โดย อิศรินทร์ หนูเมือง
ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเพื่อไทย ใช้นักการเมือง ที่มี "สัญลักษณ์" ลงสนามเลือกตั้งซ่อม เขต 6 กทม.
ทั้ง "พนิช วิกิตเศรษฐ์" ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์
และ "ก่อแก้ว พิกุลทอง" ตัวแทนพรรคเพื่อไทย
ทั้ง 2 คน 2 ชนชั้น 2 ตัวแทนจาก 2 นครา เชิงสัญลักษณ์
อย่างน้อย "พนิช" ก็ไม่ใช่ตัวแทนจากชนชั้นรากหญ้า
แต่เขาคือ "หลานเขย" เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศวร์ แห่งตระกูล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศ
ในครอบครัวของเขา ฝ่ายแม่ สืบเชื้อสายจากตระกูล "จักรพันธุ์" คือ ม.ล.สมพงษ์วดี บุตรสาว ม.ร.ว.พงษ์พรหม จักรพันธุ์
สืบสาแหรกขึ้นไปถึงระดับต้นตระกูล มาจากสาย "เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี" พระอนุชาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ส่วนสายพ่อ เป็นพ่อค้า มาจาก เมืองจีนตระกูล "วิกิตเศรษฐ์" มีรากเถาจากพ่อค้าข้าว เจ้าของโรงสี เมื่อ 100 ปี ที่แล้ว
โบราณว่า 10 พ่อค้า ไม่เท่า 1 พระยาเลี้ยง เป็นความสัตย์
พี่น้องของ "พนิช" ทั้ง 10 คน จึงมีโอกาสไปเรียนเมืองนอกถึง 9 คน
"ฝ่ายคุณแม่ผม ก็ไม่คิดว่าท่านเป็นอำมาตย์โดยกำเนิด ผมคิดว่าเขาก็เกิดมาในสายราชวงศ์ คุณตาเป็นหม่อมราชวงศ์ คุณแม่ผมเป็นหม่อมหลวงสายจักรพันธุ์ ก็ไม่ได้รวย เมื่อถ้าเทียบกันแล้วคุณพ่อ อาจจะรวยกว่าด้วยซ้ำตอนแต่งงาน"
ในพรรค-พวก-เพื่อนฝูง "พนิช" เป็นทีมฟุตบอล PM11 (priminister11) ทีมเดียวกับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายก รัฐมนตรี เมื่อลงสนามแข่งกับคณะทูต
"พนิช" กับ "อภิสิทธิ์" รู้จักคบหาเป็นเพื่อนกันมาร่วม 3 ทศวรรษ
ตั้งแต่สมัยจบการศึกษาเป็น "นักเรียนนอก" ทำงานร่วมกันในโครงการ "ธนาคารคู่บ้านคู่เมือง" ของธนาคารกรุงเทพ ร่วมรุ่นกับทศ จิราธิวัฒน์, ณินทิรา โสภณพนิช, ไพสิฐ ตู้จินดา
เข้าประจำการในสนามการเมืองที่สำนักประชาธิปัตย์ ในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคียงคู่ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" เจ้าสำนักการตลาด
ในแวดวงนักธุรกิจ "พนิช" บอกว่า เขารู้จัก "ตระกูลศรีวิกรม์" ดีมาก ตั้งแต่ วัยเด็ก
ส่วนคนจากตระกูล "จิราธิวัฒน์" ทั้ง "ทศ-ปริญญ์" เขาบอกว่าสนิทสนมกัน เป็นอันดี
ช่วงที่วาทกรรม "ไพร่-อำมาตย์" ดังกึกก้องตั้งแต่ท้องถนนสี่แยกราชประสงค์ เข้าไปถึงรั้ววัง
"พนิช" รู้สึกสะดุ้ง-สะเทือน แต่ไม่เข้าใจ "ความหมายที่แท้จริง"
ในทรรศนะ "พนิช" คำว่าอำมาตย์- สายเลือด-การกระทำ เป็นตัวชี้วัดฐานะ มากกว่า "นามสกุล"
เขาตั้งคำถามว่า อะไรคืออำมาตย์ ? รัฐบุรุษ ? พระเจ้าแผ่นดิน ? ทหาร ? ข้าราชการระดับสูง ? หรือเปล่า ?
