หมายเหตุ : เมื่อวันที่ 22 มี.ค. มีการเสวนาหัวข้อ "รายงานผลการวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติของสถาบันพระปกเกล้า" โดยผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงความคิดต่อกระบวนการปรองดองในสังคมไทย ระหว่างเสวนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ลุกขึ้นถามให้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ตอบเบื้องหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
------------
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ในการนำเสนอต่อกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเริ่มต้นกระบวนการปรองดองให้ถูกต้อง มิฉะนั้นผลการศึกษาที่จะแถลงก็อาจไร้ผล ผมจึงขออนุญาตใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการตั้งข้อสังเกต ก่อนจะมีการแถลง
ณ วันนี้ย่อมไม่มีผู้ปฏิเสธได้ว่าปัญหาความแตกแยกในสังคมไทย มาถึงจุดที่วิกฤติอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเป็นความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง การศึกษาเพื่อแสวงหาหนทางปรองดอง เป็นความประสงค์ของทุกฝ่าย การระบุหารากเหง้าแห่งการขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่ามาจากสาเหตุอันใด ก็นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
แม้จะเป็นที่รับรู้กันว่าสังคมไทยเริ่มมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิดมาแล้วตั้งแต่ก่อนหน้าวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่เราก็ต้องยอมรับกันว่าความขัดแย้งเหล่านั้นอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับพัฒนาการของความขัดแย้งที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยาย2549
หนทางเดียวที่จะนำไปสู่การปรองดองอย่างแท้จริงได้ในเวลานี้ ก็คือการที่คนทุกคนต้องออกมาพูดความจริง เพื่อไขข้อแคลงใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ คนผู้นั้นก็คือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ความจริงี่ท่านจะต้องทำให้กระจ่างก็คือ
1.ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ใช่ตัวท่านเองหรือไม่ที่มีเหตุจูงใจส่วนตัวขอให้ท่าพูดความจริง เพราะมิฉะนั้น สาธารณชนทั่วไปยังคงแคลงใจว่าอำมาตย์และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549
2.เมื่อเกิดการปฏิวัติแล้ว ท่านและคณะฯได้เข้าเฝ้าถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้นำท่านเข้าเฝ้าหรือไม่ และพล.อ.เปรม รู้เห็นกับการปฏวัติหรือไม่ ท่านเคยได้เข้าพบแจ้งเรื่องการปฏิวัติต่อ พล.อ.เปรม ก่อนหน้านั้นหรือไม่
3.ภายหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมือง จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศพล.อ.เปรม ได้เคยขอให้ท่านออกมาพูดความจริง โดยผ่าน พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ใช่หรือไม่ และท่านได้พูดความจริงตามที่ร้องขอหรือไม่
"ผมและพรรคชาติไทยพัฒนา ได้พยายามแสวงหาหนทางปรองดองเพื่อประเทศชาติมาดดยตลอด จนถึงกับได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของพรรค ทว่าความปรองดองทั้งหมดนี้จะไม่เป็นผล หากท่านไม่ยอมพูดความจริง ขอให้ท่านตอบทีละข้อและทุกข้อ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิวัติ 19 กันยาย 2549"พล.ต.สนั่น ระบุ
หลังจากนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองแล้วจะแก้กันเองก่อน โดยฝ่ายกรรมาธิการปรองดองฯช่วยกันคิด ก่อนนำไปสู่คนในสังคมไทย ส่วนคำถามที่พล.ต.สนั้น ถามนั้น คำถามบางประการตายแล้วก็ตอบไม่ได้ ถ้าเปิดเผยวันนี้มันเร็ว เร็วหรือไม่ ไม่รู้ วันนี้เราต้องลืมอดีตคิดถึงปัจจุบันแล้วก็สร้างอนาคต
พล.อ.สนธิ ยกงานวิจัยของชาวฝรั่งเศส ชื่อ "รูแปง" กล่าวว่า สังคมไทยเจริญยาก มาจากคนไทยไม่ขยัน โกง อิจฉา และโอ้อวด และก่อนมีการขัดแย้งกัน สังคมไทยมีความรักเอื้ออาทร เห็นใจซึ่งกันและกัน วันนี้หายไป เราทำหลายสิ่งหลายอย่างมาอยู่ในใจของเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการแก้ไข และว่า จากนี้นำรายงานการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเข้าสภา โดย 38 ท่านผู้ทรงคุณวุฒิที่เสนอความเห็นเข้ามาโดยสภาต้องว่ากันไปตามรูปแบบของสภา ต้องยึดการให้อภัย ลืมอดีตกันเสียบ้างอะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
