แม้กรณีนี้จะถูกตั้งคำถามอย่างมากมายว่า ใน ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยมีคำสั่งโยกย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา ออกจากเก้าอี้ เลขา สมช. ไปอยู่ในตำแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อให้ ถวิล เปลี่ยนสี ได้ครองเก้าอี้ เลขา สมช. เช่นเดียวกัน เหตุใดจึงไม่มีความผิด
นอกจากนี้นักวิชาการกฎหมาย หลายท่านยังชี้ให้เห็นว่า ในปัจจุบันสถานะของ นายกรัฐมนตรี ภายหลัง ยุบสภา นั้นถือว่า ความเป็นรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงแล้ว ตามกฎหมาย เพราะเหตุใด ศาลรัฐธรรมนูญ จึงรับที่จะดำเนินการวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคดีที่มีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สถานสภาพ ส.ส. ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีที่กระทรวงกลาโหม สั่งให้ถอดยศ เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีการใช้เอกสารการเกณฑ์ทหารปลอม แต่ ศาลรัฐธรรมนูญ กลับจำหน่ายคดี ไม่ดำเนินการพิจารณาวินิจฉัย โดยอ้างว่า ยุบสภา ทำให้สิ้นสุด สภาพ ส.ส. โดยปริยาย
กลายเป็น คำถาม ที่ปรากฏขึ้นมากมายอยู่ในสังคม และ ส่งผลให้เกิด คำถาม ต่อการทำหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญ อย่างปฏิเสธไม่ได้
ล่าสุดกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมการที่จะวินิจฉัยสถานภาพ นายกรัฐมนตรี ดังกล่าว ได้มีการพบว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ส่งเอกสารประเด็นคำถาม ที่จะดำเนินการไต่สวน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตเลขา สมช. ที่เป็นผู้โยกย้ายจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มารับตำแหน่ง เลขา สมช. แทน ถวิล เปลี่ยนสี ในการโยกย้ายครั้งดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หลายคำถามเป็นประเด็น คำถามเชิงความรู้สึก ซึ่งขัดกับสิ่งที่สาธารณะชนเข้าใจว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ในการ วินิจฉัย ตามตัวบท-กฎหมาย หรือไม่
โดยพบว่าได้มี หนังสือเรียกเอกสาร หลักฐาน หรือบุคคล ลงเลขที่ (17) 001/2557 เรื่องพิจารณาที่ 34/2557 ลงวันที่ 24 เมษายน 2557 ถึง “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” ขอให้มาให้ถ้อยคำต่อศาลในวันอังคารที่ 6 พฤษภาคม 2557 เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดีชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์)
โดยให้จัดส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นของตนต่อศาล พร้อมทั้งยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีตามประเด็นที่ศาลกำหนดตามเอกสารที่แนบมาพร้อมนี้ จำนวน 9 ชุด พร้อมรับรองสำเนาภายในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2557 ตามจ้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 40 ประกอบข้อ 7
โดยมีการระบุถึง ประเด็นหลัก ในการไต่สวน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ดังนี้
1.ประวัติการศึกษา การทำงานและการรับราชการของท่าน
2.ความถนัดหรือความพึงใจในการดำรงตำแหน่งระหว่างตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติและปลัดกระทรวงคมนาคม
3.ในช่วงก่อนที่จะมีการโอนย้ายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เช่นหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เผยแพร่ในลักษณะที่ว่า ท่านไม่ประสงค์จะโอนย้ายจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยแสดงอาการเสียใจที่ถูกโยกย้ายตำแหน่ง ซึ่งบางสื่อระบุว่าน้ำตาคลอ ในเรื่องนี้เป็นที่เข้าใจได้ว่าย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจและความรู้สึก ท่านใช้เวลานานหรือไม่ที่จะทำใจยอมรับสภานี้ได้
4.ได้รับการทาบทามล่วงหน้าในการโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งใด
5.ความตั้งใจเดิมต้องการที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งใด
6.ก่อนที่จะมีการโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไดมีการปรึกษาหารือใครบ้าง ได้ปรึกษาหารือกับถวิล เปลี่ยนสี หรือไม่ อย่างไร
7.เมื่อไปทำงานในตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วลักษณะงานเหมือนหรือต่างกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแค่ไหน เพียงไร
8.คิดหรือไม่ว่าในชีวิตราชการที่อยู่ในสายงานของตำรวจมาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม
9.ในการโอนย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ได้รับการทาบทามล่วงหน้าหรือไม่ อย่างไร และคิดหรือไม่ว่าจะไปเป็นการปิดกั้นการเจริญเติบโตของข้าราชการในกระทรวงคมนาคม และเมื่อไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ข้าราชการมีท่าทีอย่างไรต่อการเข้าดำรงตำแหน่งของท่าน
10.นายกรัฐมนตรี ติดต่อทาบทามให้ท่านไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมหรือไม่ อย่างไร หรือได้มอบหมายให้ท่านใดเป็นผู้ทาบทามและได้มีคำมั่นไว้หรือไม่ อย่างไร
เมื่อพิจารณาคำถามทั้งหมด จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็น คำถามเชิงความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็น พึงพอใจตำแหน่งไหน-กระทบจิตใจหรือไม่-ทำใจกี่วัน-ต้องการเกษียณที่ใด และ น้ำตาคลอเบ้า…เราเข้าใจได้
ซึ่งขัดแย้งต่อสิ่งที่สาธารณชนเข้าใจว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ในบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ อย่างเคร่งครัด
ซึ่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะต้องตอบคำถามให้ชัดว่า แท้ที่จริงแล้ว ยึดถือ “ตัวบท-กฎหมาย” หรือเป็นไปตาม “ความรู้สึก” กันแน่ ???
ธง. ค่อนข้างจะ ชัดเจน จากความรู้สึก ที่ได้แสดงออกมาทั้งหมด
ที่มา.พระนครสาส์น
--------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น