--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

เครื่องบินขนาดใหญ่สูญหาย...!!?

โดย.ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200มาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่บรรทุก 239 ชีวิต ขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้ากรุงปักกิ่ง ซึ่งหายไปอย่างลึกลับ

หลังบินขึ้นจากท่าอากาศยานเพียงชั่วโมงเศษ ๆ ก็หายไปจากจอเรดาร์ ถ้าไปตามเส้นทางการบินที่กำหนดไว้ ก็น่าจะอยู่บริเวณอ่าวไทย นอกฝั่งเวียดนาม

สิ่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายไปอย่างลึกลับ เมื่อปี 2009 เครื่องบินไอพ่นแอร์บัส A330 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบิน 447 พร้อมผู้โดยสาร 228 คน ก็หายไปที่มหาสมุทรแอตแลนติก กว่าจะหาตัวเครื่องบินพบ จมอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี จึงได้ทราบว่าเครื่องบินโชคร้ายบินไปปะทะกับพายุในมหาสมุทร เจออากาศเย็นจัดจนเครื่องมือ อุปกรณ์ รวมทั้งเครื่องยนต์ทำงานไม่ปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนของเครื่องบินบางชิ้นก็สามารถรวบรวมได้ภายในเวลา 2-3 วัน

ในปี 2007 เครื่องบินโบอิ้ง 737 ของอดัมแอร์ ก็บินหายไปพร้อมกับผู้โดยสาร 102 คน ใช้เวลากว่า 9 เดือน กว่าจะพบกล่องดำ เครื่องมือบันทึกการบิน แต่ภายในไม่กี่วันก็พบชิ้นส่วนและหางของเครื่องบินในทะเล

แต่เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส เวลาผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ยังไม่ทราบว่าเครื่องบินหายไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เป็นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่เท่ากับตึก ปีกยาวกว่า 60 เมตร ความก้าวหน้าของระบบเรดาร์ ระบบดาวเทียม ระบบสื่อสารการบิน จะว่าเป็นเหตุการณ์อย่างเดียวกับกรณีสายการบินแอร์ฟรานซ์ ก็คงไม่ใช่ มิฉะนั้นก็คงพบร่องรอยเศษเครื่องบินแล้ว

ที่น่าแปลกใจ คือข่าวครั้งแรก เชื่อกันว่าเครื่องบินหายไปในช่วงที่อยู่ในอ่าวไทย ใกล้ชายฝั่งเวียดนาม จึงระดมเรือขนาดต่าง ๆ รวมทั้งเรือรบจากกว่า 20 ชาติออกค้นหา ไม่เหมือนกับเมื่อคราวเครื่องบินแอร์บัสของสายการบินแอร์ฟรานซ์หายไปเพราะลมพายุเย็นจัด แต่ภายใน 2-3 วันก็พบชิ้นส่วนเครื่องบินในมหาสมุทรแอตแลนติก อย่างไรก็ตาม เหตุผลของการหายไปของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ ก่อนจะพบตัวเครื่องบินในเวลา 2 ปีต่อมาก็คือว่าเครื่องบินบินไปพบพายุในทะเล เพราะไม่มีข่าวดังกล่าวนี้เลย ชิ้นส่วนก็ไม่พบ

ต่อมาก็มีข่าวว่า ในบรรดาผู้โดยสาร 239 คนนั้น มีผู้โดยสาร 2 คนใช้หนังสือเดินทางที่เจ้าของทำหายที่จังหวัดภูเก็ต คนหนึ่งเป็นชาวอิตาลี อีกคนหนึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน ทางการไทยก็ได้แจ้งว่า ได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวแล้ว และเจ้าของหนังสือเดินทางทั้ง 2 คนก็ได้ทำการขอหนังสือเดินทางใหม่จากทางการของตนแล้ว หนังสือเดินทางเก่าทั้ง 2 ฉบับจึงไม่มีการประทับ หรือมีการ แจ้งออกจากประเทศไทย เมื่อไม่มีการแจ้งออกจากประเทศไทย ก็ไม่น่าจะมีการประทับตราเข้าประเทศมาเลเซีย ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย

เมื่อก่อนจะประทับตราออกประเทศ ก็ควรจะหาชื่อผู้เดินทางออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ว่า เข้าประเทศมาเลเซียมาถูกต้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็จะทราบทันทีว่า หนังสือเดินทางเลขที่เท่านี้ไม่เคยใช้แจ้งเข้ามาเลเซียเลย นอกจากนั้น หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน รูปในหนังสือเดินทางเป็นชาวยุโรป แต่ผู้ที่เดินทางใช้หนังสือเดินทางผู้อื่น หน้าตาเป็นชาวเอเชีย

ข้อมูลที่ทางการมาเลเซียให้ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นข้อมูลจริง หรือจะเป็นข้อมูลลวง ก็ไม่ทราบ ถ้าเป็นข้อมูลลวง ก็คงจะเป็นเรื่องการจี้เครื่องบินไปลงที่ใดที่หนึ่ง

ต่อมาก็มีข่าวว่า ก่อนที่สัญญาณเครื่องจะหายไปจากจอเรดาร์ เครื่องบินได้หันหัวไปทางทิศตะวันตก คราวนี้ก็เลยสันนิษฐานว่า เครื่องบินอาจจะบินไปตกทางด้านทะเลอันดามัน แต่ก็ไม่มีรายงานจากเครื่องเรดาร์ว่าเห็นเครื่องบินบินไปทางไหน พายุในฝั่งนี้ก็ไม่มีรายงานจากดาวเทียม

