--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ล่ามโซ่ผู้บาดเจ็บ: ข้อหาละเมิด พรก.ฉุกเฉิน


โดย Niwat Puttaprasart
ล่ามซ้ำ – นายณัฐพล ทองคุณ และนายจรัญ ลอยพูล
ถูกยิงด้วยเอ็ม 16 ต้องนอนรักษาตัวที่ร.พ.ตำรวจ
พร้อมกับถูกล่ามโซ่ด้วยข้อหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าว
ว่าถูกกระทำซ้ำทั้งที่บาดเจ็บและไม่ใช่แกนนำม็อบ

หลังจากเกิดเหตุการณ์รัฐบาลส่งกำลังทหารเข้ากระชับพื้นที่การชุมนุม
ของกลุ่มนปช.ที่ราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 90 ราย และบาดเจ็บอีกนับพันคนนั้น มีรายงานของ
ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน กรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ระบุว่าล่าสุดยังมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์
ดังกล่าว รักษาตัวตามโรงพยาบาล 12 แห่ง จำนวน 26 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจ พบผู้บาดเจ็บ 2 คน คือ นายจรัญ ลอยพูล อายุ 39 ปี
และนายณัฐพล ทองคุณ อายุ 20 ปี ทั้งสองคนเป็นคนกรุงเทพฯ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บในช่วงทหารกระชับวงล้อม
แยกราชประสงค์ โดยนายณัฐพลถูกยิงที่หน้าสน.ลุม พินี วันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ถูกยิงตามร่างกาย 3 นัด
นัดแรกเป็นกระสุนปืนลูกซองที่หัวไหล่ซ้าย นัดที่ 2 โดนกระสุนปืนเอ็ม 16 ทะลุมือซ้าย และนัดที่ 3
โดนกระสุนปืนลูกซองที่ต้นขาซ้าย ส่วนนายจรัล ถูกยิงบาดเจ็บที่แยกประตูน้ำ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.
ถูกยิงตามร่างกาย 2 นัด นัดแรกกระสุนปืนลูกซองเจาะฝังในขาซ้าย และนัดที่สองกระสุนปืนเอ็ม 16 เจาะข้อมือจนทะลุ

นายณัฐพลเล่าว่า ในวันเกิดเหตุเป็นช่วงเที่ยงวันที่ 14 พ.ค. ตนกับเพื่อนขับรถจักรยานยนต์จากถนนเพชรบุรี
จะไปหาเพื่อนอีกคนที่ย่านสา ทร เมื่อมาถึงหน้าสน.ลุมพินี มีกลุ่มผู้ชุมนุมเผารถบัสของตำรวจบนถนนวิทยุ
จึงหยุดดู ตอนนั้นมีทั้งผู้ชุมนุมและชาวบ้านประมาณเกือบ 100 คน ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมจุดตะไลไฟเข้าหากลุ่มทหาร
ทหารจึงยิงปืนชุดแรกเข้าใส่ผู้ชุมนุม แต่ตนไม่เป็นอะไร แต่ถัดมาไม่กี่นาที ทหารได้ยิงปืนชุดที่สองเข้ามาอีก
ทำให้ตนโดนกระสุนปืนลูกซองนัดแรกเข้าที่หัวไหล่ และนัดที่สองเป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 เข้าที่มือซ้าย
ทำให้กระดูกนิ้วนาง นิ้วกลางและนิ้วชี้ขาด ตนพยายามจะลุกให้คนช่วย แต่ก็ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ต้นขาซ้ายอีกนัด
และในที่สุด ผู้ชุมนุมก็สามารถนำตัวมาส่งโรงพยาบาลตำรวจได้

นายณัฐพลกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นหนึ่งวัน ตนฟื้นตัวจากการผ่าตัด มีตำรวจมาสอบสวน
และแจ้งข้อหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงถูกย้ายจากเตียงผู้ป่วยธรรมดา มาไว้ในห้องผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องหา
กับผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บอีกคน และถูกล่ามโซ่ติดกับเตียง มีตำรวจเฝ้าด้านหน้าอย่างแน่นหนา

