จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ศอฉ. เดินหน้ากดดันคนเสื้อแดงต่อเนื่อง ตั้งกองร้อยรักษาความสงบลงพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อ้างพบความเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบ สั่งตรวจเข้มพื้นที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง แย้มต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ครบทั้ง 24 จังหวัด ตำรวจตั้ง 7 ชุดไล่ล่า “อริสมันต์-สุภรณ์-อดิศร” แต่ยังไม่พบตัว โอนสำนวนเป็นคดีพิเศษแล้ว 162 คดี ถังแก๊สผูกระเบิดโผล่กองขยะแถวรามอินทรา เชื่อคนร้ายเตรียมก่อเหตุแต่กลัวความผิดจึงเอามาทิ้ง “จตุพร” ปูด ศอฉ. เรียกระดมมือสไนเปอร์ ตั้งคำถามกำลังคิดจะทำอะไร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพบระเบิดที่จังหวัดอุดรธานีว่า เป็นเรื่องที่เคยบอกไปแล้วว่ายังมีความพยายามทำเรื่องเหล่านี้อยู่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิด อยากบอกกับประชาชนที่เห็นแตกต่างว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงเพราะรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาต่างๆอยู่
“การปรับเปลี่ยนความคิดเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองต้องปราศจากความรุนแรงเป็นเรื่องที่สำคัญ” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า การต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินคิดว่าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) น่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนครบกำหนดวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งยังไม่รู้ว่า ศอฉ. สรุปเรื่องนี้อย่างไร แต่เข้าใจว่าคงต่ออายุไม่ครบทุกพื้นที่
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า ยังไม่พบตัวนายกำพล คำคง ผู้ต้องหาที่จ้างวานให้ก่อเหตุระเบิดพรรคภูมิใจไทย เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามอยู่ ส่วนหมายจับจะขออนุมัติจากศาลเร็วๆนี้
ถังแก๊สผูกระเบิดโผล่รามอินทรา
“ได้รับรายงานว่ามีการพบถังแก๊สผูกระเบิดแบบเดียวกับที่พรรคภูมิใจไทยถูกนำมาวางทิ้งกองขยะภายในซอยรามอินทรา 81 พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลคันนายาว จากการเก็บกู้พบว่าเป็นการต่อวงจรระเบิดเข้ากับถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม มีแบตเตอรี่และพบเชื้อปะทุในถังแก๊สพร้อมใช้งาน คาดว่าน่าจะเตรียมระเบิดไว้ก่อเหตุสถานที่ใดที่หนึ่ง แต่เกรงว่าตำรวจจะสาวมาถึงตัวคนทำจึงนำไปทิ้งไว้” พล.ต.ท.สัณฐานกล่าวและว่า จากพฤติกรรมที่พบเชื่อว่าน่าจะทำงานกันเป็นทีม โดยมีกลุ่มคอยจัดทำระเบิดให้
สั่งตำรวจเพิ่มระวังเหตุร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สัณฐานได้ทำหนังสือแจ้งกับทุกหน่วยงานในสังกัดให้เพิ่มความระมัดระวังเหตุร้ายให้มากขึ้น และเพิ่มการตรวจสอบยานพาหนะที่นำมาจอดทิ้งไว้ตามพื้นที่สัญลักษณ์ต่างๆ เพราะเชื่อว่ากำลังมีความพยายามก่อความวุ่นวายเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
ตั้ง 7 ชุดไล่ล่า “อริสมันต์-สุภรณ์-อดิศร”
พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการปฏิบัติภารกิจของ ศอฉ. ในการติดตามตัวแกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีว่า กรณีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ตำรวจได้ติดตามในทุกพื้นที่ ทั้งบ้านพักภรรยา บุตร บ้านพักบิดามารดา แม้กระทั่งเพื่อนสนิทหรือสถานที่ต่างๆที่จะไปพักพิงได้ โดยดำเนินการในทุกมิติ ทุกช่องทางแต่ยังไม่พบตัว ส่วนกรณีของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายอดิศร เพียงเกษ แกนนำ นปช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและกองบังคับการตำรวจปราบปรามแบ่งการทำงานออกเป็น 7 ชุดในการติดตามตัว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายอริสมันต์หลบอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านนั้น พ.ต.อ.ทรงพลกล่าวว่า การตรวจสอบเส้นทางเข้าออกตามปรกติไม่พบนายอริสมันต์ หากไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านอาจเป็นการเดินเท้าออกไปในช่องทางที่ไม่ปรกติ
ศอฉ. ส่งทหารลงพื้นที่เสื้อแดง
พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ระบุว่า ยังมีข้อมูลความเคลื่อนไหวของผู้ไม่หวังดีในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือ และอีสาน จึงจำเป็นจะต้องส่งทหารเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูล โดยเน้นการทำงานของสายตรวจร่วมกับตำรวจ ทหาร ควบคู่กับการตั้งจุดตรวจในพื้นที่สำคัญๆ รวมไปถึงบ้านบุคคลสำคัญ ศาล สัญลักษณ์ทางการเมือง และมีกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยลงพื้นที่ทำงานทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะมีที่ใดบ้าง สัปดาห์หน้าถึงจะเสนอรัฐบาลพิจารณาได้ ชัดเจนว่าจะต้องต่ออายุการใช้งานออกไปอีกแต่คงไม่ครบทั้ง 24 จังหวัด ส่วนเหตุระเบิดที่ข้างพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลหรือ ศอฉ. เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะถึงไม่มีเหตุระเบิดก็ต่ออายุได้อยู่แล้ว เนื่องจากยังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบทั่วประเทศอยู่
ดีเอสไอเผยคดีพิเศษพุ่ง 162 คดี
พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับโอนคดีต่างๆจากตำรวจมาเป็นคดีพิเศษรวม 162 คดี และกำลังรอการโอนคดีวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นคดีพิเศษ ส่วนการเรียกสอบถามการทำธุรกรรมต้องสงสัยนั้น ถ้าไม่พบข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุมถือว่าการสอบถามสิ้นสุด ยกเว้นกรณีไม่สามารถชี้แจงข้อสงสัยได้ก็จะพิจารณาตั้งข้อกล่าวหาต่อไป แต่จะไม่มีการควบคุมตัว
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าบ้านเมืองอยู่ในความไม่ปรกติสุข จะต่อการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต่อไปไม่ต้องสร้างสถานการณ์อะไรขึ้นมา และอย่าโยนมาให้คนเสื้อแดง ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคภูมิใจระบุว่าเหตุระเบิดข้างที่ทำการพรรคเป็นการพยายามลอบสังหารนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคนั้น คิดว่าเป็นการพูดที่เกินเลย เป็นการอาศัยสถานการณ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง
“จตุพร” ปูดระดมมือยิงสไนเปอร์
“ผมได้ข่าวมาว่ามีการเตรียมพลซุ่มยิงที่ใช้สไนเปอร์อยู่ใน ศอฉ. และล่าสุดเห็นว่าไปรวมกันอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 20 กว่านาย ผมอยากถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร” นายจตุพรกล่าว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลขึ้นบัญชีดำนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้เข้าประเทศ เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่ากำลังมีการเดินสายล็อบบี้ประเทศต่างๆเพื่อกดดันประเทศไทยด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
“นายโรเบิร์ตเริ่มเดินสายที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก มีการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทยหลายเรื่องและยังก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงด้วย ก่อนหน้านี้ก็เคยร่วมประชุมกับแกนนำคนเสื้อแดง ถือว่ามีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์จึงควรห้ามเข้าประเทศ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น