สัมภาษณ์พิเศษ
หลังเหตุการณ์พฤษภา 53 ยังมี ผู้สูญหาย-สูญเสีย ทั้งชีวิต-อิสรภาพ
พื้นที่แนวรบในเมือง สงบไปชั่วคราว
แต่การต่อสู้ทางความคิด ยังคงดำรงอยู่จนกว่าจะถึงเวลาที่ "แดง" จะฟื้นตัวได้และอำมาตย์ผุพังไปตามกาลเวลา
ตามแนววิเคราะห์ของ "อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ" นักวิชาการที่สร้างประวัติศาสตร์ อดข้าวประท้วง 8 ชั่วโมง เพื่อแลกกับหนังสือ 6 เล่ม
หนึ่งในเหยื่ออธรรม เปิดเผยปากคำผ่าน "ประชาชาติธุรกิจ" ทุกห้วงนาทีที่ถูกควบคุมตัว 8 วันในค่ายทหาร
- ก่อนหน้านี้อาจารย์ได้เข้าไปสังเกตการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง
ผมเป็นคนเสื้อแดง...ผมเป็นหนึ่งในคนเสื้อแดง เพราะผมคิดว่าเป้าหมายในการต่อสู้ของคนเสื้อแดงคือเรื่องประชาธิปไตย เรื่องความเสมอภาค สองมาตรฐาน ผมเห็นด้วยทั้งนั้น และผมก็ไม่ไมนด์ที่ผมจะเป็นคนเสื้อแดง และเป็นความภูมิใจที่ผมเป็นคนเสื้อแดง
- ไม่สนข้อวิจารณ์ว่าจะเข้าทาง "ทักษิณ" หรือเข้าทางกลุ่มผลประโยชน์ฝ่ายนั้น
จะเข้าทางใครก็ตาม ถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก็ช่างมึง (หัวเราะ) คือหมายความว่า ไม่มีการต่อสู้ใดบริสุทธิ์ ถ้าไม่เข้าทางใคร ก็ต้องเข้าทางใครคนใดคนหนึ่ง ใช่ไหม สมมติว่าเราอยู่อเมริกา เราไม่ชอบบุชก็ต้องเข้าทางเดโมแครต ถ้าเราไม่ชอบ โอบามา อย่างน้อยเราก็ต้องเป็นแนวร่วมกับรีพับลิกัน ถ้าเราจะไม่ชอบทั้งคู่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะ
ฉะนั้น ถ้าผมเป็นเสื้อแดงแล้วเข้าทางทักษิณ ถ้าผมเกลียดเสื้อแดงก็เข้าทางอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์อยู่ดี ผมขอเข้าทางทักษิณดีกว่า
- เป็นครั้งแรกที่ถูกดำเนินคดีการเมือง
ในชีวิตผม นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตำรวจ เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ผมไม่เคยเลย ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองการบ้านหรืออะไร
- แนวคิดอาจารย์ค่อนข้างวิพากษ์วิจารณ์รัฐ
รัฐประชาธิปไตยเขาไม่กลัวการวิจารณ์ อย่างรัฐบาลคุณชาติชาย (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ) คงไม่มีใครสนใจเท่าไรหรอก แม้แต่รัฐบาลคุณทักษิณยังมีการด่ากันโขมงโฉงเฉงกลางถนน ไม่เห็นจับเข้าคุกกันสักคน...ก็มีรัฐบาลชุดนี้ที่กลัวคนวิจารณ์ จับคนวิจารณ์เข้าคุก
- ถูกสอบสวนเรื่องอะไรบ้าง