"ประชาชาติธุรกิจ" เคยตั้งประเด็น "อำมาตย์-ไพร่" คุยกับ "พนิช" เขา อธิบายว่า...
"ผมไม่มีในความคิดของผมว่า ใครเป็นไพร่ หรือไม่เป็นไพร่ เพราะ สำหรับผม ถ้าใครทำสิ่งที่ดี ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ทำผิดกฎหมาย อันนี้เป็นสิ่งที่สังคมควรยอมรับ ไม่ว่าเขาจะเป็น...อะไรก็แล้วแต่"
"ผมบอกตรง ๆ เลยนะ ว่าผมไม่เข้าใจดีพอ และก็ไม่พยายามทำความเข้าใจด้วยว่าอะไรคือไพร่ อะไรคืออำมาตย์ เพราะก่อนมีการชุมนุมซึ่งนำคำว่าไพร่และอำมาตย์มาใช้ ผมไม่เคยพูดถึงคำสองคำนี้ในชีวิต แต่ผมเข้าใจว่าในทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมตะวันออก สังคม ตะวันตก ก็มีสิ่งที่เราเรียกว่าความไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องความไม่เท่าเทียมมาทำให้เกิดความขัดแย้งความรุนแรง"
"ไม่ว่ารวยหรือจน เขาก็คือคนขาด คุณธรรม จรรยาบรรณ และไม่รู้ว่า เขาเป็นอำมาตย์หรือไพร่ เพราะผมไม่สามารถ นำ 2 คำนี้มาจัดประเภท คนได้"
..........................
บุคคลเชิงสัญลักษณ์ ที่พรรคเพื่อไทยเลือกส่งลงชิงชัยในชานเมืองกรุงเทพฯ คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
เพราะ "ก่อแก้ว" เป็นทั้งตัวแทน- เพื่อไทย ตัวแทน-คนเสื้อแดงและตัวแทนของคนรากหญ้า
เขาร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดง ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง "ความจริงวันนี้สัญจร"
วรรคทองของ "ก่อแก้ว" คือ การ กล่าวปราศรัยในทำนองว่า "ต้องมีการ ปลดรูปบุคคลสำคัญ"
"ก่อแก้ว" กลายเป็น 1 ใน 24 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
โดยมีตำแหน่งอดีตรักษาการผู้อำนวยการ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ที่แต่งตั้งโดย "ภูมิธรรม เวชยชัย" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพ่วงท้าย
เข้าไปปฏิบัติภารกิจ เพื่อทำหน้าที่ ศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา ของ ร.ส.พ. ที่ขาดทุนมานาน เกือบ 20 ปี
หลังรัฐประหาร 2549 "ก่อแก้ว"เป็นเครือข่ายคนสำคัญของ "จตุพร- ณัฐวุฒิ" ในทีมสถานีโทรทัศน์ "สีแดง" แห่ง "พีทีวี" แต่ไม่เคยได้จัดรายการ ออกอากาศ เพราะสถานีไม่เคยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลทหาร
เขาจึงเข้าร่วมจัดรายการสัญจร "ต่อต้าน คมช." ที่สนามหลวง
ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้อนุญาตให้สถานีโทรทัศน์ NBT ออกอากาศรายการ "ความจริงวันนี้" "ก่อแก้ว" จึงได้มีโอกาสร่วมรายการเป็นพิธีกรรับเชิญ
เขาเป็น "คนปักษ์ใต้" เชื้อสายจีน เครือเถาเดียวกับ "จรัล ดิษฐาอภิชัย" และ "จตุพร-ณัฐวุฒิ"
ดีกรีปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (เกียรตินิยม) และปริญญาโท MBA International Program จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยม)
อีกไม่กี่วันจะได้พิสูจน์ว่า ตัวแทนจาก 2 ชนชั้น จาก 2 พรรค ใครจะได้ครองใจมหาชนชาวกรุง
ที่มา.ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น