--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชาญชัย "แพะบูชายัญ"

เมื่อเกมการเมืองย้อนยุคสู่สังคมโบราณ

การใช้กำลังและจำนวนมือในสภา ผู้แทนราษฎร กลายเป็นเสียงแห่งสวรรค์

เทพเจ้าแห่งชัยชนะจึงยืนอยู่ข้างฝ่ายที่มีอำนาจต่อรองสูงกว่า และมีเขี้ยวเล็บทางการเมืองคมคายกว่า

นักการเมืองที่ครอบครองจำนวนทุน-จำนวนมือและกำลังน้อยกว่า ต้องเป็นผู้ที่ต้องสังเวยความพ่ายแพ้

เกมแย่งชิงภาษีประชาชนในตารางงบประมาณรายจ่าย และมารยาททางการเมืองถูกนำมาแบ่งสัดส่วน ให้น้ำหนักในการตัดสินวันพิพากษาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ผนวกกับความซับซ้อน-ซ่อนปมของ ร่มเงานักการเมืองใหญ่ อย่าง พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และไพโรจน์ สุวรรณฉวี ยิ่งทำให้กลเกมของ ส.ส.ในสังกัด "เพื่อแผ่นดิน" ยิ่งเพิ่มดีกรีความเสี่ยงในการร่วมรัฐบาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องลงสนามขับเคี่ยวกับคู่ขัดแย้งอย่าง "เนวิน ชิดชอบ" ร่มไม้ใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย

ทั้งปมพื้นที่เลือกตั้ง-โยกย้ายนักปกครอง-เม็ดเงินในพื้นที่หาเสียง และการถอนทุน ถูกหยิบยกขึ้นมากองต่อรองด้วยการ "แลกโหวต" ระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรคภูมิใจไทย

เมื่อช้างสารชนกัน "ลูกน้อง" ก็แหลกลาญ

เมื่อเกมพลิก ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ในนามหัวหน้าพรรค-เพื่อแผ่นดิน ผู้ครอบครองมือของ "พินิจ" ในพรรค 5 มือ จากจำนวนมือตามกฎหมาย 32 มือจึงต้องปฏิบัติการพลีชีพเพื่อสังเวยการต่อรองที่ เพลี่ยงพล้ำ

เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในความครอบครองของ "ชาญชัย" จึงอาจล้มครืน

แม้ว่าความพยายาม-ตั้งใจปฏิบัติตามวัฒนธรรมพรรคของ "ชาญชัย" จะเห็นรูป-เห็นร่าง มีร่องรอย ตลอดการร่วมรัฐบาลนานกว่า 1 ปี

แทบทุกครั้งที่มี "โอกาส-สบช่อง" ทั้งในวงประชุมคณะรัฐมนตรี-วงแกนนำพรรคร่วม-วงถกตารางงบประมาณ "ชาญชัย" ไม่เคยพลาด ออกปาก-เสนอวาระสร้างประโยชน์ให้พรรคและพวก

อย่างน้อยในวาระครบรอบ 59 ปีของ ตัวเอง "ชาญชัย" ก็ตั้งใจเปิดประเด็นเสนอ "วรรคทอง" เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ

ท่ามกลางวาระที่มีการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554

"ชาญชัย" ตั้งใจพูดบนเวทีวันคล้าย วันเกิดตัวเอง ด้วยเสียงดังว่า "ทุกกระทรวงได้รับการจัดสรรงบฯเพิ่ม 15% เหมือนกันหมด แต่ไม่ได้คำนึงถึงการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศเวียดนามมีงบฯถึง 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ของสิงคโปร์มีงบฯกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่กระทรวงอุตสาหกรรมของไทยได้งบฯ 6.4 พันล้านบาทในปี 2554 จึงไม่สามารถไปแข่งขันอะไรกับใครได้"

