--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

ไขวิวาทะ บวรศักดิ์ ปรองดองฉบับแก้กรรม !!?

วุ่นวายกันไปพักใหญ่.. ป่วนกันสภาแทบจะแตก! สำหรับการเปิดเวที “สร้างปรองดอง” ในวงประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่จนแล้วจนรอดก็ยังกัดกันไม่เลิก ทั้งกับรายงานวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า และรายงานฉบับโมดิฟายของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ชุดที่มี “บิ๊กบัง-พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” เป็นหัวหน้าคณะ..ก็ล้วน แล้วแต่ “สร้างความไม่ปรองดอง”

เหนืออื่นใดยังมี “สิ่งที่ไม่ปกติ” และสังคมกำลังตั้งคำถาม นั่นเพราะผู้ที่เสนอให้มีการปรองดองโดยการนิรโทษกรรมและล้มล้างผลพวงในคดีของคณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กลับเป็นผู้กระทำการรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จนกระแสความขัดแย้งบานปลาย ก่อความแตกแยกในบ้านเมืองมากว่า 5-6 ปี

นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับว่า การรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 คือ “ต้นไม้พิษ” และผลพวงการรัฐประหารก็เป็น “ผลไม้พิษ” ที่เป็น “ชนวน” แห่งความไม่ปรองดองของคนในชาติ

ขณะที่กระแสต้านก็ออกมาหนาหู ทั้งเสียงแดกดันจาก “หล่อดีเลย์” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ออกมาค้านหัวชนฝา ..ไม่เอาปรองดอง! ส่วน “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ก็ออกมาเต้นเร่า..เร่า! ขู่ถอดถอนรายงานผลวิจัยปรองดองของตัวเอง

แต่ที่สุดแล้ว...สภาผู้แทนราษฎรก็ยังมีมติ “เสียงข้างมาก” 307 ต่อ 0 เสียง.. “เห็นชอบ” กับรายงานฉบับดังกล่าว และโยนเรื่องส่งให้คณะรัฐมนตรีนำไปพิจารณา เพื่อสร้างความปรองดองในชาติต่อไป

ด้วยเหตุนี้ หลังไฟเขียวร่างปรองดอง! ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวาง ทั้งบนหน้าสื่อและในทุกวงสนทนา ว่ากันว่าฝ่ายที่ไม่เอาด้วย ได้เปิดหน้าชกว่าเป็น “ความยุติธรรมของผู้ชนะ” หรือไม่ก็..พวกมากลากไป กระทั่งวลี “ปรองดอง..ที่ยังไม่ก้าวข้ามทักษิณ”

ในทางตรงกันข้าม “กระแสสังคม” ส่วนใหญ่ยังคงตีกลับ..สับฝ่ายที่ออกมาป่วน หรือกีดขวาง “รถไฟสายปรองดอง” ขบวนนี้ โดยเฉพาะกับ “บวรศักดิ์” ที่เจอของหนัก โดนก้อนอิฐ..มากกว่าดอกไม้! หลังถูกตั้งข้อกังขาว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวในฐานะเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า หรือกรรมการที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการแผ่นดินกันแน่

อีกประเด็นที่ไม่ปกติ ก็เพราะ “บวรศักดิ์” ออกโรงเบิกวาทกรรมว่า “อย่าเอาความยุติธรรมของผู้ชนะ..มาใช้กับผลการศึกษานี้ ไม่อย่างนั้นสถาบันพระปกเกล้าจะถอนงานวิจัยออกมา”

ทั้งหมดนี้ ได้กลายเป็นวาทกรรมประดิษฐ์! ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่า “ข้อเรียกร้อง” หรือ “เสียงขู่” ที่ว่า..อย่าเอาเสียงข้างมาก มารับรองโมเดลปรองดองฉบับนี้

อย่างไรก็ดี หลังการประกาศจุดยืน 5 ข้อในแถลงการณ์ “สถาบันพระปกเกล้า” เพื่อหวังยับยั้งกระบวนการที่รวบรัดในสภาฯ ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นผล แล้วยังทำให้ “บวรศักดิ์” ถูกตีกระหนาบจาก 9 ส.ส.พรรคเพื่อไทย บีบให้ “ถอนตัว” ออกจากเก้าอี้เลขาธิการ ซ้ำยังโดน ขั้วการเมืองซีกรัฐบาล เปิดฉากไล่ถล่มจนงอมพระราม

ขณะที่พรรคเก่าแก่อย่าง “ประชาธิปัตย์” ที่คราคร่ำไปด้วยมือกฎหมายชั้นเซียน ต่างก็ดาหน้าถล่มผลวิจัยชิ้นนี้ว่า..ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จนถึงขั้นระบุว่าเป็น “รายงานเถื่อน” และอาจนำมาซึ่ง “ความขัดแย้ง” ในบั้นปลาย

และดูเหมือนว่า “กูรูกฎหมาย” อย่าง “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ก็แทบจะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง..กันเลยทีเดียว

เหล่านี้ล้วนเป็นวาทกรรมปรองดอง ที่แปรเปลี่ยนเป็น “วิวาทะ” เหตุพูด กันไปคนละภาษา ก็ย่อมเป็นเรื่องที่จะเอา “เหตุผล” มาหักล้างกันไม่ได้ ฉะนั้น ต่อให้ยืดการประชุมออกไปเป็นเดือนเป็นปี หรือจะเปิดกลไกพิเศษเพื่อทำคลอด “โมเดลปรองดอง” ฉบับแก้กรรมเช่นไร.. ก็คงมิอาจลงเอยกันได้!!

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น