"อภิดีลระหว่างกลุ่มทรู-กสท โทรคมนาคม" ชัดถ้อยชัดคำว่าพบความผิดปกติหลายจุด และเชื่อได้ว่าอิทธิพลการเมืองเข้ามามีเอี่ยวเอื้อประโยชน์เอกชน ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างธุรกิจโทรคมนาคมไทย
รัฐมนตรี "ไอซีที" ยังสั่งการเสียงเข้มไปยัง "ซีอีโอใหม่ กสทฯ" ให้รับลูกดำเนินการต่อ ขีดเส้นให้ได้ข้อสรุปภายใน 15 วัน
ไม่ใช่แค่กระทรวงไอซีที ดีลนี้ "ป.ป.ช." ตรวจสอบเอาผิดทางอาญากับผู้บริหาร กสทฯในอดีตเช่นกัน
เรียกว่า ผจญศึกรอบทิศกันเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับ "ทรู" ไม่ต่างไปจากที่ "เอไอเอส" เคยเจอมาก่อนสมัยรัฐบาลที่แล้ว เทียบกัน "ทรู" อาจเบากว่าด้วยซ้ำไป ด้วยสไตล์เจ้ากระทรวงต้นสังกัดระหว่าง "น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ" และ "จุติ ไกรฤกษ์"
มากกว่าเนื้อหาสาระและความถูกต้อง หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเอาคืนทางการเมือง
นอกจากต้องลุ้นระทึกกับภารกิจสร้างแต้มต่อในธุรกิจโทรศัพท์มือถือด้วยบริการ "3G" ที่พร้อมกว่าใครแล้ว
สมรภูมิธุรกิจเคเบิลทีวี ดูท่าว่า "ทรู" ยังต้องเหนื่อยขึ้นด้วยจากคู่แข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นมาก จากการตบเท้าเข้าสู่สังเวียน "ทีวีดาวเทียม" ของค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่หลายราย ส่งผลถึงการชิงลิขสิทธิ์รายการต่างประเทศอันถือเป็นจุดขายสำคัญอย่าง "ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ" ที่ร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ในฐานะแม่ทัพธุรกิจของกลุ่มทรู "ศุภชัย เจียรวนนท์" มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและเตรียมแผนรับมืออย่างไร มีรายละเอียดใน "ประชาชาติธุรกิจ" บรรทัดถัดไป
- ถ้ามีการรื้อสัญญาจะทำให้แผนทรูมูฟ เอชสะดุดไหม
เรื่องการตรวจสอบ คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการขยายเครือข่ายยังเดินหน้าได้ตามปกติ (เงินลงทุนทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาท เฉพาะปีนี้ 2 หมื่นล้าน ขยายสถานีฐานให้ได้ 13,500 แห่ง ภายในสิ้นปี เพิ่มฐานลูกค้าเฉพาะปีนี้อีก 4 ล้านราย)
โดยตัวสัญญาที่ทำกับ กสทฯคงไม่ผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องมาตรา 46 (ห้ามโอนคลื่น) หรือกรณีเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน และอื่น ๆ ชี้แจงได้ ไม่น่าเป็นประเด็นหลัก
- มีโอกาสพบรัฐมนตรีไอซีทีแล้ว
ยังครับ ก็คงต้องขอเข้าไปคุยไปหารือ ชี้แจงข้อมูลอะไรต่าง ๆ กับท่านรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้
- หลายคนมองว่าเป็นการเอาคืนทางการเมือง
ไม่คิดว่านะครับ ไม่คิดว่าถึงขั้นนั้น ไม่น่ามีแรงจูงใจเป็นเรื่องแรก น่าจะเป็นเรื่องเพื่อความโปร่งใสเป็นหลัก แต่ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนพรรคเปลี่ยนรัฐบาลก็เป็นแบบนี้ สลับกันไปมา ก็ไม่เป็นไร เพราะการตรวจสอบก็เป็นเรื่องดี เป็นกลไกตามระบอบประชาธิปไตยที่ดี
