ผลการประชุมของคณะรัฐมนตรี นำโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ วันที่ 24 เมษายน 2555 มีมติที่น่าสนใจด้านเศรษฐกิจ ประเด็นที่ ๑๒ ว่าด้วยเรื่อง มาตรการเพิ่มขีดความสามารถ SMEs คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1.4 กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้ SMEs
มาตรการตามข้อ 1.1 – 1.3 มีงบประมาณที่ต้องใช้ในการสนับสนุนทั้งสิ้นไม่เกิน 7,325 ล้านบาท ส่วนมาตรการตามข้อ 1.4 – 1.5 ไม่ต้องใช้งบประมาณในการสนับสนุน ทั้งนี้ มาตรการทั้ง 5 มาตรการดังกล่าวจะก่อให้เกิดการสร้างสินเชื่อให้กับ SMEs เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมี SMEs ที่ได้รับประโยชน์กว่า 28,000 ราย
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
ที่มา.Siam Intelligence Unit
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถ SMEs
- อนุมัติให้จัดสรรงบประมาณที่ต้องใช้ในการสนับสนุนโครงการเป็นวงเงินไม่เกิน 7,325 ล้านบาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกจ่ายตามจริง โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป
- อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 3 ฉบับ ดังนี้ (3.1) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(3.2) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….(3.3) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
- การยกระดับผลิตภาพการผลิต (Productivity)
- การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และ
- การลดภาระต้นทุนจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น สรุปได้ดังนีั
1. มาตรการทางการเงิน ประกอบด้วย
1.1 โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต (Productivity Improvement Loan) โดย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ประกอบด้วยสินเชื่อ 2 ประเภท คือ- สินเชื่อเพื่อพัฒนาเครื่องจักรและสินเชื่อเพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน โดยมีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 2 ปี นับจากวันที่มติคณะรัฐมนตรี
- และงบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนไม่เกิน 1,805 ล้านบาท
- โดยมีวงเงินค้ำประกันรวม 24,000 ล้านบาท โดย บสย. จ่ายอัตราค่าประกันชดเชยให้กับสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 18 ของภาระค้ำประกันเฉลี่ยตลอดระยะเวลาโครงการ 5 ปี
- และรัฐบาลชดเชยส่วนต่างค่าประกันชดเชยตามจริงแต่ไม่เกิน 2,220 ล้านบาท
1.4 กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ให้ SMEs
- กู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปี
- วงเงินกู้ยืมสูงสุด 42,000 บาท
- ระยะเวลาชำระคืน 4 ปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝึกอบรม ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเงินกองทุนอยู่ 570 ล้านบาท และคณะกรรมการกองทุนฯ มีมติเห็นชอบรายละเอียดการกู้ยืมดังกล่าว
มาตรการตามข้อ 1.1 – 1.3 มีงบประมาณที่ต้องใช้ในการสนับสนุนทั้งสิ้นไม่เกิน 7,325 ล้านบาท ส่วนมาตรการตามข้อ 1.4 – 1.5 ไม่ต้องใช้งบประมาณในการสนับสนุน ทั้งนี้ มาตรการทั้ง 5 มาตรการดังกล่าวจะก่อให้เกิดการสร้างสินเชื่อให้กับ SMEs เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 86,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมี SMEs ที่ได้รับประโยชน์กว่า 28,000 ราย
2. มาตรการภาษี
โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับ SMEs ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี ประกอบด้วยมาตรการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มาตรการหักค่าเสื่อมเครื่องจักร และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นรัษฎากรและหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน รวม 3 ฉบับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
- 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกินสามสิบล้านบาทต่อปี ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการขายทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
- 2. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. กำหนดเงื่อนไขและอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกินสามสิบล้านบาทต่อปี ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
- 3. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้มีการจ่ายเป็นค่าจ้างเฉพาะส่วนต่างของค่าจ้างที่ได้มีการจ่ายเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันตามที่กำหนดในแต่ละเขตจังหวัดกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่เป็นเงินวันละสามร้อยบาท ให้แก่บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมิน ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกินสามสิบล้านบาทต่อปี ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
ที่มา.Siam Intelligence Unit
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น