ไม่มีการสอบเลยจนกระทั่งสัก 2 วันมั้ง ตำรวจจึงเรียกมาสอบ แต่ตำรวจไม่อ้างว่า "สอบสวน" นะ ตำรวจอ้างว่า มา "พูดคุยแลกเปลี่ยน" เขาสอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้ต้องหาและไม่มีความผิด เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า "พูดคุยแลกเปลี่ยน" มีตำรวจ มาถึง 4 ท่าน มีหัวหน้าชุดพูดคุยแลกเปลี่ยนเป็นพลตำรวจตรี นอกนั้นก็เป็นพันเอก พันโท
- สรุปแล้วอำนาจที่ควบคุมอาจารย์ไป คืออำนาจอะไร
อำนาจ ศอฉ. และไม่มีข้อหา เพราะมีมาตราอะไรของเขาก็ไม่รู้ที่ให้สามารถควบคุมได้ครั้งละ 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน อำนาจก็คลุมจักรวาล เพราะ "ต้องสงสัย" ก็ควบคุมได้แล้ว สมมติเขาสงสัยว่าคุณเป็นแกนนำ นปช.รุ่น 2 ที่แฝงตัวอยู่ เขาไม่มีหลักฐานเลยว่าจริงหรือไม่จริง เขาสามารถสั่งตำรวจให้เอาไปคุมตัวอยู่คอกม้าได้เลย เขาก็ทำตามอำนาจนั้น
- โดนข้อหาล้มสถาบัน หรือชุมนุมเกิน 5 คนด้วยหรือเปล่า
ไม่เกี่ยว ไม่มีเลย ผมก็อยู่โดยไม่รู้ข้อหา แต่มารู้ข้อหาเมื่อวันดีคืนดี ตำรวจดีเอสไอ โทร.มาบอกว่า ทางตำรวจได้ทำเรื่องขอยื่นอายุขังต่ออีก 7 วัน จาก 7 วันแรก จะขอขังต่อ มาถามว่าผมคัดค้านไหม ผมตอบว่า ผมถูกจับมาก็ยังไม่รู้ข้อหาอะไร แล้วผมจะไปค้านได้ยังไง เขาก็เลยแจ้งข้อหาให้ทราบว่า "ต้องสงสัยว่าจะเป็นแกนนำ นปช. รุ่น 2" จะไปจัดชุมนุม อะไรทำนองนี้นะ ซึ่งเป็นการผิดกฎหมายในภาวะฉุกเฉิน ฉะนั้นมีความจำเป็นต้องควบคุมตัวผมเอา ไว้ก่อน
ผมก็เลยบอกเขาว่า เข้าใจผิดหมดเลยคุณ ไอ้ที่จับมานี่คือปัญหาของการจับโดยไม่สอบสวน เพราะผมไม่ใช่ นปช.รุ่น 2 และรุ่น 1 ผมก็ไม่ได้เป็น ผมเป็นอาจารย์สอนหนังสือมหาวิทยาลัยก็จะเปิดแล้ว ผมต้องเตรียมการสอน ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งประชุมกับผู้คน ศักยภาพก็ไม่มี ความสามารถผมก็ไม่มี ทำก็ไม่เป็น เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาแบบนี้เป็นไปไม่ได้ จับผิดตัวแล้ว ฉะนั้นขอให้ปล่อยตัว
- อาจารย์เป็นเสื้อแดง ขณะที่สอนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย "อำมาตย์"
ผมมองว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้อะไรขนาดนั้นนะ และมีข้อดีคือเป็นลิเบอรัล เสรีนิยม แม้ว่าดูโครงสร้างอาจจะอนุรักษนิยม ผมคิดว่าอาจารย์จุฬาฯหรือ ผู้บริหาร ฟังความเห็นที่แตกต่างได้ เขาไม่ได้ปิดกั้นความคิดที่แตกต่างนะ หรืออาจจะมีกติกาที่กลั่นกรองว่า ความคิดที่ต่างจะอย่างไรก็ตาม สักวันหนึ่งมึงเข้าไปบริหาร มึงก็คิดเหมือนกู (หัวเราะ)
- แม้ประวัติศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าขุนมูลนาย