------------
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ในการนำเสนอต่อกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเริ่มต้นกระบวนการปรองดองให้ถูกต้อง มิฉะนั้นผลการศึกษาที่จะแถลงก็อาจไร้ผล ผมจึงขออนุญาตใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการตั้งข้อสังเกต ก่อนจะมีการแถลง
ณ วันนี้ย่อมไม่มีผู้ปฏิเสธได้ว่าปัญหาความแตกแยกในสังคมไทย มาถึงจุดที่วิกฤติอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเป็นความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง การศึกษาเพื่อแสวงหาหนทางปรองดอง เป็นความประสงค์ของทุกฝ่าย การระบุหารากเหง้าแห่งการขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่ามาจากสาเหตุอันใด ก็นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
แม้จะเป็นที่รับรู้กันว่าสังคมไทยเริ่มมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิดมาแล้วตั้งแต่ก่อนหน้าวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่เราก็ต้องยอมรับกันว่าความขัดแย้งเหล่านั้นอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับพัฒนาการของความขัดแย้งที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยาย2549
หนทางเดียวที่จะนำไปสู่การปรองดองอย่างแท้จริงได้ในเวลานี้ ก็คือการที่คนทุกคนต้องออกมาพูดความจริง เพื่อไขข้อแคลงใจของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ คนผู้นั้นก็คือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ความจริงี่ท่านจะต้องทำให้กระจ่างก็คือ
1.ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ใช่ตัวท่านเองหรือไม่ที่มีเหตุจูงใจส่วนตัวขอให้ท่าพูดความจริง เพราะมิฉะนั้น สาธารณชนทั่วไปยังคงแคลงใจว่าอำมาตย์และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549
2.เมื่อเกิดการปฏิวัติแล้ว ท่านและคณะฯได้เข้าเฝ้าถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้นำท่านเข้าเฝ้าหรือไม่ และพล.อ.เปรม รู้เห็นกับการปฏวัติหรือไม่ ท่านเคยได้เข้าพบแจ้งเรื่องการปฏิวัติต่อ พล.อ.เปรม ก่อนหน้านั้นหรือไม่
3.ภายหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมือง จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศพล.อ.เปรม ได้เคยขอให้ท่านออกมาพูดความจริง โดยผ่าน พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ ใช่หรือไม่ และท่านได้พูดความจริงตามที่ร้องขอหรือไม่
"ผมและพรรคชาติไทยพัฒนา ได้พยายามแสวงหาหนทางปรองดองเพื่อประเทศชาติมาดดยตลอด จนถึงกับได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของพรรค ทว่าความปรองดองทั้งหมดนี้จะไม่เป็นผล หากท่านไม่ยอมพูดความจริง ขอให้ท่านตอบทีละข้อและทุกข้อ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิวัติ 19 กันยาย 2549"พล.ต.สนั่น ระบุ
หลังจากนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นจากฝ่ายการเมืองแล้วจะแก้กันเองก่อน โดยฝ่ายกรรมาธิการปรองดองฯช่วยกันคิด ก่อนนำไปสู่คนในสังคมไทย ส่วนคำถามที่พล.ต.สนั้น ถามนั้น คำถามบางประการตายแล้วก็ตอบไม่ได้ ถ้าเปิดเผยวันนี้มันเร็ว เร็วหรือไม่ ไม่รู้ วันนี้เราต้องลืมอดีตคิดถึงปัจจุบันแล้วก็สร้างอนาคต
พล.อ.สนธิ ยกงานวิจัยของชาวฝรั่งเศส ชื่อ "รูแปง" กล่าวว่า สังคมไทยเจริญยาก มาจากคนไทยไม่ขยัน โกง อิจฉา และโอ้อวด และก่อนมีการขัดแย้งกัน สังคมไทยมีความรักเอื้ออาทร เห็นใจซึ่งกันและกัน วันนี้หายไป เราทำหลายสิ่งหลายอย่างมาอยู่ในใจของเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการแก้ไข และว่า จากนี้นำรายงานการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าเข้าสภา โดย 38 ท่านผู้ทรงคุณวุฒิที่เสนอความเห็นเข้ามาโดยสภาต้องว่ากันไปตามรูปแบบของสภา ต้องยึดการให้อภัย ลืมอดีตกันเสียบ้างอะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น