เป็นอันว่าเรียบร้อยโรงเรียนโคราชไปแล้ว..
สำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายก อบจ.นครราชสีมา ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งภายในของ นปช.ส่วนกลางกับคนเสื้อแดงซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่
ผลคะแนนรวมอย่างเป็นทางการ..
อันดับ 1..“ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี” อดีต รมต.กระทรวงไอซีที ภริยา “ว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี” อดีตแกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ 487,470 คะแนน
อันดับ 2..“น.พ.สำเริง แหยงกระโทก” อดีตนายก อบจ. ได้ 421,507 คะแนน
และอันดับ 3.. “วิทูร ชาติปฏิมาพงษ์” ได้ 96,482 คะแนน
อันดับ 1 และอันดับ 2 มีผลต่างคะแนน ถึง 65,963 คะแนน นั่นย่อมสะท้อนให้เห็นนัยยะ ผ่านตัวเลขที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องไม่ลืมว่าสถานะของ “หมอแหยง” คือ อดีตนายก อบจ.โคราช หรือแชมป์เก่า
“ขอแสดงความยินดี กับนายก อบจ.คนใหม่ ผมยินดีให้คำปรึกษาปัญหาท้องถิ่น และเข้าไปช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอเข้ามา และขอขอบคุณ กว่า 4.2 แสนคะแนนที่เลือกผม แม้จะไปไม่ถึงดวงดาว แต่ก็เป็นกำลังให้ผมสู้ต่อไป ขณะนี้ขอเวลาพักผ่อน ใช้ชีวิตกับครอบครัวสักระยะหนึ่ง จากนั้นจะปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ และครอบครัว เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินชีวิตจะทำอย่างไรต่อไป”
น้ำเสียงของ “หมอแหยง” หลังความพ่ายแพ้ จะว่าไปแล้วไม่ต่างจากสคริปต์เดิมๆ ซึ่งฝ่ายที่ปราชัยในการเลือกตั้งมักจะพูดในทำนองนี้ แต่หากขีดเส้นใต้ไปในวรรคท้ายๆ ที่พูดทำนองว่าจะมีการปรึกษาหารือผู้ใหญ่เพื่อกำหนดแนวทางในอนาคตต่อไป ย่อมบังเกิดแง่มุมที่น่าสนใจ..
ผู้ใหญ่ที่ “หมอแหยง” ระบุถึงนั่นหมายถึงใคร???
เนื่องด้วยที่ผ่านมาดูเหมือนว่า อดีตนายก อบจ.ท่านนี้ จะเข้านอกออกในไปมาหาสู่ผู้หลักผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาอยู่พอสมควร
ถอดรหัสไล่เรียงลำดับตามประวัติศาสตร์การเมืองท้องถิ่น แดนโคราชที่ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่..
แรกเริ่มเดิมทีที่ “หมอแหยง” ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายก อบจ. โคราช นั้นได้รับการสนับสนุนจาก “เสี่ยกล้วย-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แกนนำคนสำคัญที่สุดแห่งพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หรือพรรค ชาติพัฒนาในอดีต
แต่หลังจากการขึ้นดำรงตำแหน่ง “นายกเล็ก” ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ ว่ากันว่า หนึ่งในเงื่อนไขแห่งความห่างเหิน ส่วนหนึ่งมันเกี่ยวข้องกับฐานคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสนามใหญ่ครั้งพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ที่เจ้าของฐานเสียงเดิมอย่าง “เสี่ยกล้วย” ในฐานะ “พรรคโคราช” ถูกท้าทายจากพรรคสีแดง
สายสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องขาดลงอย่างเป็นการถาวร หลังมีการพลิกขั้วทางการเมืองก่อกำเนิดพรรคภูมิใจไทยและรัฐบาลเทพประทาน ส่งผลให้มีตัวแปรที่ 3 ในสนามโคราช.. โดย “บุญจง วงศ์ไตรรัตน์” ตัดสินใจสะบัดเสื้อแดงไปสวมเสื้อสีน้ำเงิน โยกไปร่วมงานการเมืองกับ “เนวิน ชิดชอบ”