- มีแผนสำรองอะไรไหมถ้ามีผลกับการให้บริการ
ไม่มีครับ อย่างที่บอกคิดว่าเป็นกระบวนการตรวจสอบปกติ ซึ่งเราเองก็มั่นใจว่าได้ดำเนินการทุกอย่างโดยถูกต้อง
- ป.ป.ช.ก็จะสรุปเรื่องนี้
คงไม่ใช่สรุปนะครับ เพราะก็ยังไม่ได้มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องไปสอบสวนหรือชี้แจงอะไร น่าจะเป็นการสรุปว่าจะรับหรือไม่รับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่อมากกว่า ถือว่าอยู่ในกระบวนการ ซึ่งก็คงต้องมาดูกันไปว่าจะเป็นอย่างไร ถ้ามีการพิจารณาต่อก็ต้องมีการสืบสวนให้ปากคำเหมือนกระบวนการทางศาล
- มีผลกระทบต่อลูกค้าและพนักงาน
ไม่มีครับ ทุกอย่างยังเดินหน้า กับพนักงานเราก็มีการชี้แจงว่า ทุกอย่างที่ทำมาถูกต้องโปร่งใสอยู่แล้ว เพียงรัฐบาลใหม่ที่มาอาจไม่เห็นด้วยกับชุดที่แล้วก็ต้องมาตรวจสอบ ก็อาจมีความกังวลใจบ้าง แต่ช่วงนี้ของปีที่แล้วเอไอเอสก็โดนไม่เยอะเหมือนกัน ไม่เป็นไร เป็นกระบวนการตรวจสอบก็ยินดีครับ
- กรณีคืนคลื่น 3G ของทรูมูฟจะดำเนินการอย่างไร
กสทฯต้องการให้ทรูมูฟคืนคลื่น (850MHz ที่นำมาทดลองบริการ) การย้ายลูกค้า 3G จากทรูมูฟไปทรูมูฟ เอชก็จะเป็นไปตามกระบวนการบริการคงสิทธิ์เลขหมาย (mobile Number Portability) ตามกฎ กสทช.ต้องให้เวลา 1 ปี แต่เราวางแผนกับ กสทฯว่าอยากให้สั้นกว่านั้น
- ขอเลขหมายใหม่ผ่านกสทฯไป 16 ล้านเพื่อ
ขอกสทช. ในนามกสทฯ ทั้งหมด 16 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมไปถึงกันยายนปีหน้า เมื่อสัญญาสัมปทาน (ทรูมูฟ) หมดอายุ ก็เป็นแผนสำรองที่จะต้องไมเกรทลูกค้าไปยังทรูมูฟเอช ถ้ามีความต้องการ แต่ 16 ล้านนี่ คงไม่ใช่เผื่อของทั้งหมด เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งคงใช้เบอร์เดิม อีกบางส่วนก็ไม่ต้องใช้เบอร์เดิมเป็นเบอร์ใหม่เลย
- ปัจจุบันมีลูกค้าเท่าไร
ทรูมูฟ 17-18 ล้านราย ทรูมูฟเอช 1 ล้านกว่าราย เป็นลูกค้าที่ย้ายมาจากฮัทช์ 4 แสน ลูกค้าใหม่ 6 แสน
- ลิขสิทธิพรีเมียร์ลีกมีคนสนใจเยอะมาก
มีคู่แข่งก็ไม่เป็นไร สำหรับทรูก็เป็นคอนเทนต์ที่สำคัญกับเรา เราก็อยากจะได้ ใครชนะก็คงจะแชร์กันอยู่แล้ว ในแง่เราก็ต้องสู้เต็มที่ก่อน แต่ไม่ว่าใคาจะชนะก็คงต้องหาทางระบาย
- แพ้ได้
ถ้าแพ้เราก็ไปรอรับอีกทอด เช่นกันถ้าเราชนะเราก็อาจพิจารณาส่งต่อให้คนอื่น เราไม่ได้ปิดเรื่องการมีพันธมิตรอยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูโพสิชั่นของแต่ละฝ่ายด้วย มีความตั้งใจว่า ที่ผ่านมาเราถือหลักการประมูลเอง การแข่งขันมีแพ้มีชนะ ในการประมูลครั้งที่ผ่านๆ มาเราก็แข่งประมูลในระดับภูมิภาคมาแล้ว คู่แข่งก็มีกำลังเงินสูงๆ ทั้งนั้น
- คึกคักกว่าทุกครั้ง
ก็ไม่แน่ใจนะครับ หลายคนมองว่า เรื่องบอลบ้านเราเริ่มครึกครื้น
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น