--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

พล.อ.สนธิ-ขวัญชัย. คู่ตรงข้ามสร้าง สังคมปรองดอง อาสาพา ทักษิณ. กลับบ้าน !!?

มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นที่พูดแล้ว “ขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดร ต้องฟัง เชื่อ และพร้อมทำตามอย่างง่ายๆ นอกเหนือจากนี้ไม่มีใครสั่งเขาได้

ขวัญชัย เคยประกาศมานานแล้วกับการไม่ร่วมทำงานกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่ที่ยังส่งกำลังจากกลุ่มคนรักอุดรมาสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องนั้น มาจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ร้องขอ

หลังจากถูกล้อมเมื่อพฤษภาคม 2553 ขวัญชัยกับแกนนำ นปช.ถูกจับติดคุกด้วยข้อหา “ผู้ก่อการร้าย” เขาอยู่ในคุกนาน 9 เดือน เมื่อได้ประกันตัวชั่วคราว เขาไม่เคยมาร่วมกลุ่มกับ นปช.อีกเลย

เขาทำตัวเงียบๆ เก็บการเคลื่อนไหว ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เขานำ ส.ส.อุดร ประกันแนวร่วม เสื้อแดงที่ถูกจับติดคุกจังหวัดอุดรออกมาได้หมด การทำงานของเขากลายเป็นโมเดลให้กลุ่ม นปช.นำไปปฏิบัติตามพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่ได้ผลเหมือนที่เขาทำในอุดร

อีกครั้งหนึ่ง เมื่อ 7 ตุลาคม 2554 ขวัญชัย ประกาศแยกตัวออกจากกลุ่ม นปช.ชัดเจน เขารวบรวมแกนนำเสื้อแดงทั้ง 20 จังหวัดอีสานสร้าง “กลุ่มแดงอีสานรักเจ้า” ขึ้นมาเพื่อเชิดชูจุดยืนปกป้องสถาบันกษัตริย์ และไม่ต้องการให้นำมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง

แน่ล่ะ ขวัญชัยคงทำตามใบสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณตามเคย เพื่อแยกเสื้อแดงอีสานออกจากกลุ่ม นปช. นั่นสะท้อนให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คิดอะไรกับกลุ่ม นปช. ที่เติบโตจนเกินกว่าการควบคุม

ท่ามกลางสถานการณ์ “ปรองดอง” ร้อนแรงในปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศ กลับไทยปลายปี 2555 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน เร่งรีบเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง ให้สภาอนุมัติ

ขวัญชัย ฉวยโอกาสเข้ามาผสมโรงสร้างความปรองดองเช่นเคย เขาประกาศ ว่า จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยในช่วงสงกรานต์เดือนเมษายนนี้ แต่พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ล้วนออกมาโจมตีขวัญชัย เป็นเสียงเดียวว่า เพ้อเจ้อ ขาดความน่าเชื่อถือ และหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณแบบไร้สาระอะไรประมาณนั้น

เป็นธรรมดา ขวัญชัยมีทั้งคนรัก ชื่นชม และคนชิงชังเขา กลุ่มคนเสื้อแดงที่รังเกียจขวัญชัยกล่าวหาว่า เขาเป็นคนของ “เนวิน ชิดชอบ” เป็นนักฉวยโอกาสสร้างพลังมวลชนมาหากิน ชอบคุยโม้โอ้อวดถึงความมั่งมี อยากดัง ต้องการให้คนชื่นชม และเป็นคนชอบประจบสอพลอ กับคนใหญ่คนโตในจังหวัดเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

แต่เนื้อแท้แล้ว ขวัญชัยเป็นชาวบ้าน คนพื้นๆ รูปร่างหน้าดูละม้ายนายประจวบ ไชยสาส์น เขายึดอาชีพเป็น ดี.เจ.คนดังแห่งคลื่นมวลชนสัมพันธ์ หนึ่งในสถานีวิทยุ ชุมชนจังหวัดอุดรธานี และเริ่มเป็นคนดัง เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศเมื่อคราวเป็นแกนนำม็อบปิดล้อม นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2549

ขวัญชัย มีพื้นเพเป็นคนอำเภอเดิม- บางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เรียนจบ ป.4 แล้วออกมาเผชิญโชคเคยเป็นตลกอยู่ วงลูกทุ่ง เขาเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ “คลื่นมวลชนสัมพันธ์” ปัจจุบันเขาร่ำรวย มีฐานะเศรษฐกิจดี จนสามารถใช้เงินนับ 10 ล้านบาทสร้างศูนย์อำนวยการที่หมู่บ้านหนองรีหู อ.เมือง จ.อุดรธานี บนที่ดินสิบกว่าไร่ เพื่อไว้ใช้สอยกับภารกิจการต่อสู้ของคนเสื้อแดง

ในช่วงกระแสไล่ พ.ต.ท.ทักษิณเกิดขึ้นทั่วประเทศ ขวัญชัยตั้งชมรมคนรักอุดร ขึ้นมาสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณและต่อต้าน กลุ่มพันธมิตร เขาตั้งเวทีใหญ่กลางทุ่งศรีเมืองโดยการสนับสนุนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด, ส.ส.ไทยรักไทย (เดิม) รวมทั้งอดีตนายก อบจ.อุดรธานี คือ เฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย

