--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

คดีหุ้นชินคอร์ปจบไม่เก็บภาษี-ไม่ผิดปกปิดโครงสร้าง !!?

อธิบดีกรมสรรพากรยืนยันต้องยึดตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ระบุว่าหุ้นชินคอร์ปไม่ใช่ของ “พานทองแท้-พินทองทา” แต่เป็นของ “ทักษิณ-พจมาน” ทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บภาษี 12,000 ล้านบาทได้ เพราะโอนกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านดีเอสไอยุติสอบ “ยิ่งลักษณ์-บรรณพจน์-โอ๊ค-เอม” ร่วมกันปกปิดโครงสร้างถือหุ้นชินคอร์ป ยืนยันเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ไม่พบความผิด ไม่ใช่ใบสั่งทางการเมือง

++++++++++++++++

นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้เก็บภาษีการโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จำนวน 12,000 ล้านบาทว่า ไม่มีขั้นตอนที่อยู่ในอำนาจของกรมสรรพากรแล้ว

“เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีว่าหุ้นจำนวนดังกล่าวที่มีภาระภาษีไม่ใช่ของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร แต่เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เมื่อศาลตัดสินออกมาอย่างนี้ส่งผลให้ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวที่ทำกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่ต้องเสียภาษี ขั้นตอนของกรมสรรพากรจึงยุติลง”

ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าต้องเรียกเก็บภาษีก่อนหมดอายุความสิ้นเดือน มี.ค. นี้ หากไม่เรียกเก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบเอาผิดผู้เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 8 เม.ย. นี้

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงถึงการที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือเร่งรัดดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา กรณีปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งใช้เป็นพยานหลักฐาน

นายธาริตกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดเมื่อปี 2545-2547 ตอนนั้นกฎหมายยังไม่ได้กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกฎหมายเพิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2551 จึงเห็นว่าเป็นการกระทำไม่ครบองค์ประกอบความผิด

ส่วนประเด็นการรายงานโครงสร้างของหุ้นชินคอร์ปที่บริษัทเป็นผู้จัดทำ และข้อมูลที่ใช้รายงานก็รับมาจากบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่และจำนวนหุ้นที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวตรงกันกับของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่ได้เป็นการรายงานเท็จ และไม่พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น.ส.พินทองทา และนายพานทองแท้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำรายงานดังกล่าว ส่วนนายบรรพจน์ได้ร่วมรับรองรายงานกับกรรมการคนอื่นในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ การกระทำของทั้ง 4 คน ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์แต่อย่างใด จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่องเพราะไม่พบการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา

“เป็นการยุติตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ดีเอสไอทำตามหน้าที่ ไม่รับคำสั่งใคร”

ที่มา.หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น