เหตุการณ์ที่มีภาพหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย สันนิษฐานว่า มาจากแดนอาทิตย์อุทัย สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นแถมบางเบาวาบหวิว โผล่กลางจอโปรเจ็กเตอร์ 3 รอบ รอบ ละ 5 วินาที ในห้องประชุมรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ในวาระที่ 2 เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่อง "ฉาวๆ" ขึ้นในห้องประชุม "ผู้ทรงเกียรติ" แห่งนี้
เอาเฉพาะระยะใกล้ ไม่เกิน 10 ปี ก็มีอย่างน้อย 4-5 เหตุการณ์ ที่ทำให้ชาวบ้านต่างส่ายหัวกับพฤติกรรมบุคคลในข่าว หรือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เริ่มจากช่วงบ่ายของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2547 พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ส.ว.กทม. ปลุกวิญญาณ นักมวยสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาวหมัดที่ไม่ได้หุ้มนวมเข้าใส่ อดุลย์ วันไชยธนวงศ์
ส.ว.เชียงราย ที่เดินปรี่เข้าหาถึง 3 หมัด หลังมีความเห็นไม่ตรงกัน กรณีการเผยแพร่สมุดปกเหลือง เรื่อง "ความจริงที่ตากใบ"
แม้ "บิ๊กทิน" จะชี้แจงว่า ทำไปเพราะป้องกันตัว แต่ท้ายสุดแสดงสปิริตตัดสินใจยื่นใบลาออกจาก ส.ว.
เหตุที่เกิดขึ้น ทำให้ชื่อเสียงของ "สภาสูง" เวลานั้น มัวหมองไปพอสมควร
ต่อมา หลังเกิดการยึดอำนาจ "รัฐบาลไทยรักไทย" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุม (พธม.) ขับไล่แรมปี ในปี 2549
ความขัดแย้งบนท้องถนนก็ลากเข้าไปสู่ห้องประชุมสภา โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี 2550
ที่สุด ก็เกิดเรื่อง "สุดโฉ่" ขึ้นบริเวณอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ส.ส.กทม. หน้าใหม่ ใต้สังกัดพรรคพลังประชาชน (พปช.) อย่าง การุณ โหสกุล หรือ "เก่ง" ก็ตวัดเท้ากระโดดถีบเข้าท้องน้อย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ พธม. ที่เป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อย่างรุนแรง
แม้ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า พปช. จะออกมาปกป้องลูกพรรคว่า "อีกคนตัวเล็ก อีกคนตัวใหญ่ ลองคิดดูก็แล้วกัน"
แต่วีรกรรมของ "เก่ง การุณ" ซึ่งได้ฉายา ต่อมา เก่ง สกายคิก ไม่เพียงทำให้ "ศาลอาญา" พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยรอลงอาญากำหนด 2 ปี และปรับเงิน 4 หมื่นบาท ยังพ่วงภาพลักษณ์ "แบดบอย" ติดตัวสลัดไม่หลุดมาถึงวันนี้
และเหตุการณ์ "สกายคิก" ครั้งนั้น ยังเป็น "ชนวน" สำคัญทำให้ห้องประชุมสภา แทบจะกลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมๆ เพราะเกิดพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามมาอีกหลายกรณี
ยิ่งเมื่อมีการ "พลิกขั้วการเมือง" ยุบพรรค พปช. ดัน ปชป. เป็นรัฐบาล ยิ่งทำให้อุณหภูมิใน "สภา" จากที่เคย "ร้อน" กลายเป็น "เดือด" ได้ทันควัน
ทั้งกรณี สมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) เดินยั่วฝ่ายรัฐบาลด้วยการเดินตรวจการเสียบบัตรลงคะแนน จนเกือบวางมวยกับ อภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี ปชป.ที่ปรี่เข้ามาจะชกและยกเท้าเตรียมถีบ จนเพื่อน ส.ส. ต้องเข้าห้ามปรามกันชุลมุน
หรือกรณี สุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พท.ตะโกนคำหยาบพร้อมชูนิ้วกลางให้ รณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
กระทั่งสื่อมวลชนประจำรัฐสภาทนไม่ไหว ให้ฉายาฝ่ายนิติบัญญัติในปี 2552 ว่า "ถ่อย-เถื่อน-ถีบ" !
โดยให้คำอธิบายว่า "พฤติกรรม ส.ส.ที่ก้าวร้าวมากขึ้น นอกจากไม่เป็นแบบอย่างที่ดีของสภาผู้ทรงเกียรติแล้ว ยังมีส่วนกระตุ้นให้สังคมแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง โดยไม่ใช้หลักเหตุผล"
อีกครั้งที่มีเรื่องอื้อฉาว ไม่นานมานี้เอง กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นประท้วง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ขณะกำลังอภิปรายญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยสีหน้า แดงก่ำ
เป็นเหตุให้ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ปชป.ต้องกดไมค์พูดทันควันว่า "ประธานให้คนเมาประท้วงได้อย่างไร ต้องจับไปตรวจแอลกอฮอล์" ร้อนถึง "บิ๊กเหลิม" ที่ต้องแก้ตัวว่า "ไม่ได้เมาเหล้า แต่เมารัก"
ยิ่งรวมกรณีล่าสุด ทั้งภาพอล่างฉ่างโผล่จอมอนิเตอร์ หรือ ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม. ปชป.ยอมรับว่าดูคลิปหวิวในห้องประชุมจริง
สารพัดเรื่อง "อื้อฉาว" เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้สภาไทยมีภาพลักษณ์ตกต่ำ กระทั่งชาวบ้านต่างเอือมระอา แม้บางครั้งจะเกิดความไม่ตั้งใจก็ตาม !!!
ที่มา.มติชนออนไลน์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น