พลันที่การเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคภูมิใจไทย เริ่มเข้ามามีบทบาทในโคราช สายสัมพันธ์ระหว่าง “หมอแหยง” กับพรรคสีน้ำเงินก็เริ่มก่อตัวขึ้น และแล้วผลกระทบต่างๆ ก็เริ่มตามมา
ยิ่งหากจับจากจังหวะก้าวของพรรคสีน้ำเงิน มันย่อมปรากฏชัดว่า ล้วนสวนทางกับพรรคสีแดงในแทบทุกๆ มุมมองและทุกๆ มิติ
ในเมื่อช่วงนั้น “หมอแหยง” คลุกคลีอยู่กับพรรคภูมิใจไทย มันจึงมีผลไปถึงแนวทางการบริหารงานที่ทำให้คนเสื้อแดงในโคราชเริ่มไม่พอใจ เพราะไม่ค่อยให้การสนับสนุนกิจกรรมของ นปช.ในพื้นที่
ส่งผลให้ตลอด 2 ปีกว่าที่ “รัฐบาลเทพประทาน” บริหารประเทศ มันยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่าง “หมอแหยง” กับ “คนเสื้อแดง” ทิ้งช่วงออกไปเรื่อยๆ
จนในวันหนึ่งที่ “รัฐบาลเทพประทาน” สิ้นอายุขัย และ ตามมาด้วยชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคเพื่อไทย มันไม่ต่างจากแรงเหวี่ยงซึ่งสวิงกลับมาที่การเมืองสนามเล็กในโคราช บนตรรกะความห่างเหินระหว่างนายก อบจ.โคราช กับคนเสื้อแดง
ชัดเจนว่าสภาพแวดล้อมทางการเมือง..ล้วนไม่เป็นคุณกับ “หมอแหยง” จุดยืนในอดีตกำลังมีแนวโน้มเป็นพิษของแชมป์ที่มุ่งหวังจะป้องกันแชมป์เอาไว้ให้ได้
ถึงบรรทัดนี้ การเมืองสนามเล็กไม่รู้ไปทำกันอีท่าไหน..จึงทอดยอดออกมาเป็นภาพ “หมอแหยง” ควงคู่กับ “แรมโบ้อีสาน- สุภรณ์ อัตถาวงศ์” แกนนำ นปช. ย่างสามขุมหาเสียงในการช่วงชิง เก้าอี้ นายก อบจ.โคราชรอบใหม่ ที่ถือว่ามีเซอร์ไพรส์อยู่พอสมควร
ใครเข้าหาใคร..น้ำจะพึ่งเรือเสือจะพึ่งป่าในรูปแบบใด..ไม่อาจทราบได้ แต่การออกตัวแรงของ “แรมโบ้อีสาน” ได้นำมาซึ่งความไม่พอใจของคนเสื้อแดงโคราชเป็นอันมาก
นั่นนำมาซึ่งความขัดแย้งครั้งใหญ่ภายในระหว่าง นปช. โคราชด้วยกันเอง เล่นกันหนักถึงขั้นที่ “แรมโบ้อีสาน” อ้างอิงมติแกนนำ 32 อำเภอ ปลด “อนุวัฒน์ ทินราช” ประธาน นปช. โคราช กลางอากาศ ด้วยสาเหตุที่ทำงานไม่เข้าขาแกนนำ และเสนอตั้ง “อุบล เอื้อศรี” อดีตผู้ว่าราชการและ ส.ว.นครราชสีมา ซึ่งเป็นคนสนิท “หมอแหยง” มาทำหน้าที่ ประธาน นปช.ฯ แทน
ก่อนจะตามมาซึ่งวาระเอาคืน เมื่อ “อนุวัฒน์” ยกเอามติแกนนำ นปช.สวนกลับเสนอปลด “แรมโบ้อีสาน” ออกจากตำแหน่งประธานที่ปรึกษา นปช.โคราช อันเป็นที่มาแห่งความแตกแยกให้กับคนเสื้อแดงเมืองย่าโม
แนวปะทะที่เกิดขึ้นจากการก้าวเข้ามาของ “หมอแหยง” ในขณะนั้น ใครพูดจริงใครพูดเท็จไม่อาจสืบทราบได้ แต่นั่นก็เป็น ประเด็นที่ทอดยอดออกมาสู่เกมหัก ที่ว่ากันว่า เหล่ามวลชนที่ยืน อยู่ตรงข้าม “หมอแหยง” และ “แรมโบ้อีสาน” หันไปสนับสนุน “ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์”
ดีกรีเป็นถึงขั้นอดีตเสนาบดี แถมพรรคชาติพัฒนายังถูก “เสี่ยกล้วย” รีแบรนดิ้งขึ้นมาใหม่ด้วยการดึง 2 ใน 3 พี เข้ามาผนึกกำลัง แถมระยะหลังเซียนการเมืองโคราชตัวจริงยังได้รับเครดิตจาก “อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” ว่าเป็นคนวงนอกที่มีแนวโน้มรีเทิร์นสู่เก้าอี้ตัวใหญ่ใน “ครม.ยิ่งลักษณ์” หลังได้รับอิสรภาพทางการเมืองในเดือนพฤษภาคมมากที่สุด
บริบทก่อนเลือกตั้งสนามเล็ก สะท้อนให้เห็นสูตร “พรรคโคราช+แดงโคราช”..
บริบทหลังเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นว่าอะไรคือ “ของจริง” อะไรคือ “ของปลอม”..
คำตอบสุดท้าย “ระนองรักษ์” ชนะ “หมอแหยง”
คำตอบท้ายที่สุด “แรมโบ้อีสาน” โดนตบหน้าฉาดใหญ่ ในวันที่ “แดงโคราชร้าวลึก” จนยากจะเยียวยา???
ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น