พรรคเพื่อไทย 1 ต.ค. - เพื่อไทยย้ำตรวจสอบทุจริตกล้องซีซีทีวีต่อเนื่อง ชี้ได้ข้อมูลจาก 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบข้อมูลน่าสงสัยทุจริตเพิ่ม เตรียมอภิปรายในสภาฯ เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่สาธารณชนยังไม่รู้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรค แถลงว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบกรณีการทุจริตกล้องซีซีทีวีของ กทม. พบว่ามีการแอบถอดกล้องดัมมี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคได้จัดส่งคนไปถ่ายภาพจุดที่ติดตั้งและบุคคลที่ไปถอดกล้องดังกล่าวไว้หมดแล้ว โดยจะนำภาพส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอง เกรงว่าจะมีความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นและไม่น่าไว้วางใจ เพราะบุคคลที่มาเป็นคณะกรรมการล้วนแต่เป็นคนของ กทม.
นายจิรายุ กล่าวว่า พบข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมาชี้แจงกับคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล ว่าพบความไม่ชอบมาพากลโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี 10,000 ตัวของผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันในหลายจุดเพิ่มเติม ทั้งเรื่องประสิทธิภาพของกล้องที่พบว่าไม่สามารถเชื่อมสัญญาณไปยังสำนักงานเขตหรือสถานีตำรวจได้ทุกจุดตามที่เขียนไว้ในสัญญา ขณะที่การประมูลมีแนวโน้มว่าจะทุจริต เพราะทุกบริษัทที่ประมูลงานได้ เหตุใดจึงใช้กล้องยี่ห้อเดียวกัน คือ STARDOC ทั้งที่ในตลาดมีกล้องกว่า 20 ยี่ห้อที่มีคุณภาพสูงและราคาถูกกว่ามาก เหมือนกับกรณีสายไฟเบอร์ออปติกที่มาจากแหล่งเดียวกัน ในราคาเมตรละ 400 บาท ทั้งที่หน่วยงานอื่นๆ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง ซึ่งซื้อสายดังกล่าวในราคาเมตรละ 48 บาท
ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหาว่าในรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดกล้องพรางกว่า 7,000 ตัว นายจิรายุ กล่าวว่า ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่โครงการได้ถูกยกเลิกกลางคัน ทั้งที่ติดตั้งได้เพียง 1,512 ตัว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะยื่นญัตติเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อน. - สำนักข่าวไทย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรค แถลงว่า หลังจากพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบกรณีการทุจริตกล้องซีซีทีวีของ กทม. พบว่ามีการแอบถอดกล้องดัมมี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งพรรคได้จัดส่งคนไปถ่ายภาพจุดที่ติดตั้งและบุคคลที่ไปถอดกล้องดังกล่าวไว้หมดแล้ว โดยจะนำภาพส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอง เกรงว่าจะมีความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นและไม่น่าไว้วางใจ เพราะบุคคลที่มาเป็นคณะกรรมการล้วนแต่เป็นคนของ กทม.
นายจิรายุ กล่าวว่า พบข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมาชี้แจงกับคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล ว่าพบความไม่ชอบมาพากลโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวี 10,000 ตัวของผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันในหลายจุดเพิ่มเติม ทั้งเรื่องประสิทธิภาพของกล้องที่พบว่าไม่สามารถเชื่อมสัญญาณไปยังสำนักงานเขตหรือสถานีตำรวจได้ทุกจุดตามที่เขียนไว้ในสัญญา ขณะที่การประมูลมีแนวโน้มว่าจะทุจริต เพราะทุกบริษัทที่ประมูลงานได้ เหตุใดจึงใช้กล้องยี่ห้อเดียวกัน คือ STARDOC ทั้งที่ในตลาดมีกล้องกว่า 20 ยี่ห้อที่มีคุณภาพสูงและราคาถูกกว่ามาก เหมือนกับกรณีสายไฟเบอร์ออปติกที่มาจากแหล่งเดียวกัน ในราคาเมตรละ 400 บาท ทั้งที่หน่วยงานอื่นๆ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง ซึ่งซื้อสายดังกล่าวในราคาเมตรละ 48 บาท
ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหาว่าในรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดกล้องพรางกว่า 7,000 ตัว นายจิรายุ กล่าวว่า ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่โครงการได้ถูกยกเลิกกลางคัน ทั้งที่ติดตั้งได้เพียง 1,512 ตัว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ จะยื่นญัตติเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแรกในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อน. - สำนักข่าวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น