“ผมนอนโรงพยาบาล ลงจากเตียงก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ ลึกๆ เสียใจ เพราะขับรถมากับเพื่อนดีๆ
โดนยิง โดนจับ โดนข้อหา ต้องขึ้นศาล ญาติมาเยี่ยมได้เป็นเวลา” นายณัฐพลกล่าวและว่า
ก่อนหน้านี้เคยมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.ประมาณ 2-3 ครั้ง

ส่วนนายจรัล กล่าวว่า วันเกิดเหตุ 19 พ.ค. ช่วงบ่าย ตนเดินไปเดินมาบริเวณแยกประตูน้ำ
เห็นทหารเดินมากลุ่มหนึ่งประมาณ 4-5 นาย ห่างจากตนประมาณ 20 เมตร ด้วยความกลัวตนจึงวิ่งหนี
แต่ก็ถูกทหารกลุ่มดังกล่าวใช้ปืนลูกซองและปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าใส่เป็นชุด ชุดละ 5-6 นัด

“ตอนนั้นรู้สึกขาซ้ายขัดๆ วิ่งไม่ได้ สะดุดล้มลง จึงรู้ว่าถูกยิงที่ขา แต่เป็นกระสุนปืนลูกซอง พอลุกขึ้นวิ่งใหม่
ก็ถูกทหารยิงอีก เป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 โดนเข้าที่มือขวา ทำให้เนื้อแขนขวาหายไป และโดนเส้นประสาทด้วย
ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้หายเป็นปกติ” นายจรัลกล่าว

นายจรัลกล่าวด้วยว่า ตอนนี้กังวลใจมากที่สุด เพราะถูกตำรวจตั้งข้อหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ต้องถูกล่ามโซ่ไว้กับเตียงของโรงพยาบาล และมีตำรวจควบคุมตัวอย่างแน่นหนา โดยก่อนหน้านี้
ตนประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าอยู่ที่ประตูน้ำ เมื่อว่างเว้นจากงานจะมาฟังการปราศรัยของนปช.ที่แยกราชประสงค์
แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้

เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม 12 ตึก 3 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ติดตามประชาธิปไตย
คณะรัฐศาสตร์ จัดเสวนา “นักข่าวเล่าให้ฟัง : จากราชดำเนินถึงราชประ สงค์” โดยมีนายทวีชัย เจาวัฒนา
ช่างภาพอาวุโสเครือเนชั่น นายสุรศักดิ์ กล้าหาญ นักข่าวภาคสนามบางกอกโพสต์ นายตวงศักดิ์ ชื่นสินธุวล
นักข่าวหนังสือพิมพ์มติชน นายสถาพร คงพิพัฒวัฒนา ผู้รายงานข่าวภาคสนาม ทีวีไทย น.ส. ฐปนีย์ เอียดศรีชัย
ไทยทีวีสีช่อง 3 และนายเสถียร วิริยะพรรณพงศา นักข่าวภาคสนาม เดอะเนชั่น ร่วมเสวนา

น.ส.ฐปนีย์ กล่าวว่า ช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา บางครั้งนักข่าวไม่สามารถถ่ายทอด
สิ่งที่เห็นได้ทั้งหมด ต้องยอมรับความจริงว่า สื่อโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ทำงานได้ยากมากในสถานการณ์เช่นนี้
สื่อมีข้อจำกัดเพราะต้องทำงานภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีการขอความร่วมมือจากศอฉ.มายังสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง
แต่นักข่าวก็ใช้วิจารณญาณของตนเองเป็นหลักในการนำเสนอข่าวต่างๆ อย่างกรณีของตน บางข่าวที่คิดว่าคงนำเสนอทางโทรทัศน์ไม่ได้ ก็นำไปลงไปในทวิตเตอร์ ต่อมาก็เกิดปัญหาคือมีคนนำข้อความไปบิดเบือน ทำให้เกิดการเข้าใจผิด
จนตนต้องหยุดรายงานข่าวไประยะหนึ่ง