ชมรมคนรักอุดร ของเขาได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมือง ข้าราชการทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและ พล.ต.ต.เขมณัฐ สุขเจริญ (อดีต) ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เป็น ผู้อยู่เบื้องหลัง

ขวัญชัย ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เขา จัดรายการวิทยุทุกวันตั้งแต่เช้ายันเที่ยง เพื่อปลุกระดม ข่มขู่ คุกคาม พวกนักธุรกิจ ข้าราชการที่ออกมาสร้างกระแสขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณในจังหวัดอุดรธานี

สถานีวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์ของขวัญชัยตั้งอยู่ที่ตลาดเริ่มอุดม ซึ่งเป็นของ “เสี่ยตี๋” นายปรีชา ชัยรัตน์ เจ้าของโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุดรธานี 2 แห่ง

รางวัลที่เป็นกองหน้าสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และต้านกลุ่มพันธมิตรอย่าง ออกหน้านั้น ในปี 2551 สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เขาได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และยังเป็นที่ปรึกษาของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. กระทรวงมหาดไทยสมัยนั้นด้วย

นี่จึงชัดเจนว่า ขวัญชัยกับ ร.ต.อ. เฉลิม สนิทสนมกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ในแนวคิดทางการเมือง หนำซ้ำยังพูดคุยด้วยภาษาพื้นบ้านได้ออกรสชาตินักเลงลูกทุ่งถูกคอกันเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม จุดพลุพา พ.ต.ท. ทักษิณ กลับไทยในปลายปี 2555 ขวัญชัย รับลูกทันที พร้อมๆ กับยื่นเวลามาเป็นเมษายนนี้

แต่หนทางพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านยังไร้รูปแบบและขาดรายละเอียดแห่ง “ศักดิ์ศรี” ผู้มากบารมีทางการเมืองสิ่งสำคัญ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านต้องเกิดความปรองดองขึ้นในสังคม ซึ่งรหัสศักดิ์ศรีที่พรรคเพื่อไทยต้องการอย่างมาก

ดังนั้น หนทางแห่งศักดิ์ศรีจึงอยู่ที่ความปรองดอง แต่วิถีความปรองดองที่ พล.อ.สนธิ เร่งสร้างขึ้นตามโมเดลงานวิจัย ของสถาบันพระปกเกล้า กลับถูกต่อต้านอย่างหนักจากพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรฯ ร่วมทั้งนายธีรยุทธ บุญมี ผู้มีบทบาท สำคัญในการชี้นำความคิดสังคม

พล.อ.สนธิ รับลูกงานวิจัยปรองดอง มาขยายผลและจัดระดมความคิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ราวกับส่งสัญญาณว่า หนทางของสถาบันพระปกเกล้าสามารถสร้างสังคมปรองดองให้ทุกกลุ่มความขัดแย้งได้รับประโยชน์แบบ “WIN-WIN” ทุกเฉดสีของคนในสังคม

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยข้อเสนอ 2 ข้อจาก 6 ข้อ ยังเป็นที่ถกเถียงและต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามของ พ.ต.ท.ทักษิณ

คือ ข้อเสนอออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการยกเลิกผลทางคดีที่คณะกรรมการ การตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ดำเนินการไว้

ในข้อเสนอดังกล่าวนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์เพียงการยกเลิก คตส. เพราะ เป็นการเปิดโอกาสให้ใช้กระบวนยุติธรรมได้ต่อสู้คดีตามปกติ

กระบวนการ คตส. ถูกฝ่าย พ.ต.ท. ทักษิณ เชื่อว่า ไม่เป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นการใช้อำนาจคณะทหารที่ทำรัฐประหารเมื่อกันยายน 2549 มากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย และยัดเยียดความผิดฝ่ายเดียว

พล.อ.สนธิ เป็นแกนนำทหารคนสำคัญที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจ พ.ต.ท. ทักษิณเมื่อปี 2549 และใช้อำนาจตั้ง คตส. ขึ้นมาเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ

แต่วันนี้ พล.อ.สนธิ มาเล่นการเมือง เป็น ส.ส.ผ่านการเลือกตั้งของประชาชน ที่น่าสนใจคือ เขากลับเป็นตัวตั้งตัวตีหาหนทางสร้างความปรองดองให้สังคม

หนทางหนึ่งคือ พล.อ.สนธิ รับลูกให้ยกเลิกคดีที่ คตส.ดำเนินการไว้แล้วกับ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พิสูจน์ความผิดตามกระบวนการศาลปกติ

แล้วในอดีตทำไมต้องทำรัฐประหาร ยึดอำนาจด้วย นี่คือสิ่งที่น่าสนใจ

สนใจเพราะความปรองดองในสังคมยังพัวพันกับเรื่องราว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังวนเวียนกับตัวละครกลุ่มอำนาจเดิมๆ มาก กว่าความใส่ใจกับประชาชนที่ได้รับกรรมและผลกระทบจากเหตุการณ์ความขัดแย้ง ในสังคมเมื่อปี 2548-2553

ปัจจุบัน ประชาชนคนธรรมดาสามัญยังอยู่ในคุก ไร้การใส่ใจจากกลุ่มอำนาจทุกเฉดสีที่กำลังช่วงชิงและเล่นเกมทำลายล้างกันอย่างบ้าคลั่ง

ที่มา.สยามธุรกิจออนไลน์
////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น