อนกลับไปวันที่ 2 มี.ค. พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จ.เชียงใหม่ กับ กลุ่มเสื้อแดง จ.พะเยา
ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการดำเนินการที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ กรณีการแบ่งแยกดินแดน จัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา (สปป.ล้านนา)
ย้อนกลับไปอีก 1 วัน หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งระบุว่า ได้สัมภาษณ์ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำ นปช.กลุ่ม "รักเชียงใหม่ 51" ซึ่งยืนยันว่าทางกลุ่มมีการพูดคุยกันเรื่องแบ่งแยกประเทศมาแล้วกว่า 6 เดือน
และเมื่อเรื่องบานปลายออกไป เครือสื่อดังกล่าวยังยืนยันในวันที่ 3 มี.ค.ว่า ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์นายเพชรวรรตทางโทรศัพท์ และตลอดการสัมภาษณ์ได้ถามย้ำเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
ขณะที่นายเพชรวรรตเปิดแถลงข่าวตอบโต้ว่า ผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวถามว่า สปป.ล้านนา เป็นอย่างไร ตนก็ตอบกลับไปว่า "มันเป็นอย่างไร คือ สปป.ลาวหรือ?" เพราะไม่รู้จักกับคนที่ตั้งกลุ่ม สปป.ล้านนา จริงๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวรายดังกล่าวมีการถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างกับการแบ่งแยกประเทศ ก็ชี้แจงไปว่า การแบ่งแยกประเทศทำไม่ได้เพราะคนในประเทศมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ภาษาเหมือนกัน มีในหลวงองค์เดียวกัน ส่วนในทางวิชาการแล้ว บางกรณีประเทศหนึ่งอาจมีรูปแบบการปกครองหลายแบบ เช่น จีนที่มีฮ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษ
และถ้ามีใครฟ้องมา ก็จะสู้คดี รวมทั้งจะฟ้องกลับด้วยที่ทำให้เสื่อมเสีย
และที่ร้อนแรงไม่แพ้กันคือแถลงการณ์ของสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยต่อผู้บัญชาการทหารบก ว่า ชื่อเต็มของ สปป.ล้านนา คือ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา จุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีนโยบายแบ่งแยกดินแดนใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งกองทัพบกควรตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อข่าวนั้นมาจากสื่อที่มีพฤติกรรมบิดเบือนข้อมูลเป็นนิจศีล
และแม้ว่า สปป.จะเห็นว่าความคิดเห็นดังกล่าวยากที่จะเป็นจริงได้ แต่ก็สะท้อนความรู้สึกคับแค้นใจของประชาชนต่อความอยุติธรรมที่เกิดจากการไม่เคารพสิทธิ การทำลายระบอบประชาธิปไตยโดยกลุ่มผู้มีอำนาจ
ฉะนั้น แทนที่จะมุ่งเอาผิดทางกฎหมายต่อประชาชน ผู้มีอำนาจและกลุ่มการเมืองต่างๆ พึงตั้งคำถามและตอบคำถามนี้ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง
เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยแตกแยกมากไปกว่านี้
แยกประเทศจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงข้ออ้างน้ำผึ้งหยดใหม่ เพื่อเปิดฉากการเมืององก์ต่อไป
น่าสนใจ น่าติดตาม
ที่มา:มติชน
//////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น