เอาเข้าจริงผมว่านั่นค่อนข้างเป็น "มายาคติมากกว่า" มหาวิทยาลัยแห่งนี้สร้างในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยรัชกาล ที่ 6 ก็จริง แต่คนที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่ต้น คือ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ก็เป็นขุนนางคนสำคัญ แต่หลังยุค 2475 จอมพล ป. หรือไม่ก็ประยูร ภมรมนตรี ด้วยซ้ำไปมาเป็นอธิการบดี อาจารย์ส่วนใหญ่ก็นักเรียนนอกเยอะ พวกนี้ก็ไม่ถือว่าคอนเซอร์เวทีฟ
- มองการเมืองไทยหลังจากนี้อย่างไร
ผมคิดว่า "อำมาตย์" คงอยู่อีกพัก ใหญ่ ๆ เพราะฝ่ายเสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำ เสียหาย และฟื้นตัวยาก ด้วยความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะทำให้อำมาตย์แข็งตัวและก็อยู่ได้อีกระยะหนึ่งใหญ่ ๆ ทีเดียว แต่ท้ายที่สุดอำมาตย์ก็พังอยู่ดี
- พังตามเวลาหรือสาเหตุอื่น
ตามเวลา ตามสังขาร ไม่มีอำมาตย์ใดอยู่ค้ำฟ้า
- ทิศทางเสื้อแดงจะเติบโตหรือเล็กลง
ระยะเฉพาะหน้านี้ โตก็ไม่มาก ผมคิดว่าขบวนการเสียหายฟื้นยาก ต้องใช้เวลาในการฟื้นและตอนนี้ก็ฟื้นยากจริง ๆ พี่วีระคาดว่าจะวางมือ ผมคาดเดาเองนะ ตู่ จตุพร คงฟื้นลำบาก ณัฐวุฒิ อาจจะพอได้ แต่ว่าคงต้องใช้เวลา มีอีกคนหนึ่งที่ผมชอบก็คือจักรภพ เพ็ญแข เพราะเขาเป็นคนมีความคิด มีความสามารถ แต่ว่าคงลำบากที่จะเข้ามาจัดตั้ง แต่พี่วีระก็โอเคนะ แต่ผมคาดเดาว่าแกคงวางมือ ผมคิดว่าตอนนี้ แกนนำควรจะลาออกแล้วให้มวลชนเลือกขึ้นมาใหม่
- สาเหตุให้เสื้อแดงเพลี่ยงพล้ำเป็นเพราะขบวนการติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายหรือไม่
ไม่มี ไม่มี เหลวไหลทั้งนั้น ขบวนการติดอาวุธบ้าบอคอแตกอะไรโผล่มาวันเดียวแล้วก็หายไป ถ้าสมมติมีขบวนการติดอาวุธก็ต้องยิงจนถึงวันนี้ หรือถ้ามีพวกซุ่มยิงในวันนั้นก็ไม่ต้องยิงใครมาก ก็ยิงอภิสิทธิ์ สักนัด ยิงสุเทพสักนัด ก็จบ ไปซุ่มยิงชาวบ้านชาวเมืองเขาทำไม เขาไม่ได้เกี่ยวข้อง
ขบวนการติดอาวุธเนี่ยนะ ฝ่ายไหน หรือใครยิง เสธ.แดง ? ใครได้ประโยชน์จากการตายของ เสธ.แดง ? ฝ่ายรัฐทั้งนั้น หลังจาก เสธ.แดงตายก็กระชับพื้นที่ เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกฝ่ายที่ 3 มีวันเดียวได้ไง
ถ้าเราเชื่อโครงเรื่องทั้งหมดที่รัฐบาล เป็นคนเล่า เราก็ต้องเชื่อโครงเรื่องที่ว่า การ์ดเสื้อแดงหรือผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงมีปืนแต่ไม่ยิงทหาร และยิงกันเอง พอยิงกันเองเสร็จก็เอาไปซ่อนไว้ในวัดปทุมฯ ถ้าเราเชื่อ สุเทพกับอภิสิทธิ์ก็ต้องเชื่อว่าข้อความที่ผมพูดทั้งหมดนั้นเป็นจริง คุณเชื่อไหม ?