น.ส.ฐปนีย์ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ตนประจำการอยู่ที่บริเวณบ่อนไก่
เป็นจุดหนึ่งที่มีการปะทะกันรุนแรง วันที่ 14 พ.ค. กลุ่มเสื้อแดงก็ทำระเบิดเพลิงและโยนเข้าใส่ทหาร
หทารก็ยิงสวน ถามกันว่าคนเสื้อแดงหรือหน่วยกู้ชีพที่ถูกยิงตาย ใครเป็นคนยิง ตนไม่เห็นว่าทหารยิง
หรือชุดดำยิง จึงต้องรายงานว่าเป็นฝีมือของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ตลอดระยะเวลาที่รายงานข่าว
คือตั้งแต่วันที่ 14-19 ยืนยันว่าไม่เห็นกลุ่มคนเสื้อแดง หรือประชาชนที่อยู่บ่อนไก่ยิง
และไม่เห็นในจุดนาทีที่บอกกันว่าทหารยิงประชาชนตาย

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า วันที่ 20 ตอนเช้า ตนเข้าไปที่วัดปทุมฯ พอไปถึงก็พบว่าทุกอย่างสงบแล้ว
และมีคนตาย 6 ศพ เราคุยกับผู้ชุมนุม สิ่งที่เราเห็นจากเขาคือเขาจะเงียบ และไม่มีปฏิกิริยาของความรุนแรง
แต่พอได้คุยเรารู้เลยว่าเขาโกรธมาก แต่เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต่อต้านอะไรได้อีกแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดที่ทำให้
การรายงานข่าวคือเคอร์ฟิว ทำให้สื่อทุกคนต้องกลับบ้านหมด มีแค่สื่อต่างชาติ 3 คน ที่อยู่ในวัดปทุมฯ
เราคงต้องมาตั้งคำถามว่า เคอร์ฟิวที่ประกาศโดยรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่ เพราะมันปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน
ทำให้ไม่มีใครเห็นเลยว่า มีทหารอยู่บนรางรถไฟกี่โมง ทุกคนฟังจากคำบอกเล่าหมด

นายทวีชัย กล่าวว่า เพื่อนของตนที่เป็นช่างภาพคือนายชัยวัฒน์ พุ่มพวง โดนยิงเมื่อบ่ายวันที่ 15 พ.ค.
บอกว่าเป็นกระสุนจากปืนทาโวร์ และทหารเป็นคนยิงแน่นอน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายองอาจ คร้ามไพบูลย์
เพิ่งจะมาเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะช่วยเหลืออย่างไร เพื่อนโดนยิงที่โคนขาขวา กระดูกแตก 2 นิ้ว
ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาทำงานได้อีกหรือไม่ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย
จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ถึง พฤษภาเลือด สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
แต่กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องยังเป็นกลุ่มคนเก่าๆ ใช้ยุทธวิธีเก่าๆ เหมือนกันหมด คือใช้คนรากหญ้าเป็นเครื่องมือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการเสวนา กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัย นำโดยนายวสันต์ สายรัศมี
และนางกาญจนิษฐา เอกแสงศรี ยังได้นำภาพถ่ายและคลิปวิดิโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวันปทุมฯ
คืนวันที่ 19 พ.ค. มาเปิดด้วย เป็นภาพของน.ส.กมนเกดถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในเต็นท์พยาบาล
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยภาพขณะที่พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ชันสูตรศพของน.ส.กมนเกดในเบื้องต้น
ซึ่งภาพและเสียงระบุว่า มีกระสุนฝังอยู่ในร่างของน.ส.กมนเกดจริง
เรียกความสนใจจากผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก

Filed under Unrest in Bangkok, การเมือง, สังคม
*************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น