ข่าวที่ออกมาอีกก็คือผู้โดยสาร 2 คนที่สันนิษฐานว่าเป็นชาวอิหร่าน ก็ไม่ได้อยู่ในสารบบของผู้ก่อการร้าย ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะข่าวเรื่องใช้หนังสือเดินทางที่หายไปที่ภูเก็ต ก็น่าจะเลื่อนลอย

คราวนี้ก็เลยมีการเดาหรือคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานาว่า เครื่องบินอาจจะไม่ได้ตกในทะเล แต่คงจะบินวกกลับไปทางตะวันตก อาจจะไปถึงแถว ๆ เมืองเพิร์ธประเทศออสเตรเลีย หรือไม่ก็บินข้ามจังหวัดเชียงรายของไทยเข้าไปในประเทศ
คาซัคสถานซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต เมื่อติดตามข่าวนี้แล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เพราะชีวิตทุกวันนี้พวกเราก็ต้องอาศัยการเดินทางทางอากาศกันมาก เพราะรวดเร็ว และเข้าใจว่าปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่มีทางเดินทางด้วยวิธีอื่นได้เลย

เมื่อมีข่าวอุบัติเหตุทางเครื่องบินก็ดีข่าวสลัดอากาศจี้เครื่องบินก็ดีหรือการก่อการร้ายทางอากาศก็ดี ก็ย่อมเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือโลกเราทุกวันนี้ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการบินก็ดี การสื่อสารระหว่างนักบินกับหอการบินที่ดูแลการบิน โดยเฉพาะการบินพลเรือน เรดาร์ก็ดี ทุกวันนี้มีเครือข่ายที่ละเอียดยิบบนเครื่องบินก็มีเรดาร์ มีวิทยุโต้ตอบ ทั้งที่เป็นเครื่องอัตโนมัติที่แจ้งตำแหน่งของเครื่องบิน และการรายงานของนักบิน และพนักงานช่วยบิน กฎระเบียบของการเข้าออกในห้องนักบินก็เคร่งครัด

มีการบันทึกไว้ในกล่องดำ ที่พนักงานไม่น่าจะกล้าฝ่าฝืน เพราะอาจจะถูกลงโทษทางวินัยได้แต่พอมีเรื่อง ก็มักจะมีการ
กล่าวอ้างว่า ตนเคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนักบินบ้าง อย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้างซึ่งน่าจะเป็นการกล่าวอ้างมากกว่า

อีกทั้งสายการบินมาเลเซียก็แถลงว่า เครื่องบินเป็นเครื่องใหม่ อุปกรณ์ครบถ้วนไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุ แต่ถึงแม้จะมีอุบัติเหตุ เช่น เครื่องระเบิดบนอากาศ หรือตกที่ไหน เพราะความบกพร่องของเครื่องยนต์กลไก หรือความบกพร่องของนักบิน ก็คงจะพบร่องรอยเศษชิ้นส่วนได้ทีหลัง

หากเป็นการก่อการร้าย เครื่องบินถูกจี้ไปลงที่สนามบินแห่งใดแห่งหนึ่ง ก็น่าจะเป็นสนามบินที่มีลานวิ่งขนาดใหญ่และยาวหลายกิโลเมตร ก็ไม่น่าจะเล็ดลอดการตรวจจับของดาวเทียมและเครื่องตรวจจับอย่างอื่น ถ้ามีอุบัติเหตุชนภูเขา หรือตกลงในป่าเขา ก็คงต้องมีเพลิงไหม้ ต้องเห็นซากเครื่องบินในเวลาไม่กี่วัน

ผู้โดยสาร 2 ใน 3 เป็นชาวจีน มีทั้งชาวมาเลเซีย ยุโรป อเมริกัน และอื่น ๆ ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ก็ต้องพยายามค้นหาข้อมูล เพื่อความกระจ่างของบรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสารของตน มิฉะนั้นก็คงถูกสื่อมวลชนของตนเล่นงาน

ตกลงจนบัดนี้ ผู้ที่คอยติดตามข่าวเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สจึงยังสับสน วิเคราะห์ได้ยากว่าเป็นไปได้อย่างไร

เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะบอกอะไรบางอย่างว่า ระบบการตรวจตราการเดินทางทางอากาศยังมีช่องโหว่ ยังมีจุดอ่อนอยู่มากตั้งแต่ระบบความปลอดภัยจากผู้โดยสารเอง ระเบียบของการเข้าไปในห้องนักบิน ระบบของการควบคุมเส้นทางการบิน การติดต่อประสานงานระหว่างเครือข่ายของวิทยุการบิน และอื่น ๆ

การเดินทางทางอากาศโดยสายการบินระหว่างประเทศอาจจะไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด องค์กรระหว่างประเทศที่ดูแลความปลอดภัยของสายการบินพลเรือน รวมทั้งระบบควบคุมการบินควรจะเคร่งครัดมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ข่าวเครื่องบินขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารจำนวนมากถึงกว่า 239 คนก็เป็นข่าวที่น่าสนใจ จะต้องติดตาม
กันต่อไป

หวังว่าเราคงจะได้ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนี้ในไม่ช้า ขอเอาใจช่วย

ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
-----------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น