--- พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ---

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รัฐต้องเคลียร์ "ไทยคม" ซื้อทำไม-ใครปั่นหุ้น

บทบรรณาธิการ
พร้อม ๆ กับที่กระแสข่าวเรื่องรัฐบาลไทยเจรจาเทมาเส็ก

ซื้อคืนกิจการดาวเทียม "ไทยคม" โดยข้อมูลส่วนใหญ่ออกมาจากนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รวมถึง นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้เดินทางไปเจรจากับกลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์ก็ยอมรับในเบื้องต้นว่า มีความพยายามเจรจาเพื่อซื้อคืนจริงนั้น สื่อมวลชนหลาย ๆ แขนงต่างพร้อมใจกันตั้งคำถามในหลาย ๆ มิติที่ว่าด้วยเหตุผล ความจำเป็นและความเหมาะสมที่รัฐบาลจะดำเนินการในลักษณะดังกล่าว

คำถามแรกที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าเป็นเหตุผลหลักอะไรบ้างที่ทำให้รัฐบาลต้องการซื้อคืน

กิจการดาวเทียมไทยคมนอกเหนือไปจากประเด็น "ความ

ไม่เหมาะสม" ที่ธุรกิจนี้ตกอยู่ในมือเอกชนที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้าของเป็นคนต่างชาติ หากการดำเนินงานของดาวเทียมไทยคมมีปัญหาต่อการดำเนินนโยบายความมั่นคงของรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐบาลย่อมสามารถบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินการต่อการกระทำผิดได้มิใช่หรือ

การสร้างความคลุมเครือระหว่างประเด็นที่รัฐบาลต้องการซื้อกิจการ (แต่ไม่มีความชัดเจนว่าจะซื้อแบบไหน ซื้อโดยใคร ฯลฯ) ปะปนไปกับประเด็นที่อ้างว่าบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ดำเนินการผิดข้อสัญญาสัมปทาน ยิ่งสร้างความสับสนให้กับสาธารณะ กลายเป็นข้อคลางแคลงใจว่าทั้ง 2 เรื่องเป็น "แท็กติก" ในการดำเนินการของรัฐบาล เพื่อกดดันภาคเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำโดย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ เช่นเดียวกับบทบาท สถานะของทั้งนายกรณ์และนายศิริโชคที่เพราะเหตุใดจึงเป็นตัวแทนรัฐบาลไปเจรจาในลักษณะดังกล่าว

แต่ประเด็นร้อนที่กำลังถูกเรียกร้องความชัดเจนโปร่งใส จากสังคมมากที่สุดนั่นคือ การออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายกิจการของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ก่อให้เกิดข้อครหาเรื่อง "ปั่นหุ้น" และมีผลต่อราคาซื้อขายหุ้นไทยคมอย่างชัดเจน มีผู้ได้ประโยชน์เสียประโยชน์จากกรณีดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้กำลังรอผลการติดตามตรวจสอบของกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

แม้นายกรณ์จะออกมายืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องใด ๆ นอกเหนือไปจากการเดินทางไปชี้แจงกับเทมาเส็กที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นแบบไม่ปกติเพิ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายน แต่ดูเหมือนสาธารณะยังต้องการคำอธิบายที่การเจรจา ดังกล่าวถูกนำไปขยายผล ต่อยอด โดยเฉพาะจากการให้ข้อมูลของนายศิริโชคที่ระบุไปถึงมูลค่าการตีราคาสินทรัพย์ ราคาที่คาดว่าจะซื้อขายกิจการ การนำเอาบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจเข้าไปซื้อกิจการ ฯลฯ นั้นเหมาะสมหรือไม่

และถึงที่สุดท่าทีจากนายกฯอภิสิทธิ์จะแบ่งรับแบ่งสู้ว่าอาจไม่มีการซื้อคืน แต่เมื่อกระบวนการเจรจามาจนถึงจุดนี้ รัฐบาลต้องมีคำอธิบายให้ได้ว่า เจตนาในเรื่องของ "ไทยคม" เป็นอย่างไร และมีการ "ปั่นหุ้น" หรือจะดำเนินการกับ ผู้กระทำผิดหรือไม่อย่างไรด้วย
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น