เออ ทำไมถ้ามีอาวุธมากขนาดนั้น มึงไม่ยิงทหาร แต่ไปยิงกันเอง พอยิงกันเองเสร็จ เอาไปซ่อนไว้วัดปทุมฯ มึงจะบ้าหรือเปล่า ถ้าเราไม่เชื่อในโครงเรื่องนี้ สิ่งที่สุเทพกับอภิสิทธิ์ทำก็เหลวไหลหมด ที่น่าวิตกคือคนส่วนมากเชื่อในโครงเรื่องแบบนี้เป็นการฟังความข้างเดียว ทั้งที่หากเป็นไปตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่าเสื้อแดงใช้อาวุธมากขนาดนี้ ทหารก็ต้องตายไม่น้อยกว่าร้อย
- ช่วยเล่าย้อนนาทีที่ถูกตำรวจควบคุมตัวจนถึงถูกยึดหนังสือ อดข้าวประท้วง
วันอาทิตย์ (23 พ.ค.) ตำรวจไปค้นที่บ้านผมตอนบ่าย ผมก็เลยโทร.ไปคุยกับตำรวจ เขาบอกว่า ที่มาค้นเพราะมีหมายค้น มาตามคำสั่งของ ศอฉ. ผมก็เลยนัด ผู้กำกับให้มารับที่จุฬานิเวศน์ และคนที่มารับอีกคนก็เป็นคนระดับ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) จากนั้นท่านก็พาผมไปส่งที่กองปราบฯ พอมาถึงที่กองปราบฯท่านผู้บัญชาการไถง (พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู) ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ก็มารับด้วยตัวเอง
จากนั้นท่านก็แจ้งว่ามีหมายจับของ ศอฉ.ส่งมาโดยได้ขออนุมัติศาลมาเรียบร้อยแล้วว่าให้ควบคุมตัวผมไปไว้ที่ค่ายอดิศร (จ.สระบุรี) ทันที ผมก็ไปอยู่ค่ายอดิศรเป็นเวลา 8 วัน
- ระหว่างเดินทางไปที่ค่ายอดิศร อาจารย์ถูกควบคุมด้วยรถอะไร
ไปรถตำรวจ มีตำรวจถือปืนขนาบซ้าย-ขวานั่งคู่ไปด้วย ในรถมี 5 คน มีตำรวจ 4 คน นั่งหน้า 2 คน นั่งหลัง 2 คน ผมนั่งตรงกลางเบาะหลัง มีรถหวอนำขบวน ตลอดทาง
ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ผมเข้าใจว่านี่คงจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ได้นั่งรถโดยมีรถนำขบวน ได้รับเกียรติอย่างสูงมากที่ ผู้บัญชาการไถง ได้มอบให้ผม (หัวเราะ)
- เหตุการณ์ที่อาจารย์ตัดสินใจอดข้าว หลังถูกยึดหนังสือ
ทหารก็มาแจ้งว่า จะต้องขอหนังสือที่ ผมอ่านทั้งหมดไปตรวจก่อนว่ามีหนังสืออะไรบ้าง ผมก็ให้เขาไปหมด อยากตรวจ ก็ตรวจ ผมถามหลายรอบนะว่าหนังสือผมจะได้คืนเมื่อไร ผมคิดว่า โอ้โฮ...ข้ามวันแล้วคงไม่ได้หนังสือคืนแน่ ถ้าไม่ทำอะไร สักอย่าง
ผมจึงได้เรียนนายทหารที่ควบคุมตัว ทราบว่าผมจะขออนุญาตไม่รับประทานอาหาร จนกว่าจะได้รับหนังสือคืน ผมไม่ได้อดอาหารประท้วงนะครับ ผมประท้วงไม่เป็น แต่ผมขออนุญาตไม่ทานข้าว
- ไม่ได้เรียกว่าประท้วง
อ้าว...ก็ท่านอภิสิทธิ์ก็ไม่เคย "สลาย การชุมนุม" ท่านเพียงแต่ "ขอพื้นที่คืน" ไม่เคยสลายการชุมนุมมาก่อน ผมก็ไม่ได้ "ประท้วง" เพียงแต่ "ขออนุญาตไม่ทานข้าว" และที่เอาตัวผมไป ผมก็ไม่เคยถูกขัง ผมแค่ถูก "ควบคุมตัวชั่วคราว" โดยมีลวดหนามล้อมรอบ (หัวเราะ)
ผมไม่ทานข้าวอยู่ 8 ชั่วโมง ผมมีโรคประจำตัว แต่ในที่สุดผมก็ได้หนังสือคืน ผมก็เริ่มทานข้าวปกติ ผมคิดว่าถ้าไม่ทำอย่างงั้นก็คงตรวจหนังสือผมอีกหลายวัน อยู่อย่างงั้นถ้าไม่มีหนังสืออ่านก็เป็นชีวิตที่แย่มาก
- หนังสือของอาจารย์ในระหว่างถูกควบคุมตัว
มีหนังสือปรัชญาประวัติศาสตร์ เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ Philosophy of History หนังสือประวัติศาสตร์เมืองมาลายา Red star over Malaya หนังสือประวัติมิเชล ฟูโก คนเขียนชื่อธีรยุทธ บุญมี และทฤษฎีโพสต์โมเดิร์น ฉบับการ์ตูน เป็นงานแปล อีกเล่มชื่อ คนไทยในกองทัพนาซี คนเขียนชื่อ พ.อ.วิชา ฐิตวัฒน์ และอีกเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือของผมเอง ผมเอาไปตรวจพิสูจน์อักษร ชื่อ "แผนชิงชาติไทย"
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจ
**********************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น