"วันนี้มีอย่างเดียว คือ ไม่พอใจในการจัดงบประมาณ จะทำอะไรไม่เคยชวนพรรคร่วมไปคุยเลยว่าจะกำหนดยุทธศาสตร์ในการบริหารการเงินเพื่อการแข่งขันในตลาดโลกอย่างไร คิดเอง เออเอง" ชาญชัยส่งสัญญาณถึงกระทรวงการคลัง

เมื่อผ่านวาระงบประมาณไปไม่ถึง 7 วัน "ชาญชัย" ลงมือใหม่อีกครั้งในวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ระหว่างที่ฝ่ายค้านอภิปราย นายกรัฐมนตรี 2 รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ 2 รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ทันจบความ "ชาญชัย" ก็ส่งสัญญาณว่า

"หากรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ชัดเจน และทำให้ประชาชนเกิดข้อครหา ทาง ส.ส.ของพรรคก็จะไม่โหวตให้ เพราะทางพรรคเพื่อแผ่นดินมีจุดยืนในเรื่องของความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ถูกต้อง"

จากนั้นไม่กี่ชั่วโมง แกนนำพรรคภูมิใจไทยก็เช็กเสียงได้ว่าจะมีคนของ "เพื่อแผ่นดิน" โหวตไม่ไว้วางใจประมาณ 10 เสียง กลุ่มหนึ่งมาจากสาย "พินิจ" กลุ่มหนึ่งมาจากสาย "ไพโรจน์"

และการคาดการณ์ก็ไม่เหนือความ คาดหมาย เมื่อ "โสภณ ซารัมย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถูกโหวตจากพรรคร่วมรัฐบาล "ไม่ไว้วางใจ" 10 เสียง นายชวรัตน์ ได้เสียงไว้วางใจ 236 เสียง ไม่ไว้วางใจ 194 เสียง และนายโสภณ ไว้วางใจ 234 เสียง ไม่ไว้วางใจ 196 เสียง

2 รัฐมนตรี จาก "พรรคภูมิใจไทย" ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจน้อยที่สุด

และมีเสียงอันดังส่งสัญญาณมาจาก "ชาญชัย" ก่อนโหวตไม่ถึงชั่วโมงด้วยว่า "ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควรปรับไปเป็นโควตาของพรรคประชาธิปัตย์"

สิ้นเสียงการขานคะแนน จากประธานสภาผู้แทนราษฎร "ชัย ชิดชอบ" คนการเมืองในเครือข่าย "ชิดชอบ" รวมตัวกันทันทีที่อาคารศิริภิญโญ ที่ทำการ "ผู้มีบารมี" ของพรรคภูมิใจไทย จากนั้นปรากฏข้อเสนอใต้ดิน-บนดิน เป็นมติพรรคให้ "ผู้จัดการรัฐบาล" เลือกข้าง ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อแผ่นดิน

ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี-ขับพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากการร่วมรัฐบาลกระหึ่มกัมปนาทถึงหู "พินิจ-ปรีชา-ไพโรจน์"

กระดานหกการเมือง พลิกส่ง "ชาญชัย" ร่วงหล่นบนกลเกมและความเลือดเย็นของนักการเมืองร่มเงาใหญ่ในพรรค

"ชายชัย" ในวัย 59 (เกิด 27 พฤษภาคม 2495) ผ่านตำแหน่งทางการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ตำแหน่ง แต่ ไม่เคยได้ครอบครองตำแหน่งรัฐมนตรี

หากไม่มีร่มเงาของ "พินิจ" ชื่อชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อาจไม่ปรากฏเป็น "คณะรัฐมนตรี"

โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี เป็นสัจวาจา

แต่เพื่อรักษาที่ยืนในพรรคร่วมรัฐบาล จึงต้องใช้ตำแหน่ง "ชาญชัย" แลกเปลี่ยน

บุรุษที่ชอบร้องเพลง ที่มีนัยทางการเมือง จำใจร้องเพลง "ลา" เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง

แพะที่ใช้บูชายัญการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วาระวิสามัญ 2553 กลายเป็น "ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง"
คอลัมน์ มนุษย์การเมือง
โดย อิศรินทร์ หนูเมือง isuans@yahoo.com
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น